May 16, 2024   7:31:16 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 21/03/2007 @ 10:46:42
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ที่มา : วีระชัย ครองสามสี

หัวคอลัมน์ : เอาใจช่วยกองทุนวายุภักษ์ 2

หลังจากเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยมีการ Rebound ทางเทคนิคขึ้นมาปิดบวกเล็กน้อย ตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในภูมิภาค จากการที่ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับการประกาศนโยบายอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่น หลังจากวานนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมที่ 0.5% ในเดือนนี้ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่หนุนให้วานนี้ตลาดหุ้นสำคัญในภูมิภาคปิดบวกทั่วหน้า ขณะที่ในส่วนของนโยบายดอกเบี้ยของสหรัฐที่เริ่มมีความชัดเจน หลังจากที่มีการคาดการณ์ไว้ว่าค่อนข้างจะแน่นอนที่ Fed จะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่ร้อยละ 5.25 ตามเดิม โดยปัจจัยที่เป็นตัวตอกย้ำความเชื่อดังกล่าวคือการที่อัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าของสหรัฐ หรือ Interest Rate Futures ล่าสุดบ่งชี้ว่า ตลาดคาดการณ์ด้วยความเป็นไปได้อย่างเต็มที่ (ประมาณร้อยละ 98) ว่า Fed จะตรึงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่ร้อยละ 5.25 ตามเดิม ในขณะที่ตลาดคาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ลงร้อยละ 0.25 มาที่ร้อยละ 5.00 ของ Fed อาจจะเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ถึงต้นไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวถือเป็นการคาดการณ์ในระยะที่ยาวออกไป ดังนั้นประเด็นดังกล่าวไม่น่าจะสร้างความกังวลกับตลาดในระยะสั้นได้ แต่อย่างไรก็ดีเมื่อสังเกตจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นไทยตอบรับความชัดเจนจากปัจจัยภายนอกประเทศค่อนข้างที่จะน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค เนื่อง จากนอกจากตลาดหุ้นไทยจะถูกกดดันจากปัจจัยเดิมๆจากปัญหาการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพแล้ว ยังมีประเด็นทางเศรษฐกิจที่ร้อนแรงขึ้นมาในตอนนี้ คือการแข็งค่าของค่าเงินบาท ที่ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไปยิ่งทำให้เริ่มเห็นผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศมากยิ่งขึ้น โดยมีแนวโน้มว่าจะทำให้ตัวเลขส่งออกในปี 2550 ต่ำกว่าเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์คาดไว้ว่าจะขยายตัว 12.5% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงขาดความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่ซบเซาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เราคงจะต้องจับตาดูความชัดเจนในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในการแก้ปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการลดดอกเบี้ยของ BOT เพื่อชะลอการไหลเข้าของเงินทุน และการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย และการลงทุนมากให้ขึ้น เพื่อให้เกิดการซื้อดอลลาร์เพื่อนำไปใช้นำเข้าสินค้าทุน
แต่อย่างไรก็ดีในระยะสั้นยังคงมีอีกปัจจัยหนึ่งซึ่งน่าจะเข้ามากระตุ้น และสร้างความคึกคักในกับตลาดในระยะสั้นได้ คือความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 โดยคาดว่ามูลค่ากองทุนดังกล่าวคงจะใกล้เคียงกับกองทุนวายุภักษ์1 ที่มีวงเงินอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเรื่องเข้าหารือกับกระทรวงการคลังในวันศุกร์ที่ 23 มีนาคมนี้ ทั้งนี้การจัดตั้งกองทุนดังกล่าวจะเป็นการสร้างความตื่นตัวให้กับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากจะเป็นการสนับสนุนให้ผู้ลงทุนที่ยังไม่เคยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้มีโอการเข้ามาลงทุน และจากการที่นโยบายของกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่มีรัฐบาลถือหุ้นอยู่ ทำให้ในทางจิตวิทยาในระยะสั้นน่าจะสร้างความเชื่อมั่นในกับนักลงทุน และสร้างความคึกคักในกับตลาดได้บ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งนักลงทุนควรติดตามความคืบหน้าของประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ นักลงทุนควรถือโอกาสที่การเคลื่อนไหวของดัชนีน่าจะอยู่ในกรอบแคบๆบริเวณ 665-675 จุด ทยอยเข้าสะสมหุ้นที่พื้นฐานดีที่น่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 2 รวมทั้งในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวสูงขึ้นของค่าการกลั่น และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และราคาผันผวนน้อย เช่น RRC มีแนวรับ 18.00 บาท แนวต้าน 18.50/18.70 บาท RATCH มีแนวรับ 45.00 บาท แนวต้าน 46.25/47.00 บาท PTTEP มีแนวรับ 86.50 บาท แนวต้าน 89.50 บาท ATC มีแนวรับ 43.00 บาท แนวต้าน 45.50/46.25 บาท โดยในส่วนของการเก็งกำไรควรรอให้ดัชนีสามารถยืนเหนือบริเวณ 675 จุดได้ โดยแนะนำหุ้น WIN มีแนวรับ 1.12 บาท แนวต้าน 1.28 บาท และมีจุดถอยบริเวณ 1.00 บาท[/size:d2968adff9">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com