April 29, 2024   8:09:10 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ทางสายใหม่ "เนาวรัตน์พัฒนาการNWR
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 24/03/2007 @ 13:56:38
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ติดตามจังหวะก้าวของ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ ที่เริ่ม "ถ่างขา" แตกไลน์ธุรกิจใหม่ ไปสู่การเป็นดีเวลลอปเปอร์แล้วอย่างน้อยครึ่งตัว ทางสายใหม่เส้นนี้จะน่าติดตามเพียงใด...


ภายหลังผลการดำเนินงานของ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ ประสบปัญหาขาดทุนติดต่อกัน 2 ปี (2548-2549) จนแทบจะมองไม่เห็นอนาคตของบริษัทแห่งนี้ ทั้งที่เนาวรัตน์พัฒนาการเพิ่งจะผ่านการปรับโครงสร้างทุนครั้งใหญ่มาเมื่อปี 2548 แต่แทนที่อะไรๆ จะดีขึ้น ทุกอย่างกลับดูแย่ลง

วัชรพัธ วัชราภัย ผู้จัดการทั่วไปแผนกธุรกิจใหม่ และวางแผนกลยุทธ์ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดว่า บริษัทได้แตกไลน์ธุรกิจใหม่ โดยร่วมทุนกับ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จัดตั้ง บจก.ซี.ไอ.เอ็น.เอสเตท ถือหุ้นในสัดส่วน 40% เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม "ดิ อิสสระ ลาดพร้าว" สถานที่ตั้งโครงการ ถนนลาดพร้าว ระหว่างซอย 12-14 สูง 51 ชั้น จำนวน 580 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังร่วมทุนกับพันธมิตร ขึ้นโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Sea Breeze พัทยา บนเนื้อที่ 20 ไร่ ลงทุนผ่าน บจก.วีเอสพีเอ็น พร็อพเพอร์ตี้ ถือหุ้น 20% พัฒนาให้เป็นหมู่บ้านริมทะเล จำนวน 74 หลัง ราคาระหว่าง 7-15 ล้านบาท มีมูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท

โครงการวิลล่า สมุย 40 หลัง บนเนื้อที่ 43 ไร่ บริเวณอ่าวเฉวง เน้นขายชาวต่างประเทศ ราคาหลังละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือหุ้น 87% มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท

โดยบริษัทประเมินไว้อย่างสวยหรูว่า โครงการ ดิ อิสสระ ลาดพร้าว จะทำกำไรได้ 400 ล้านบาท โครงการ Sea Breeze พัทยา 130 ล้านบาท และโครงการวิลล่า สมุย 170 ล้านบาท ทั้งนี้จะรับรู้ตามสัดส่วนการลงทุน

ปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กล่าว ว่า โครงการวิลล่า สมุย คาดว่าจะขายหมดภายใน 2 ปี นับจากวันเริ่มต้นโครงการ ซึ่งอาจจะทันภายในปีนี้ ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายล่วงหน้า (พรีเซล) 70% ภายใน 2 ปี

ด้าน วัชรพัธ วัชราภัย เปิดเผยว่า ในส่วนงานที่เนาวรัตน์พัฒนาการไม่เชี่ยวชาญ ก็จะให้ทางฝ่ายผู้เชี่ยวชาญดำเนินการ เช่น งานทางด้านการตลาดโครงการ ดิ อิสสระ ลาดพร้าว ก็จะให้ชาญอิสสระทำ หรือโครงการวิลล่า สมุย ก็จะจ้างต่างประเทศเป็นผู้ทำตลาด หน้าที่ของเนาวรัตน์พัฒนาการ ถ้าต้องการงานก่อสร้าง ก็ต้องเข้าไปร่วมประมูลงานแข่งกับผู้รับเหมารายอื่น

การเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้ ได้รับคำตอบว่า บริษัทต้องการกระจายความเสี่ยงจากงานภาครัฐ ที่มีสัดส่วนสูงกว่า 70% ของรายได้ ที่ผ่านมามีการแข่งขันตัดราคากันสูง จนแทบไม่มีกำไร ขณะที่งานเอกชนก็จะมีปัญหาการชำระเงินล่าช้า

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารบริษัทยืนยันว่า สัดส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก็ยังเทียบไม่ได้กับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง แต่ธุรกิจใหม่จะมีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยสูงถึง 20% ขณะที่งานรับเหมาก่อสร้าง 5-6% แม้สัดส่วนรายได้ยังน้อย แต่จะมีผลต่อกำไรสุทธิของบริษัทพอสมควร

วัชรพัธกล่าวว่า จุดเปลี่ยนของเนาวรัตน์พัฒนาการ ยังฝากความหวังไปกับโครงการเมกะโปรเจคของรัฐบาล โดยบริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ร่วมกับ บจก.โอบายาชิ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น

ถึงแม้จะไม่ได้รับงานโดยตรง แต่ก็เชื่อว่าโครงการรถไฟฟ้า ที่ถือเป็นเค้กก้อนใหญ่ จะทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างทุกคนได้ประโยชน์จากงานรับเหมาช่วง และยังช่วยลดการแข่งขันตัดราคาของผู้รับเหมากันเองได้

ด้านเป้าหมายรายได้ในปี 2550 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 ล้านบาท จะมาจากงานในมือ (backlog) ที่มีอยู่แล้วประมาณ 7,000-7,500 ล้านบาท และปีนี้คาดว่าจะมี backlog เพิ่มเข้ามาอีก 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ 70% ของรายได้ ยังมาจากงานภาครัฐเป็นหลักเช่นเดิม

ล่าสุดเพิ่งได้รับงานก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร ผ่านกิจการร่วมค้า เอ.เอส. และเนาวรัตน์เซ็นสัญญาไปแล้ว 5,000 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 1-2%

"มาร์จินเราต่ำจริง เพราะเราต้องการได้งานนี้ มันมีสิ่งที่เราหวังก็คือมูลค่าที่ดินที่เหลือ จะเพิ่มขึ้นซึ่งเราจะสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่นั้นได้ในอนาคต

...และเราก็มีแผนจะรุกงานรับเหมาก่อสร้างในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในดูไบและกาตาร์ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ดีเฉลี่ยที่ 7-8% โดยสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ น่าจะอยู่ที่ 20% ของมูลค่างานในมือ"

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปี 2550 นั้น คาดว่ายังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 6.6% แต่มีโอกาสจะพลิกกลับมาทำกำไรได้ในปีนี้ หลังจากขาดทุน 2 ปี ติดต่อกัน

"ถึงเราจะยังขาดทุน แต่ คุณพลพัฒ กรรณสูต (กรรมการผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นใหญ่) ก็เก็บหุ้น NWR เรื่อยๆ เพราะเขาอยากจะเพิ่มสัดส่วน และเชื่อว่าจะเก็บเพิ่มอีก เพราะ Book Value อยู่ที่ 0.91 บาท ราคาหุ้นลงมา 0.60-0.70 บาท ไม่น่าจะลงไปมากกว่านี้อีกแล้ว" วัชรพัธกล่าวทิ้งท้าย

************************************

กรุงเทพธุรกิจ BizWeek[/color:2ef6eb4da0">

 กลับขึ้นบน
nikei
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 692
#1 วันที่: 24/03/2007 @ 14:39:08 :
8O
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com