May 16, 2024   9:16:14 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เจาะกระดานหุ้น 23/3
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 23/03/2007 @ 09:20:04
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

*เดี๊ยนขอเรียนตามตรงว่า การกระชากขึ้นของดัชนีวานนี้ไม่ได้ทำให้ตลาดหุ้นเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้นอย่างบูรณาการ เพราะเมื่อย้อนดูต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ดัชนีวิ่งกลับขึ้นมายืนเหนือ 670 จุด แค่เป็นการวิ่งรับข่าวเจพีมอร์แกนฯ ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเท่านั้นเจ้าค่ะ

*เนื่องจากของจริงต้องดู และวัดกันยาวๆ ว่า นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาซื้อหุ้นจริงหรือเปล่า เพราะสถิติเก่าๆ ที่เดี๊ยนอ่านมาจากตำราอเมริกันเขาบอกว่า ผู้จัดการกองทุนมักทำอะไรตรงกันข้ามกับสิ่งที่พูดเป็นประจำนะจะบอกให้

*การประกาศเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย น่าเป็นเพียงคำพูดปลอบประโลมใจเพื่อทำให้นักลงทุนรู้สึกมีความหวังในการลงทุนขึ้นมาบ้าง หลังมีอาการห่อเหี่ยวยิ่งกว่ามะเขือเผามาหลายสัปดาห์...ขณะเดียวกันก็มีพรายกระซิบมาเข้าฝัน และบอกถึงสาเหตุการปรับเพิ่มน้ำหนักครั้งนี้เกิดจากติดหุ้นราคาสูง จึงต้องออกข่าวเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนรายย่อนมารับไม้ต่อนะซี

*"โมนิก้า" ไม่รู้ว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลความจริงมากน้อยเพียงใด เพราะได้ยินมาอย่างไร ก็พูดไปอย่างนั้น แถมผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งทำตัวฉาวไม่เว้นแต่ละวันแล้วจะให้เดี๊ยนเชื่ออะไรง่ายๆ ได้อย่างไรกันเจ้าค่ะ

*อ้อ! เกือบลืมบอกว่า หากใครเห็น "โมนิก้า" แถวท้องสนามหลวงเสาร์นี้ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกับ คนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ เนื่องจากเดี๊ยนแค่ต้องการไปไหว้พระแก้วมรกตเพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับชีวิตตัวเอง เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องห่อเหี่ยวหัวใจนะซี

*ยิ่งได้ยินคนบอกว่า TMB เพิ่มทุนรอบนี้จะทำให้ฐานะทางการเงินแกร่งขึ้น เพราะที่ผ่านมาธนาคารได้จัดการกับปัญหาหนี้เน่าเสร็จสมบูรณ์แบบทุกขั้นตอนแล้ว "โมนิก้า" ถึงกับต้องปลงอนิจัง! ขนานใหญ่ เพราะผู้บริหารชุดนี้หลงลืมสูตร เน่า+เน่า+เน่า = เน่าไปแล้วกระมั้ง

*เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้ธนาคารแห่งนี้มีปัญหามาตลอด ล้วนอยู่ที่การบริหารจัดการหย่อนประสิทธิ ถึงทำให้การควบรวมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด จริงเท็จประการใดลองฟังคำตอบจากปากคุณพี่สุภัคก็แล้วกัน...เดี๋ยวจะหาว่าเดี๊ยนปากโป้ง อิอิอิอิ

*ด้าน TRUE ที่ให้บริษัทลูกเข้าไปซื้อหุ้นของ บริษัท เวฟ เวิร์คเกอร์ ที่เดิมทำธุรกิจโฆษณา จาก วินิจ เลิศรัตนชัย จำนวน 70 % ไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไม ถ้าหวังว่าจะทำให้บริษัทแม่ดีขึ้น คงจะยากคะ เพราะลำพังแค่รักษาบริษัทลูกให้อยู่รอด และพึ่งตนเองได้ก็ดีถมไปแล้วละคะ ข่าวนี้ไม่น่าจะมีผลต่อราคาหุ้นคะ ราคาหุ้นปิดที่ บาท 5.80 บาท บวกไป 0.25 บาท

*กลับมาแล้วหุ้นเก็งกำไร PE-PT ที่รอบนี้ก็เล่นทีเผลอ ลาก PT ซะชนซิลลิ่งไปเลยและถ้าเวลายังมีเหลืออยู่ คงจะได้เห็น PE ซิลลิ่งเหมือนกันคะ การกลับมาเก็งกำไรรอบนี้ก็คงจะวิ่งได้อีกวันคะ เพราะเพิ่งจะมา ของแบบนี้ ใครรู้จังหวะจะโคนดีๆ ก็ได้เงินเข้ากระเป๋ากลับบ้านนะคะ ส่วนใครผิดจังหวะ หรือไม่กล้าคงต้องเปลี่ยนตัวเล่นคะ

*วันนี้หุ้น PE-PT คงจะวิ่งกันสนุกสนานอีกคะ หลังจากที่ราคาหุ้นร่วงต่ำลงมาตามสัญญาณทางเทคนิค ก็บอกแล้วว่าให้จับตาหุ้นเก็งกำไรพวกนี้ให้ดี วันดี คืนดี ก็ดันกันสุดลิ่ม โดยไม่เกรงใจใคร อย่าลืมนะคะการลงทุนคือความเสี่ยง โปรดระมัดระวังด้วยนะคะ ราคาหุ้นปิดที่ 3.04 บาท บวกไป 0.52 บาท และปิดที่ 3.84 บาท บวกไป 0.88 บาท ตามลำดับ

*สำหรับ S2Y กับ KASET รอบนี้ คงต้องพักฐาน และลงก่อนนะคะ เพราะรายแรกก็ถูกตลท.ถามเรื่องแรงเก็งกำไรเข้ามา เลยทำให้ช่วงบ่ายถือโอกาสทุบซะเลยคะ ใครที่เข้าแล้วยังไม่ออก คงต้องคิดหนักหน่อยนะคะ เพราะสัญญาณดูไม่ดีเลยคะ ราคาหุ้นปิดที่ 4.52บาท บวกไป 0.02 บาท และปิดที่ 1.88 บาท ลบไป 0.07 บาท ตามลำดับคะ

*ส่วนกรณีที่ตลท.เกิดข้อสงสัยให้ BLISS ชี้แจงเหตุผลที่ต้องออก ESOP-Wให้กับประกายดาว เขมะจันตรี กับ อรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ นั้นออกมานั้น ทำให้ "โมนิก้า"ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะแผนธุรกิจที่ว่าจะเดินจากนี้ไปอีก 3 ปีข้างหน้า ก็ถูกเปลี่ยนย่นมาเหลือแค่ 2 ปี

*เดี๊ยนไม่เข้าใจว่าทำไมแผนธุรกิจที่กำหนดไว้ถึงเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วข้ามคืนแบบนี้ นั้นแสดงให้เห็นว่าอีกไม่นานบริษัทคงจะมีข่าวเรื่องธุรกิจใหม่เข้ามาอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นธุรกิจบันเทิง หรือธุรกิจพลังงานเหมือนกับ IEC หรือไม่นั้น คงต้องรอดูคะ ราคาหุ้นดูไม่ดีคะ ปิดที่ 3.62 บาท ลบไป 0.04 บาท

*คงไม่แปลกใจที่ยามว่างจะเห็น IEC เพิ่มทุน ซึ่งรอบนี้ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาก็เพิ่มทุนแบบบานตะไท สมแล้วที่ในวงการตลาดหุ้นพูดกันแบบติดตลกว่าภารกิจหลักของบริษัทคือการออกเพิ่มทุน สมแล้วที่เป็นบริษัทที่เคยทำธุรกิจเกี่ยวกับวิศวกรรมแต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นวิศวกรรม(ทางการเงิน)แทน

*การเพิ่มทุนรอบนี้คงทำให้ราคาหุ้นร่วงอีกเป็นแน่แท้ ถึงแม้จะมีข่าวว่าการเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้มีส่วนล้ำมูลค่าเพิ่มมาล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ ตราบใดที่ราคาหุ้นยังยืนเหนือ 1บาท การเพิ่มทุนก็คงเหนื่อยคะ ราคาหุ้นปิดที่ 0.90 บาท บวกไป 0.03 บาท

*ขอปิดท้ายข่าวการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลของ กิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร นายหญิงใหญ่ของ PSAP เป็น นลินรัตน์ นันท์นนส์ หลังจากที่เปลี่ยนชื่อบริษัทไปเรียบร้อยแล้ว เห็นแบบนี้ท่าทางเจ๊ นลินรัตน์ คงจะเชื่อเรื่องการเปลี่ยนชื่อ-สกุลเอามากๆ เลย ส่วนจะทำให้ดีขึ้นหรือเปล่านั้น "โมนิก้า"ว่า ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำคะ หาใช่อยู่ที่ชื่อใหม่ นามใหม่ไม่

* "โมนิก้า"ขอแสดงความยินดีกับชื่อ-สกุลใหม่ด้วยนะคะ เพราะจากนี้ไปเจ๊นลินรัตน์ ก็จะกลายเป็นต้นตระกูลของตนเองไปแล้ว ส่วนงานเช้งเม้งปีนี้ ยังต้องไปอีกหรือเปล่านั้นเดี๊ยนไม่ทราบคะ ราคาหุ้นปิดที่ 0.96 บาท บวกไป 0.01 บาท



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 23/03/2007 @ 11:09:10 :
[b:756723afa0">TMB : ยังไม่ได้สรุปราคาขายหุ้นเพิ่มทุน - ขาย[/b:756723afa0">

ประธานกรรมการ TMB เผยวันนี้ (23 มีนาคม 50) จะนำเรื่องการเพิ่มทุนของ TMB เข้าเสนอต่อกระทรวงการคลัง เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นตอนการสรุปราคาขายแต่อย่างใด

ความเห็นนักวิเคราะห์

เราคาดว่าไม่น่าจะขายได้ถึง 2.50 บาท ตามข่าวลือ แม้สิ้นเดือน ก.พ. 50 มูลค่าหุ้นทางบัญชีของธนาคารอยู่ที่ระดับ 2.62 บาท อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าในปี 50 นี้ธนาคารยังคงต้องกันสำรองตามมาตรฐาน IAS 39 สำหรับเฟส 2 และ 3 อีก 1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารยังคงมีผลการดำเนินงานขาดทุนอีกกว่า 4 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้มูลค่าหุ้นทางบัญชี ณ สิ้นปี 50 จะปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.34 บาท ดังนั้น ข่าวที่ว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ที่ 2.50 บาท ไม่น่าเป็นไปได้

คาดราคาเสนอขายจะอยู่ในช่วง 1.50 - 2.00 บาท (Discount BV50 ในอัตรา 15% - 35%) เราได้ทำ Scenario การเพิ่มทุนของธนาคารที่ระดับความต้องการเงินทุน ตั้งแต่ 2 - 3.5 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ พบว่า ภายหลังการ เพิ่มทุนมูลค่าหุ้นทางบัญชีของธนาคารจะปรับลดลง 20-27% จากระดับ 2.56 บาท ณ สิ้นปี 49 มาอยู่ที่ระดับ 2.05 - 1.87 บาท (ตามตารางด้านข้าง)

คงคำแนะนำ "ขาย" ถึงแม้เรายังไม่ทราบขนาด และราคาหุ้นเพิ่มทุนที่แน่นอนของ TMB แต่เราเชื่อว่าภายหลังการเพิ่มทุนมูลค่าหุ้นทางบัญชีจะปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญตามที่กล่าวมาข้างต้น จากประเด็นที่กล่าวมาทำให้เราประเมินมูลค่าตามพื้นฐาน PBV 50 ที่ระดับ 0.75 เท่า (Discount BV50 ลงมา 25%) และประเมินราคามูลค่าตามพื้นฐานได้ที่ระดับ 1.76 บาท ซึ่งหากพิจารณาเทียบกับราคาปัจจุบัน เรายังคงคำแนะนำ "ขาย"
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com