May 16, 2024   8:48:13 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 22/03/2007 @ 10:28:37
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ซิกโก้แนะนำซื้อ BAFSราคาเป้าหมาย 12.00 บาท
หลังจากที่เกิดปัญหาในสนามบินสุวรรณภูมิจนล่าสุดการบินไทยได้ข้อสรุปจะย้ายสายการบินในประเทศบางส่วนมายังสนามบินดอนเมืองในวันที่ 25 มีนาคมนี้ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อผลประกอบการของ BAFS เนื่องจากในสนามบินดอนแต่เดิมคิดค่าธรรมเนียมเพียง 2.74 Cent/Gallon น้อยกว่าที่สนามบินสุวรรณภูมิที่คิดค่าธรรมเนียมที่5 Cent/Gallon เนื่องจากที่สนามบินดอนเมืองบริษัทไม่ได้เป็นเจ้าของท่อHydrant เอง อย่างไรก็ตามผลกระทบจากการย้ายกลับมาใช้สนามบินดอนเมืองอาจจะไม่มากนักโดยคาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันของสายการบินที่จะย้ายกลับไปใช้สนามบินดอนเมืองมีเพียง 700,000 Litre/Day หรือคิดเป็น6.2%ของปริมาณการเติมน้ำมันของ BAFS ในปัจจุบันประกอบกับค่าบริการเติมน้ำมันที่สนามบินดอนเมืองจะใช้อัตรา 6 Cent/Gallon ซึ่งมากกว่าที่สนามบินสุวรรณภูมิอยู่ 1Cent/Gallonดังนั้นความเสี่ยงจากการย้ายสนามบินจึงลดลงถึงแม้จะมีสายการบินที่ย้ายมาสนามบินดอนเมืองเพิ่มหากเกิดปัญหาที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกก็ตาม เราคงประมาณการณ์กำไรใน FY07Eไว้ที่ 511 ลบ. แม้การย้ายกลับไปใช้สนามบินดอนเมืองอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากค่าเช่าที่ดินและค่าเช่าท่อซึ่งแต่เดิมได้ขอเจรจาปรับลดเหลือเพียง 20 ลบ. เราคาดว่าค่าเช่าสนามบินสุวรรณภูมิอาจจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 30 ลบ. ในช่วงแรกของการเคลื่อนย้ายและอาจจะปรับขึ้นเป็น80 ลบ.หากจำนวนเทียวบินถูกย้ายมายังสนามบินดอนเมืองมากขึ้น
บล.โกลเบล็กแนะนำขาย CP 7-11ราคาเป้าหมาย 5.44 บาท
ผลการดำเนินงานของบริษัทตามงบการเงินรวมในรอบปี 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 104,873 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,332 ล้านบาทหรือเท่ากับ 0.30 บาทต่อหุ้นลดลงจากปี 2548 ประมาณ 11.6%แม้ว่าร้าน 7-Eleven จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องถึง 473 สาขาในปี 2006 ก็ตาม สาเหตุสำคัญมาจากการรับรู้ขาดทุนจากห้าง Lotus ที่จีน ในปี2006 มีการเปิดสาขาใหม่ 473 สาขาและมี "Same Store Sale Growth" 7.8% YoYและมีแผนที่จะเปิดให้ถึง 5,000 สาขาภายในปี 2010 แม้ว่าสถานะการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันชะลอตัวอย่างมากอาจส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง แต่น่าจะส่งผลต่อยอดขายของร้าน 7-Eleven เพียงเล็กน้อย เนื่องจาก "Brand Royalty" ของผู้บริโภคที่มีต่อร้าน จึงมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องสำหรับธุรกิจสะดวกซื้อ ในปี 2006 ห้าง Lotus ประกาศผลขาดทุนสุทธิ 1,093 ล้านบาท ซึ่งผู้บริหารให้คำอธิบายว่าเป็นผลจากการตั้งค่าเผื่อขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ โรงงานและ อุปกรณ์ 101 ล้านบาท และค่าเผื่อหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากคดีฟ้องร้อง 351 ล้านบาท รวม 452 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4/2549 ซึ่งห้างโลตัสไม่เคยตั้งสำรองรายการดังกล่าวมาก่อนและมีจำนวนมากพอที่ในปี 2550ห้างโลตัสจะไม่จำเป็นต้องตั้งค่าเผื่อดังกล่าวอีก แต่เมื่อพิจารณาแล้ว แม้ว่าจะตัดค่าเผื่อดังกล่าวออกไป 452 ล้านบาท ก็ยังมีส่วนขาดทุนสุทธิถึง 642 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับว่ามีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นถึง 62% YoY สำหรับปี 2007 ภายใต้การบริหารของผู้บริหารชุดใหม่ที่จะนำกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จจากร้าน 7-Eleven ไปใช้ซึ่งก็คือการจัดสินค้าที่ตรงความต้องการของผู้บริโภคแต่ละท้องถิ่น หลังจากใช้กลยุทธ์ดังกล่าวผู้บริหารยืนยันว่าผลประกอบการมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เรามีความเห็นว่าภายใน 1-2 ปีนี้ ผลประกอบการน่าจะดีขึ้นแต่ยังไม่น่าแตกต่างจากเดิมมากนักคือ น่าจะขาดทุนลดลง แต่ยังไม่มีกำไร
บล.เกียรตินาคินแนะนำซื้อ TIESราคาเป้าหมาย 3.20 บาท
บริษัทมีจุดเด่นจากลักษณะงานให้ที่บริการในการก่อสร้างอาคารโรงงานและติดตั้งระบบต่างๆภายในโรงงาน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตจากงานต่างๆของภาคเอกชนซึ่งเป็นลูกค้าหลัก เช่นห้างสรรพสินค้า และโรงงานต่างๆ โดยบริษัทเป็นที่ยอมรับของลูกค้า เช่น งานกลุ่มโรงเบียร์ไทยของคุณเจริญและ บ.สยามมิชชิลลินรวมถึงงานโรงพยาบาล ทำให้บริษัทมีโอกาสรับงานอย่างต่อเนื่อง โดยมี Backlogในมือรอรับรู้รายได้ประมาณ 1,239ล้านบาท โดยมีงานที่รอเซ็นสัญญา คืองาน บ. ไทยกลาส จก. มูลค่าโครงการ 184 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีงานในมือเพิ่มขึ้นเป็น 1,423 ล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนงานในมือหลัก 38% เป็นงานโรงพยาบาล และ 17% เป็นงานคอนโดมีเนียมหวังผู้บริหารคาดสัดส่วนงานในมือดังกล่าวจะขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของโรงพยาบาลและงานคอนโดมีเนียม High Rise ซึ่งเป็นเป้าหมายของบริษัท นอกเหนือจากงานโรงงาน เพราะนอกจากจะได้รับงานในมือเพิ่มยังเป็นงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี เฉลี่ยมากกว่า 10% รวมถึงเน้นงานในจังหวัดภูเก็ต ที่มีศักยภาพการเติบโตของการก่อสร้างต่างๆ
บล.ธนชาตแนะนำขาย AOTราคาเป้าหมาย 57.00 บาท
ภายในสิ้นเดือนนี้ สายการบินภายในประเทศบางสายจะกลับมาใช้สนามบินดอนเมือง โดยมีสายการบิน 3 สาย ประกอบด้วย การบินไทย, One to go และนกแอร์ที่จะกลับมาใช้สายการบินภายในประเทศที่สนามบินดอนเมือง AOT คาดว่าจะทำให้เกิดการโอนย้ายผู้โดยสารจากสนามบินสุวรรณภูมิกลับมายังสนามบินดอนเมืองได้ราว 5ล้านคน ซึ่งจะทำให้สนามบินดอนเมืองมีรายได้ราว 126 ล้านบาท/เดือนอย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากค่าใช้จ่ายพนักงานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น220 ล้านบาท/เดือน ถึงแม้ในระยะยาวเราจะยังคงชอบธุรกิจสนามบิน เนื่องจาก เป็นธุรกิจที่สามารถสร้างความมั่นคงของกระแสเงินสดได้ในระยะยาว แต่ในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนหลายประการที่เกิดขึ้น เราคาดว่ากำไรของ AOT จะฟื้นตัวใน 2QFY07 เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น รวมถึง landing fee และ parking fee ที่เพิ่มขึ้น แต่ประเด็นดังกล่าวได้คำนวณรวมอยู่ในความคาดหมายของตลาดแล้ว[/size:720bdcd0e4">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com