May 16, 2024   11:16:37 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ทั่วๆไปของวันนี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 21/03/2007 @ 09:55:28
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

กลยุทธ์การลงทุน

ตัวเลขส่งออกเดือน ม.ค. เติบโตสูง เงินบาทยังไม่อ่อนค่าเร็วนี้
แนวโน้มตลาดวันนี้...บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายมากขึ้น หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น ไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด ขณะเดียวกันตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐเดือน ก.พ.เพิ่มขึ้น 1.525 ล้านหลัง เพิ่มกว่า 9% จากเดือนก่อน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้และเพิ่มรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 49 ลดความวิตกต่อการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัย และเพิ่มการคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐจะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ในการประชุมคืนนี้

ด้านปัจจัยในประเทศ ตัวเลขส่งออกเดือน ม.ค. 50 ดีกว่าเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ สะท้อนว่าการแข็งค่าของเงินบาทช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เกิดจากการเก็งกำไร และยังไม่แข็งค่าเพียงพอต่อการกดดันตัวเลขส่งออก เป็นสัญญาณว่าเงินบาทอาจยังไม่อ่อนค่าในเร็วๆ นี้ และเพิ่มความคาดหวังที่จะมีการปรับลดดอกเบี้ยในอัตราเร่งอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเป็นปัจจัยสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจาก ส่วนต่างระหว่างเงินบาท Offshore และ Onshore ที่เริ่มแคบลง แสดงถึง ความต้องการเงินบาทในต่างประเทศเริ่มลดลง ขณะเดียวกันเรามองว่าความต้องการแปลงดอลลาร์กลับเป็นเงินบาทของผู้ส่งออกผ่านตลาด Onshore ก็เริ่มลดลงเช่นเดียวกัน ค่าเงินบาท Onshore อาจแข็งค่าจากระดับปัจจุบันได้อีกไม่มาก จึงควรระมัดระวังแรงเทขายทำกำไรของ นักลงทุนต่างชาติหากดัชนีปรับตัวขึ้นแรง

ส่งออกเดือน ม.ค. 50 ดีกว่าเป้าหมาย กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขส่งออกเดือน ม.ค. 50 ที่ระดับ 10,488 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตกว่า 17.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ที่ระดับ 12.5% สาเหตุหลักมาจากภาคส่งออกส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า ได้แก่ กลุ่มใช้วัตถุดิบในประเทศ อาทิภาคเกษตร มีมูลค่าการส่งออกเพียง 15% ของการส่งออกรวม ขณะที่กลุ่มที่ใช้วัตถุดิบในประเทศต่ำกว่า 50% อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่าส่งออกเกือบ 47% กลับได้รับผลดีในแง่ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าถูกลง

กลยุทธ์การลงทุน หาจังหวะเก็งกำไรหุ้นอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยทั้งธนาคารขนาดใหญ่ (BBL, KBANK) และกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัยขนาดกลาง (AP, SPALI) และทยอยสะสมหุ้นที่มีเรื่องราวเฉพาะและปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น

UMS (FV 20.60 บาท) ได้ลูกค้าใหม่เร็วกว่าคาด โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 50 ได้ลูกค้าใหม่แล้วกว่า 30 ราย จากที่เราคาดไว้ทั้งปีที่ 45 ราย จึงมีโอกาสปรับประมาณผลประกอบการขึ้นในอนาคต หากการส่งคำสั่งซื้อของกลุ่มลูกค้าใหม่เป็นไปตามคาด

BCP-DR (FV10.50 บาท) EBITDA ของบริษัทจะเติบโตอย่างมีนัยในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ขณะที่ Downside risk ต่ำ เนื่องจาก ราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคากระทรวงการคลังรับซื้อคืน 13 บาท ในปี 57 คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.7% ต่อปี
SATTEL (FV10.85 บาท) รัฐบาลกลางออสเตรเลียให้เงินทุนสนับสนุนการใช้บรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม ช่วยให้มีโอกาสสูงที่จะบรรลุเป้าลูกค้าในออสเตรเลีย ซึ่งบ่งชี้ถึงพัฒนาการด้านการตลาดที่ต่อเนื่องของไอพีสตาร์




 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 21/03/2007 @ 09:57:08 :
เงินบาทแข็งค่าผ่าน 34.80 มาแตะ 34.78 เช้านี้ ตามทิศทางเงินเยน

นักบริหารเงิน ธนาคารไทยธนาคาร กล่าวว่า เช้านี้เงินบาทเปิดตลาดที่ 34.80/83 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากวานนี้ที่ปิดที่ 34.85/87 บาท/ดอลลาร์ จากนั้นยังปรับแข็งค่าทะลุขึ้นมาแตะระดับ 34.78 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นไปตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนที่แข็งค่ามาอยู่ที่ 117.20 เยน/ดอลลาร์ จากวานนี้ที่ปิดตลาดในระดับ 118 เยน/ดอลลาร์ เนื่องจากวานนี้สหรัฐประกาศอัตราการก่อสร้างบ้าน และ การอนุญาตก่อสร้างในเดือนก.พ. ซึ่งตัวเลขที่ประกาศออกมาไม่ค่อยดี ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง

นักบริหารเงินมองกรอบเงินบาทวันนี้ 34.75-34.90 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งประชุมวันนี้เป็นวันสุดท้าย

ขณะนี้เงินบาท เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 34.78/82 บาท/ดอลลาร์ เงินเยนอยู่ที่ 117.20 เยน/ดอลลาร์ และค่าเงินยูโร อยู่ที่ 1.3310 ดอลลาร์/ยูโร


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 21/03/2007 @ 10:00:55 :
[b:9b758d97de">*OGC ปันผลปี 49 ในอัตรา 3.29 บ./หุ้น จ่าย 25 พ.ค. [/b:9b758d97de">

นายกีรติ อัสสกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ. โอเชียนกลาส (OGC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550 มีมติให้จ่ายเงินปันผลประจำปีสำหรับผลการดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ในอัตราหุ้นละ 3.29 บาท จ่ายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2550


[b:9b758d97de">*PHA ปันผลปี 49 รวม 9.50 บ./หุ้น จ่าย 2 พ.ค. [/b:9b758d97de">

นางกฤตยา ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ภัทรประกันภัย (PHA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550 มีมติเห็นสมควรเสนอให้จ่ายเงินปันผลประจำปีสำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ในอัตราหุ้นละ 8.50 บาท และให้จ่ายเงินปันผลพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี อีก 1 บาท รวมเป็น 9.50 บาท โดยจะจ่ายในวันที่ 2 พฤษภาคม 2550



[/color:9b758d97de">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 21/03/2007 @ 10:02:45 :
[b:92be1962f9">*SORKON เพิ่มทุน 385,000 หุ้นรองรับการจ่ายหุ้นปันผล [/b:92be1962f9">

บมจ. อุตสาหกรรมอาหาร ส.ขอนแก่น (SORKON) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550 มีมติมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 77,000,000 บาท เป็น 80,850,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 385,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เพื่อรองรับการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญ

กรณีผู้ถือหุ้นรายใดมีเศษของหุ้นน้อยกว่า 20 หุ้นให้จ่ายปันผลเป็นตัวเงินแทนการจ่ายเป็นหุ้นปันผลสำหรับเศษของหุ้นสามัญดังกล่าวในอัตราหุ้นละ 1บาท หุ้นส่วนที่เหลือจากการจัดสรรแล้ว ให้เป็นสิทธิของประธานเจ้าหน้าที่บริหารที่จะพิจารณาจัดสรร

รวมทั้งการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท ของจำนวนหุ้นสามัญที่จดทะเบียนไว้จำนวน 7,700,000 หุ้น คิดเป็นเงินปันผล 3,850,000 บาท เงินปันผลที่จ่ายเป็นเงินสดและจ่ายเป็นหุ้นปันผลดังกล่าวไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กำหนดจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญและเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 7,700,000 หุ้นพร้อมกัน ในวันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2550


[/color:92be1962f9">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 21/03/2007 @ 10:04:38 :
[b:bb7039a4e2">UNIQหุ้นน้องใหม่ เปิดจองวันนี้1.80บ. [/b:bb7039a4e2">

บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) UNIQ ได้กฤษ์เปิดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 162.5 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 1.80 บาท ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 23 มีนาคม 2550 มั่นใจรายย่อยแห่จองเพียบ พร้อมเทรดจริงวันที่ 30 มีนาคม ด้านผู้บริหาร ? นที พานิชชีวะ? คุยฟุ้งราคาหุ้นถูกติดดินหนุนเทรดจริงไม่ต่ำจอง

นายนที พานิชชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) UNIQ ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดกลางและขนาดใหญ่ เปิดเผยว่า เชื่อว่าการเปิดจองซื้อหุ้น UNIQ ครั้งแรกในวันนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนทั้งรายย่อยและรายใหญ่ที่ถือลงทุนระยะยาวได้เป็นอย่างดี ส่วนนักลงทุนสถาบันนั้นยังคงติดประเด็นนโยบายกันสำรอง 30% ดังนั้นหากรัฐยกเลิกมาตรการดังกล่าวบริษัทอาจจะพิจารณาเพิ่มทุนเพื่อขายให้กับนักลงทุนสถาบันอีกครั้ง

ทั้งนี้หุ้นเพิ่มทุนที่เปิดจองตั้งแต่วันนี้จนถึง 23 มีนาคม 2550 จะมีจำนวน 162.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.80 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 125 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิม จำนวน 37.5 ล้านหุ้น คิดเป็น 26% ของทุนชำระแล้ว และพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 30 มีนาคมนี้

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าราคาขายหุ้นที่เปิดจองซื้อนั้นจะมีราคาค่อนข้างถูก ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างดีและเติบโตได้ในอนาคตและคาดว่าวันเปิดซื้อขายวันแรกราคาจะไม่ต่ำจองแน่นอน สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้จำนวน 214.99 ล้านบาทบริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน นอกจากนี้บริษัทอาจจะพิจารณาเพิ่มทุนเพื่อรองรับงานประมูลโครงการเมกะโปรเจกต์
?เราเชื่อว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้จะช่วยให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขันและเพิ่มเครดิตในการระดมทุนในอนาคต? นายนทีกล่าว

ด้านนางสาวกรภัทร์ สุวิวัฒน์ธนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) UNIQ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 3.5-4 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นหากเทียบกับผลประกอบการปี 2549 บริษัทมีรายได้ ที่ 1,277.73 ล้านบาท และกำไรที่ 40.15 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน อยู่ที่ 1.73 เท่า และคาดอัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้น ที่ 6%

โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากการรับงานโครงการภาครัฐ โดยล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญารับงานก่อสร้างเพิ่มเติม 3 โครงการ รวมมูลค่า 4,268.2 ล้านบาท คือโครงการการทางพิเศษสายรามอินทราวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร สัญญาที่ 1 และสัญญา ที่ 2 และโครงการระบบรถโดยสารประจำทางพิเศษ (BRT)

เส้นที่ 1 สายช่องนนทรี-สะพานกรุงเทพ
สำหรับโครงการใหม่ที่คาดว่าจะเข้าประมูล แบ่งเป็นโครงการของกรุงเทพมหานคร มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท โครงการเมกะโปรเจกต์ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) การไฟฟ้านครหลวง และการประปานครหลวง เป็นต้น



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 21/03/2007 @ 10:06:18 :
[b:b67e614031">ยงยุทธ?ขายหุ้นTUCCเติมฟรีโฟลต [/b:b67e614031">

ทันหุ้น-รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) พบว่า นายยงยุทธ งามไกวัลประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูนีคคอยล์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) TUCC ขายหุ้นออกมาจำนวน 2 รายการ 416,000 หุ้นที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 5.94 บาท และ 50,000 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 6.15 บาท

นายยงยุทธ์ งามไกวัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูนีคคอยล์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) TUCC เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นจำนวน 466,000 หุ้น เพื่อต้องการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดที่มีจำนวนหุ้นที่หนุนเวียนน้อย ประมาณ 33.61% เท่านั้น

ส่วนปี 2550 คาดว่าจะเติบโตตามอุตสาหกรรมประมาณ 15-20% เพราะบริษัทเพิ่มสินค้าใหม่ต่อเนื่อง รวมทั้งมีการสั่งสินค้าจากต่างประเทศ และในประเทศเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเจรจาหาพันธมิตรธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งล่าสุดได้เดินทางไปดูโรงงานในประเทศอินเดียที่เคยติดต่อค้าขายรวมกันมานานกว่า 4 ปี และในเร็วๆนี้ ผู้บริหารจากประเทศดังกล่าวจะเดินทางมาดูโรงงานของ TUCC อีกครั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ตัดสินใจร่วมธุรกิจกันเพราะประกอบธุรกิจเหมือนกัน นอกจากนี้จะบุกตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้สูง

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้น TUCC มีโอกาสปรับตัวได้ต่อ หลังผู้บริหารยอมปล่อยหุ้นออกมา ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง แนะนำ ?ซื้อเก็งกำไร?ให้แนวรับ 5.55 บาท แนวต้าน 5.70 บาท ใช้จุดตัดขาดทุน 5.50 บาท

TUCC(20 มี.ค.)ปิดที่ 5.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ 0.89% มูลค่าซื้อขาย 3.44 ล้านบาท


[/color:b67e614031">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 21/03/2007 @ 10:08:03 :
[b:bf2192a87a">เล่นเก็งกำไรหุ้นร้อนสนั่น BT-TGCI -SVOAวิ่งเร็วจี๋ [/b:bf2192a87a">

หุ้นร้อนออกโรง เก็งกำไรกันสนั่น นำทีม UMI หลังตลาดหุ้นไทยยังซบเซาไร้เม็ดเงินหนุน ปริมาณการซื้อขายบางเฉียบ นักลงทุนยังไม่กล้าก้าวลงสนามจากความกังวลในหลายปัจจัยทั้งการเมือง และเศรษฐกิจ โบรกประเมินตราบใดตลาดหุ้นยังซึม แนะเล่นเก็งกำไรเล็กวิ่งนำทีม BT- TGCI - SVOA หลังสัญญาณเทคนิคเป็นใจ

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วานนี้ (20 มี.ค.250) มีการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก หลังตลาดหุ้นยังขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน บวกกับความวิตกกังวลในปัญหาการเมือง และสถานการณ์ภาคใต้ ทำให้นักลงทุนยังรอดูสถานการณ์และชะลอการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่กดดันให้ตลาดเคลื่อนไหวไปไหนได้ไม่มากนัก

? ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยดีนัก นักลงทุนจะหันมาเล่นหุ้นตัวเล็กเก็งกำไร เช่น UMI BTC TGCI SVOA โดยมีการเวียนตัวเล่นหรือเลือกตัวเล่นเป็นรายตัว ซึ่งจะใช้เทคนิคเข้าเป็นตัวช่วยด้วยโดยเป็นลักษณะการเล่นจบภายในวันเดียว? นายภูวดลกล่าว

อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดเล็กจะมีลักษณะการปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง 1-2 วันและจะถูกแรงเทขายออกมาซึ่งเป็นลักษณะการซื้อขายให้จบภายในวันเดียว นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังหากจะเข้ามาเก็งกำไร และพิจารณาวอลุ่มด้วยซึ่งควรที่จะมากกว่า 30 ล้านบาท

ทั้งนี้หากพิจารณาหุ้นเก็งกำไรทั้ง 4 ตัวดังกล่าว มองว่าหุ้นบริษัท บางปะกง เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) BTC บริษัท ไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ จำกัด (มหาชน) TGCI และบริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) SVOA วันนี้ยังมีลุ้นเก็งกำไรได้ต่อ

สำหรับคำแนะนำนักลงทุนที่จะเข้าเก็งกำไร โดย BTC แนะนำเก็งกำไรในกรอบแนวรับที่ 1.02 บาท แนวต้านที่ 1.08 บาท ส่วน TGCI ให้แนวรับที่ 1.40 บาท แนวต้านที่ 1.60 บาท และSVOA ให้แนวรับที่ 1.45 บาท แนวต้านที่ 1.55 บาท ขณะที่ UMI ถึงแม้สัญญาณเทคนิคยังเป็นบวกแต่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรงจึงแนะนำให้ขายทำกำไร

นายกมลชัย พลอินทวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า
ราคาหุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กหลายตัวปรับตัวสูงขึ้นด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น คาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรของนักลงทุน ตามสัญญาณทางเทคนิคที่แสดงทิศทางที่ดี

โดยหากพิจารณาจากสัญญาณเทคนิคแล้วหุ้น TGCI ยังสามารถเก็งกำไรได้จากราคาหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นมาไม่มากนัก โดยให้แนวรับที่ 1.50-1.48 บาท แนวต้านที่ 1.60-1.62 บาท

ขณะที่ UMI ราคาหุ้นวานนี้ (20 มี.ค.2550) พุ่งขึ้นค่อนข้างแรง วันนี้จึงให้ระมัดระวังแรงขายทำกำไรจึงแนะนำให้ขายออกมาก่อน อย่างไรก็ดีให้แนวรับไว้ที่ 1.32-1.29 บาท ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1.45-1.48 บาท ?หุ้น UMI ได้แสดงทิศทางปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้ว แต่วอลุ่มเทรดในช่วง 2 วันก่อนก็ยังไม่ได้มากและราคาก็ไม่ได้ขึ้นแรงอย่างนี้ แต่เมื่อวานนี้ราคาหุ้น UMI พุ่งแรงจึงคาดว่าในวันนี้ราคาหุ้น UMI คงจะปรับตัวลง






[/color:bf2192a87a">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 21/03/2007 @ 10:11:07 :
[b:56de3447d5">UCOM: เพิกถอน UCOM ดัน DTAC จดทะเบียน - เก็งกำไร[/b:56de3447d5">
สรุปประเด็นสำคัญ

แนะนำ "เก็งกำไร" ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 51.70 บาท (ส่วนลด 10% ตามNAV ที่คำนวณจากมูลค่าพื้นฐานของ DTAC ที่ 4 ดอลลาร์)

ดัน DTAC เข้าจดทะเบียนในเดือน มิ.ย. 50 ด้วยแผนการแตกพาร์จาก 10 บาท เหลือ 2 บาท พร้อมขายหุ้น IPO 222 ล้านหุ้น เพิ่มฟรีโฟลทเป็น 25%

เพิกถอน UCOM ด้วยการแลกหุ้น ในอัตรา 0.39 DTAC ต่อ 1 UCOM คาดว่าจะดำเนินการ 3 เดือน หลัง DTAC เข้าจดทะเบียน

UCOM ปลอดหนี้หลังขาย DTAC UCOM จะนำหุ้น DTAC จำนวน 140 ล้านหุ้น ขายพร้อมกับหุ้น IPO คาดเงินที่ได้รับจากการขาย DTAC จะเพียงพอชำระคืนหนี้ จนทำให้ UCOM เป็นบริษัทปลอดหนี้

สัดส่วนการถือหุ้นต่างชาติของ DTAC อาจเกินกำหนด แผนการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นระหว่าง UCOM กับ DTAC อาจมีความเสี่ยงที่ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นต่างชาติของ DTAC เกินกว่ากำหนด 49%

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#8 วันที่: 21/03/2007 @ 10:28:11 :
[b:05e51d7114">ตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์ของ SCNYL [/b:05e51d7114">

เนื่องจาก บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
(SCNYL) ได้มีมติคณะกรรมการเกี่ยวกับการงดจ่ายเงินปันผล แต่บริษัทยัง
ไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวต่อผู้ลงทุนทั่วไปผ่านสื่ออิเลกทรอนิคส์
ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ได้

ตลาดหลักทรัพย์จึงขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์ของบริษัท
สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รอบเช้า ของวันที่ 21 มีนาคม 2550
จนกว่าบริษัทจะเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวอย่างครบถ้วนและทั่วถึง

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#9 วันที่: 21/03/2007 @ 11:43:38 :
[b:4990d1f0ad">PICNI พุ่ง 8.33% โบรกฯคาดรีบาวน์ช่วงสั้น ขณะเทคนิคขาลง-พื้นฐานไม่ดี [/b:4990d1f0ad">

หุ้น PICNI ราคาพุ่งขึ้น 8.33% มาอยู่ที่ 0.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท มูลค่าซื้อขาย 9.78 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.09 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.24 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.29 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.24 บาท

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า ราคาหุ้น PICNI พุ่งตัวสูงขึ้น ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก มองว่าเป็นแค่เทคนิคเคิลรีบาวน์ในช่วงสั้น แต่การรีบาวน์นี้ยังไม่แข็งแกร่ง และทิศทางทางเทคนิคของ PICNI ในระยะยาวยังเป็นขาลง โดยมีแนวรับ 0.24 บาท แนวต้าน 0.30 บาท

ทั้งนี้ PICNI ขณะนี้อยู่ในช่วงของการปรับตัวทั้งองค์กรอยู่ ซึ่งปัจจุบันภาพพจน์ของ PICNI ค่อนข้างจะมีปัญหา และธุรกิจตอนนี้ก็มีแค่ธุรกิจก๊าซ LPG ที่เป็นธุรกิจหลัก ซึ่งหากมองว่าการปรับตัวของ PICNI จะเป็นการปรับตัวเพื่อที่จะรับศึกหนัก จากการเปิดเสรีในธุรกิจก๊าซ LPG ในอนาคต โดยปัจจุบัน PICNI มีคู่แข่งที่สำคัญคือ PTT ที่มีการรุกธุรกิจ LPG เยอะมาก ดังนั้นโอกาสที่ PICNI จะมีการเติบโตในธุรกิจ LPG จึงทำได้อย่างยากลำบาก

ด้านนายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส คาดว่าจะเป็นแค่การเข้ามาเล่นเก็งกำไรของนักลงทุน เป็นการเก็บหุ้นตัวเล็ก ๆ มาเล่นในช่วงที่ภาวะตลาดฯไม่ค่อยดีนัก

ส่วนปัจจัยพื้นฐานของ PICNI ยังอยู่ในระดับที่ยังไม่ดีขึ้นแม้จะมีการตั้งบอร์ดใหม่ขึ้นมา แต่บริษัทฯค่อนข้างจะลำบากในการทำธุรกิจอยู่ อีกทั้งยังมีตัวเลขขาดทุนถึง 2 พันล้านบาท

ด้านสัญญาณทางเทคนิคทั้งในระยะสั้น-กลาง ยังอยู่ในทิศทางขาลง โดยให้แนวรับที่ 0.25 บาท แนวต้าน 0.29 บาท ซึ่งหากราคาหุ้น PICNI รีบาวน์ขึ้นมาก็ควรจะ"ขาย"

นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล รองผู้จัดการส่วนกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน คาดว่านักลงทุนเข้ามาเล่นเก็งกำไรช่วงสั้น เพราะราคาลงมาต่ำสุดที่ 0.24 บาทเมื่อวานนี้ ซึ่งราคาปรับลงมาต่ำสุดนับจากวันที่ 19 ธ.ค.49 ที่ลงมาที่ 0.23 บาท และปรับขึ้นไปสูงสุด 0.58 บาท ในวันที่ 21 ธ.ค. 49 อย่างไรก็ดี ดูในทางเทคนิคก็ยังเห็นไม่ชัดว่าจะมีทิศทางชัดเจน

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#10 วันที่: 21/03/2007 @ 11:44:43 :
[b:c0a335f38b">WIN บวกสวนตลาด โบรกฯ ชี้เก็งกำไรหุ้นเล็ก แนวต้าน 1.30 บ. [/b:c0a335f38b">

หุ้น WIN บวก 5.13% อยู่ที่ 1.23 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท เมื่อเวลา 10.45 น.โดยเปิดตลาดที่ 1.22 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 1.29 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 1.21 บาท

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ราคาหุ้น WIN เช้านี้ปรับขึ้น น่าจะเป็นการเก็งกำไรโดยมีแนวรับ 1.20 บาท แนวต้าน 1.30 บาท และ 1.38 บาท

"ประเด็นส่วนใหญ่เป็นเทรดดิ้งเก็งกำไรหุ้นตัวเล็ก แต่วอลุ่มไม่เด่นมาก ทางเทคนิคกำลังจะ break แนวต้าน 1.30 บาท ถ้า break ได้ก็จะเป็นขาขึ้น"นายภูวดล กล่าว

ในแง่ปัจจัยพื้นฐานเดิมทำรถโกคาร์ทจะหันไปทำธุรกิจโลจิสติกส์ รถไฟขนส่งท่าเรือแหลมฉบัง แต่โครงการระงับอยู่ ยังไม่คืบเพราะเป็นสมัยรัฐบาลเดิม ส่วนจะเก็งข่าวนี้หรือไม่ ไม่แน่ใจ แต่มองว่าโลจิสติกส์ตอนนี้ดี อย่างวันนี้ PSL น่าซื้อเพราะค่าระวางเรือดีดกลับ และ PSL เพิ่มสภาพคล่อง มีโอกาสดีดกลับ

ด้าน บล.สินเอเซีย แนะ"เก็งกำไร"หุ้น WIN ระยะสั้นสัญญาณดี ราคาก็ตัดผ่าน SMA75 ได้ น่าจะได้ขึ้นทดสอบแนวต้านเดิมประมาณ 1.30 บาท

โดยมีแนวรับ 1.14 บาท แนวต้าน 1.30 บาท Stop Loss 1.11 บาท


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#11 วันที่: 21/03/2007 @ 12:39:37 :
[b:9f8f95be5d">EVER ร่วง 6.54% ราคายังต่อหลังออกจากแผนฟื้นฟู/เทคนิคยังไม่มีสัญญาณเด้ง [/b:9f8f95be5d">

หุ้น EVER ร่วงลง 6.54% มาอยู่ที่ 2.00 บาท ลดลง 0.14 บาท มูลค่าซื้อขาย 26.37 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.01 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.16 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.16 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.97 บาท

นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ราคาหุ้น EVER ได้ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ที่บริษัทฯได้ออกจากแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งอาจเป็นผลจากที่ภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยจะดีนักด้วย ประกอบกับเช้านี้มีข่าวเรื่องที่ดร.สมชัย ฤชุพันธุ์ ลาออกจากการเป็นกรรมการและกรรมการตรวจสอบของ EVER ก็ทำให้อาจจะเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ Sentiment ของนักลงทุนเสียไปเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงเชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรต่อการดำเนินธุรกิจของ EVER

สำหรับสัญญาณทางเทคนิคยังแสดงทิศทางขาลง ซึ่งจะเห็นได้ว่าระดับราคาหุ้น EVER ได้ปรับตัวลงลึกมากจนเข้าเขตขายมากเกินไปแล้ว แต่ ณ ขณะนี้ก็ยังไม่เห็นสัญญาณการเด้งกลับขึ้นไปแต่อย่างใด ทั้งนี้ คาดว่าราคาหุ้น EVER ยังคงปรับตัวลงต่อไป โดยมีแนวรับ 1.95 บาท แนวต้าน 2.10 บาท


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#12 วันที่: 21/03/2007 @ 12:41:22 :
[b:e473582666">PTTEP ลบ 1.71% โบรกฯชี้รับผลบาทแข็ง ค่าใช้จ่ายพุ่ง [/b:e473582666">

หุ้น PTTEP ปรับลง 1.71% มาอยู่ที่ 86.00 บาท ลดลง 1.50 บาท เมื่อเวลา 11.33 น.โดยเปิดตลาดที่ 87.50 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 87.50 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 85.50 บาท มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 370.84 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น PTTEP ปรับลงต่อเนื่อง จากการสอบถามไปยังบริษัทน่าจะเป็นผลมาจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่วนราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงตอนนี้ PTTEP ไม่ได้มีผลกระทบด้านนี้

"ราคาน้ำมันตอนนี้ไม่ได้มีผลกระทบด้านนี้กับ PTTEP แต่เรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่ามีผล เหมือนกับผู้ส่งออก เพราะราคาสินค้าเป็นดอลลาร์สหรัฐ ส่วนผลกระทบต่อผลประกอบการไตรมาส 1/50 คงจะถูกกระทบอยู่แล้ว เพราะปีนี้ยังไง profit ปรับลงอยู่แล้ว เพราะไม่มีการ growth มากของยอดขาย และมีเรื่องค่าเงินด้วย เพราะถ้ามีการขุดสำรวจเยอะก็มีการลงทุนเยอะตรงนั้นก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่ปีหน้าจะมียอดขายที่ growth เพราะมีแหล่งอาทิตย์" นักวิเคราะห์ กล่าว

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงจะต้องปรับประมาณการลงจากเดิมราคาเป้าหมาย 102 บาท

[b:e473582666">KBANK ดิ่งลง 2.34% โบรกฯคาดต่างชาติเทขายทำกำไรตามภาวะตลาด [/b:e473582666">

หุ้น KBANK ปรับลง 2.34% มาอยู่ที่ 62.50 บาท ลดลง 1.50 บาท เมื่อเวลา 11.24 น. มีมูลค่าซื้อขายหนาแน่น โดยเปิดตลาดที่ 64.00 บาท และปรับลงต่ำสุดที่ 62 บาท ซึ่งต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
"ผมว่าน่าจะเป็นแรงขายจากต่างชาติ แต่เรื่องเกี่ยวกับบริษัทยังไม่มีอะไรออกมา เพราะหุ้นแบงก์ตัวอื่น BAY BBL ก็ปรับลงตามมาด้วย" นายพงศ์พันธ์ กล่าว

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#13 วันที่: 21/03/2007 @ 13:13:14 :
บิ๊กล็อตเช้านี้ CPN มูลค่าสูงสุด 24.00 ลบ.ราคาเฉลี่ย 24.00 บ...

--ภาวะข้าว AFET: ปิดเช้านี้ ไม่มีปริมาณการซื้อขาย
--ดัชนี MAI ปิดตลาดช่วงเช้าที่ 193.54 ลบ 0.08 จุด (-0.04%)
--ดัชนี SET 50 ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 467.59 ลบ 2.33 จุด (-0.50...
--ดัชนี SET 100 ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,016.47 ลบ 4.84 จุด (-0...
--ดัชนี SET ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 668.89 ลบ -2.87 จุด (-0.43%)


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#14 วันที่: 21/03/2007 @ 22:40:51 :
[b:9fec3924e2">UMS: มีแนวโน้มได้ลูกค้าใหม่ตามเป้าหมายเร็วกว่าที่คาดไว้ - ซื้อ[/b:9fec3924e2">
สรุปประเด็นสำคัญ

มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้น หลังการรับฟังข้อมูลจากผู้บริหารวานนี้ เพิ่มความเชื่อมั่นต่อโอกาสเติบโตก้าวกระโดดของผลประกอบการปี 50 ของบริษัท คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 20.60 บาท (7.5 เท่า PER)

ได้ลูกค้าใหม่เร็วกว่าคาด ช่วง 2 เดือนแรกของปี 50 บริษัทได้ลูกค้าใหม่แล้วกว่า 30 ราย เกือบทั้งหมดเป็นลูกค้าที่เปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงเป็นถ่านหินแทน จำนวนลูกค้าที่ได้คิดเป็นสัดส่วน 67% ของประมาณการทั้งปีของเรา เราคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะได้ลูกค้าใหม่ในปีนี้มากกว่าที่เราคาดไว้ที่ระดับ 45 ราย

ยังไม่ปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการปี 50-51 อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าใหม่ที่ได้ อาจส่งคำสั่งซื้อในระดับต่ำกว่าที่เราคาดไว้ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่อยู่ในช่วงต้นของการทดลองการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินที่อาจมีการใช้สลับการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันเตา เราจึงยังคงประมาณการผลประกอบการปี 50-51 ณ ระดับเดิม แต่มีโอกาสปรับประมาณการเพิ่มในอนาคต หากผลประกอบการไตรมาส 1/50 (ประกาศกลางพ.ค. ปี 50) ออกมาดีกว่าคาดมาก

คลังสินค้าใหม่และท่าเรือล่าช้ากว่าเดิมไม่มีนัยต่อผลประกอบการ โดยจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 50 จากเดิมไตรมาส 3/50 ประโยชน์ที่ได้จะช่วยลดต้นทุนเพียง 1-1.5% ของยอดขายในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าเป็นต้นไป

รอประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 30 มี.ค.นี้ จะมีการอนุมัติการแจกวอแรนท์ฟรี ให้ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ และแตกพาร์จาก 1 บาทเป็น 0.5 บาท เพิ่มสภาพคล่องการซื้อขาย

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#15 วันที่: 21/03/2007 @ 22:41:52 :
[b:ce2dd9c135">VNG ราคาปิด 4.80 บาท แนะนำ ซื้อ[/b:ce2dd9c135">

ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ราคาของ VNG ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จากระดับ 15.00 บาท ทั้งนี้ราคาสามารถทรงตัวได้เมื่อปรับลงมาถึงแนว Tweezers Bottom บริเวณ 4.28 บาท แม้ภาพโดยรวมยังอยู่ในภาวะหมี แต่หากพิจารณาในแง่ความเสี่ยงที่หุ้นจะปรับลงทำจุดต่ำใหม่นั้นมีจำกัด เนื่องจากทั้งสัญญาณ RSI และ Stochastic ต่างก็เกิดรูปแบบ Bullish Divergence การทรงตัวบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 และเส้น 75 สัปดาห์ ช่วง 4.50-4.80 บาท ยังทำให้เกิดฐานการเปลี่ยนแนวโน้มที่สำคัญ คาดว่า VNG จะใช้ฐานดังกล่าวดีดตัวขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้
แนวรับ 4.50-4.80 บาท
แนวต้าน 5.50-5.80 บาท


ดัชนียังคงปรับลงอย่างต่อเนื่องกว่าสี่จุดระหว่างชั่วโมงซื้อขายก่อนที่จะดีดกลับมาปิดลบเล็กน้อยสู่ระดับ 669 จุด สังเกตเห็นว่าแม้จะเกิดการดีดกลับในบางเวลา แต่ก็ยังถูกกดทับด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ขณะนี้ RSI ส่งสัญญาณขายเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแสดงถึงโอกาสของการปรับฐานครั้งสำคัญ Golden Cross บริเวณ 650-655 จุด จะทำหน้าที่เป็นแนวรับหลัก ขณะที่แนวรับย่อยคือช่วง 660-663 จุด
แนวรับ 660-663 จุด
แนวต้าน 672-675 จุด

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#16 วันที่: 21/03/2007 @ 22:42:48 :
[b:8ebe63d9a9">KSL: ธุรกิจเอทานอลไม่เติบโตอย่างที่คาด - ขาย[/b:8ebe63d9a9">
สรุปประเด็นสำคัญ

ปรับลดคำแนะนำจาก "เก็งกำไร" เป็น "ขาย" ราคาหุ้นปัจจุบันไม่มี Upside เมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐานที่ปรับลดลงเหลือ 9.64 บาท (PER ปี 50 ระดับ 15 เท่า)

ปรับลดประมาณการกำไรปี 50 ลง 9% จากประมาณการเดิม สะท้อนต้นทุนน้ำตาลที่สูงกว่าประมาณการ และธุรกิจเอทานอลไม่เติบโตอย่างที่คาด

ไตรมาส 1/50 มีกำไรสุทธิ 194 ล้านบาทลดลง 20% จากปีก่อน เนื่องจาก 92% ของยอดขายเป็นน้ำตาลของปีที่แล้วที่มีต้นทุนการผลิตสูง อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาสนี้ลดเหลือเพียง 26.3% เทียบกับระดับ 37.1% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ไม่มีผลกระทบต่อเนื่องไปยังไตรมาส 2/50 ที่จะสะท้อนต้นทุนน้ำตาลในปีนี้ ซึ่งลดลง 12% ทำให้ตั้งแต่ไตรมาส 2/50 เป็นต้นไป กำไรจากการขายน้ำตาล (80% ของรายได้รวม) จะกลับมาเติบโตก้าวกระโดดอีกครั้ง

ปรับลดประมาณการยอดขายเอทานอลปี 50 ลง 22% จากประมาณการครั้งก่อน เหลือเพียง 35 ล้านลิตร เนื่องจากความต้องการ Gasohol ลดลง หลังรัฐบาลไม่ยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 95 แม้ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มี.ค. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานมีมติปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของ Gasohol ลง 0.50 บาทต่อลิตร เหลือเพียง 1 บาทต่อลิตรเพื่อเพิ่มอุปสงค์ ทำให้ Gasohol ถูกกว่าเบนซิน 95 เพิ่มเป็น 2.50 บาทต่อลิตร และ Gasohol 91 ถูกกว่าเบนซิน 91 ไม่ต่ำกว่า 2 บาทต่อลิตร คาดว่าความต้องการเอทานอลที่เพิ่มขึ้นไม่เพียงพอชดเชยกำลังการผลิตส่วนเกิน ล่าสุดมีความต้องการเอทานอลเพียง 3.3 แสนลิตรต่อวัน คิดเป็น 50% ของอุปทานรวมในประเทศ

ธุรกิจผลิตไฟฟ้าเริ่มจะรับรู้รายได้เต็มที่ในไตรมาส 2/50 เป็นต้นไป คาดว่ามีกำไรเดือนละ 20 ล้านบาท รวมทั้งปีคาดว่ามีกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท และจะเป็นแหล่งรายได้สำคัญตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

ผลประกอบการปี 51 มีความเสี่ยงต่อการปรับลดลงจากปีนี้ เนื่องจากปริมาณขายน้ำตาลอาจลดลง จากผลผลิตอ้อยปีนี้มีมากกว่าปกติ และราคาขายน้ำตาลในตลาดโลกมีโอกาสปรับลดลงได้อีกจากภาวะอุปทานส่วนเกิน


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com