*เดี๊ยนขอเรียนตามตรงว่า การกระชากขึ้นของดัชนีวานนี้ไม่ได้ทำให้ตลาดหุ้นเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้นอย่างบูรณาการ เพราะเมื่อย้อนดูต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ดัชนีวิ่งกลับขึ้นมายืนเหนือ 670 จุด แค่เป็นการวิ่งรับข่าวเจพีมอร์แกนฯ ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเท่านั้นเจ้าค่ะ
*เนื่องจากของจริงต้องดู และวัดกันยาวๆ ว่า นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาซื้อหุ้นจริงหรือเปล่า เพราะสถิติเก่าๆ ที่เดี๊ยนอ่านมาจากตำราอเมริกันเขาบอกว่า ผู้จัดการกองทุนมักทำอะไรตรงกันข้ามกับสิ่งที่พูดเป็นประจำนะจะบอกให้
*การประกาศเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย น่าเป็นเพียงคำพูดปลอบประโลมใจเพื่อทำให้นักลงทุนรู้สึกมีความหวังในการลงทุนขึ้นมาบ้าง หลังมีอาการห่อเหี่ยวยิ่งกว่ามะเขือเผามาหลายสัปดาห์...ขณะเดียวกันก็มีพรายกระซิบมาเข้าฝัน และบอกถึงสาเหตุการปรับเพิ่มน้ำหนักครั้งนี้เกิดจากติดหุ้นราคาสูง จึงต้องออกข่าวเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนรายย่อนมารับไม้ต่อนะซี
*"โมนิก้า" ไม่รู้ว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลความจริงมากน้อยเพียงใด เพราะได้ยินมาอย่างไร ก็พูดไปอย่างนั้น แถมผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งทำตัวฉาวไม่เว้นแต่ละวันแล้วจะให้เดี๊ยนเชื่ออะไรง่ายๆ ได้อย่างไรกันเจ้าค่ะ
*อ้อ! เกือบลืมบอกว่า หากใครเห็น "โมนิก้า" แถวท้องสนามหลวงเสาร์นี้ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกับ คนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ เนื่องจากเดี๊ยนแค่ต้องการไปไหว้พระแก้วมรกตเพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับชีวิตตัวเอง เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องห่อเหี่ยวหัวใจนะซี
*ยิ่งได้ยินคนบอกว่า TMB เพิ่มทุนรอบนี้จะทำให้ฐานะทางการเงินแกร่งขึ้น เพราะที่ผ่านมาธนาคารได้จัดการกับปัญหาหนี้เน่าเสร็จสมบูรณ์แบบทุกขั้นตอนแล้ว "โมนิก้า" ถึงกับต้องปลงอนิจัง! ขนานใหญ่ เพราะผู้บริหารชุดนี้หลงลืมสูตร เน่า+เน่า+เน่า = เน่าไปแล้วกระมั้ง
*เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้ธนาคารแห่งนี้มีปัญหามาตลอด ล้วนอยู่ที่การบริหารจัดการหย่อนประสิทธิ ถึงทำให้การควบรวมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด จริงเท็จประการใดลองฟังคำตอบจากปากคุณพี่สุภัคก็แล้วกัน...เดี๋ยวจะหาว่าเดี๊ยนปากโป้ง อิอิอิอิ
*ด้าน TRUE ที่ให้บริษัทลูกเข้าไปซื้อหุ้นของ บริษัท เวฟ เวิร์คเกอร์ ที่เดิมทำธุรกิจโฆษณา จาก วินิจ เลิศรัตนชัย จำนวน 70 % ไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไม ถ้าหวังว่าจะทำให้บริษัทแม่ดีขึ้น คงจะยากคะ เพราะลำพังแค่รักษาบริษัทลูกให้อยู่รอด และพึ่งตนเองได้ก็ดีถมไปแล้วละคะ ข่าวนี้ไม่น่าจะมีผลต่อราคาหุ้นคะ ราคาหุ้นปิดที่ บาท 5.80 บาท บวกไป 0.25 บาท
*กลับมาแล้วหุ้นเก็งกำไร PE-PT ที่รอบนี้ก็เล่นทีเผลอ ลาก PT ซะชนซิลลิ่งไปเลยและถ้าเวลายังมีเหลืออยู่ คงจะได้เห็น PE ซิลลิ่งเหมือนกันคะ การกลับมาเก็งกำไรรอบนี้ก็คงจะวิ่งได้อีกวันคะ เพราะเพิ่งจะมา ของแบบนี้ ใครรู้จังหวะจะโคนดีๆ ก็ได้เงินเข้ากระเป๋ากลับบ้านนะคะ ส่วนใครผิดจังหวะ หรือไม่กล้าคงต้องเปลี่ยนตัวเล่นคะ
*วันนี้หุ้น PE-PT คงจะวิ่งกันสนุกสนานอีกคะ หลังจากที่ราคาหุ้นร่วงต่ำลงมาตามสัญญาณทางเทคนิค ก็บอกแล้วว่าให้จับตาหุ้นเก็งกำไรพวกนี้ให้ดี วันดี คืนดี ก็ดันกันสุดลิ่ม โดยไม่เกรงใจใคร อย่าลืมนะคะการลงทุนคือความเสี่ยง โปรดระมัดระวังด้วยนะคะ ราคาหุ้นปิดที่ 3.04 บาท บวกไป 0.52 บาท และปิดที่ 3.84 บาท บวกไป 0.88 บาท ตามลำดับ
*สำหรับ S2Y กับ KASET รอบนี้ คงต้องพักฐาน และลงก่อนนะคะ เพราะรายแรกก็ถูกตลท.ถามเรื่องแรงเก็งกำไรเข้ามา เลยทำให้ช่วงบ่ายถือโอกาสทุบซะเลยคะ ใครที่เข้าแล้วยังไม่ออก คงต้องคิดหนักหน่อยนะคะ เพราะสัญญาณดูไม่ดีเลยคะ ราคาหุ้นปิดที่ 4.52บาท บวกไป 0.02 บาท และปิดที่ 1.88 บาท ลบไป 0.07 บาท ตามลำดับคะ
*ส่วนกรณีที่ตลท.เกิดข้อสงสัยให้ BLISS ชี้แจงเหตุผลที่ต้องออก ESOP-Wให้กับประกายดาว เขมะจันตรี กับ อรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ นั้นออกมานั้น ทำให้ "โมนิก้า"ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะแผนธุรกิจที่ว่าจะเดินจากนี้ไปอีก 3 ปีข้างหน้า ก็ถูกเปลี่ยนย่นมาเหลือแค่ 2 ปี
*เดี๊ยนไม่เข้าใจว่าทำไมแผนธุรกิจที่กำหนดไว้ถึงเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วข้ามคืนแบบนี้ นั้นแสดงให้เห็นว่าอีกไม่นานบริษัทคงจะมีข่าวเรื่องธุรกิจใหม่เข้ามาอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นธุรกิจบันเทิง หรือธุรกิจพลังงานเหมือนกับ IEC หรือไม่นั้น คงต้องรอดูคะ ราคาหุ้นดูไม่ดีคะ ปิดที่ 3.62 บาท ลบไป 0.04 บาท
*คงไม่แปลกใจที่ยามว่างจะเห็น IEC เพิ่มทุน ซึ่งรอบนี้ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาก็เพิ่มทุนแบบบานตะไท สมแล้วที่ในวงการตลาดหุ้นพูดกันแบบติดตลกว่าภารกิจหลักของบริษัทคือการออกเพิ่มทุน สมแล้วที่เป็นบริษัทที่เคยทำธุรกิจเกี่ยวกับวิศวกรรมแต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นวิศวกรรม(ทางการเงิน)แทน
*การเพิ่มทุนรอบนี้คงทำให้ราคาหุ้นร่วงอีกเป็นแน่แท้ ถึงแม้จะมีข่าวว่าการเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้มีส่วนล้ำมูลค่าเพิ่มมาล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ ตราบใดที่ราคาหุ้นยังยืนเหนือ 1บาท การเพิ่มทุนก็คงเหนื่อยคะ ราคาหุ้นปิดที่ 0.90 บาท บวกไป 0.03 บาท
*ขอปิดท้ายข่าวการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลของ กิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร นายหญิงใหญ่ของ PSAP เป็น นลินรัตน์ นันท์นนส์ หลังจากที่เปลี่ยนชื่อบริษัทไปเรียบร้อยแล้ว เห็นแบบนี้ท่าทางเจ๊ นลินรัตน์ คงจะเชื่อเรื่องการเปลี่ยนชื่อ-สกุลเอามากๆ เลย ส่วนจะทำให้ดีขึ้นหรือเปล่านั้น "โมนิก้า"ว่า ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำคะ หาใช่อยู่ที่ชื่อใหม่ นามใหม่ไม่
* "โมนิก้า"ขอแสดงความยินดีกับชื่อ-สกุลใหม่ด้วยนะคะ เพราะจากนี้ไปเจ๊นลินรัตน์ ก็จะกลายเป็นต้นตระกูลของตนเองไปแล้ว ส่วนงานเช้งเม้งปีนี้ ยังต้องไปอีกหรือเปล่านั้นเดี๊ยนไม่ทราบคะ ราคาหุ้นปิดที่ 0.96 บาท บวกไป 0.01 บาท