April 29, 2024   10:23:06 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กลยุทธ์..ส่องหุ้นเด็ด
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 26/03/2007 @ 18:19:00
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

การเกิด overweight ในครั้งนี้ จะทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นแรง มีการระบุตัวหุ้นชัดเจนว่ามีหุ้นใดบ้าง แต่โดยไอเดียแล้วดัชนีในการซื้อ คือ หุ้นที่มีปันผลสูง และหุ้นที่มีสภาพคล่องดี กำไรดี?

เศรษฐกิจภาพรวมและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อาจเป็นชนวนหนึ่งของการลงทุนในกระดานหุ้น และแม้ว่าทาง เจพี มอร์แกน จะลุกขึ้นมาปรับน้ำหนักการลงทุนของไทยเป็น ?Overweight" ว่าน่าลงทุนก็ตาม แต่ก็ไม่อาจทำให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อปัจจัยรอบด้านได้ ทำให้คุณรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) ผนึกมุมมองร่วมกับ คุณภูวดล ลาภอุดมสุข ผอ.อาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมตอกย้ำในภาพโดยรวมของแนวทางการลงทุนให้ได้รับรู้

-การที่บริษัท เจพี มอร์แกน ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยขึ้นเป็น "overweight" จากภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแกร่ง และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลงของไทย ตรงนี้จะเป็นสิ่งที่กระตุ้นตลาดได้หรือไม่
คุณรณกฤต ถือว่าเป็นข่าวบวกที่เข้ามาสนับสนุน หากดูย้อนหลังของโบรกเกอร์จีพี มอร์แกน ในช่วงที่ผ่านมาขายตลอด ฉะนั้นการ overweight" จะมีการสลับกลุ่มในการซื้อไปหรือไม่ การเกิด overweight ในครั้งนี้จะทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นแรง มีการระบุตัวหุ้นชัดเจนว่ามีหุ้นใดบ้าง แต่โดยไอเดียแล้วดัชนีในการซื้อ คือ หุ้นที่มีปันผลสูง และหุ้นที่มีสภาพคล่องดี กำไรดี ก็ได้ระบุไว้แล้ว

-กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่ทาง เจพี มอร์แกนได้ระบุไว้ ตรงนี้มองอย่างไร
คุณรณกฤต ถ้าจะพูดมีตัวหุ้นด้วยเช่น เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ (AP) แอลพีเอ็น (LPN) ปูนใหญ่ (SCC) ซึ่งหากกลับไปดูหุ้นเหล่านี้ช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน จะมีวอลุ่มสะสมอยู่ด้วย เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีการย้ายการขายพลังงานมาเข้ากลุ่มเหล่านี้แล้ว ประเด็นนี้มองได้หากมองย้อนหลังไปว่าเจพีมอร์แกนขายตลอด ฉะนั้นถือว่าเป็นข่าวบวกแต่ไม่ใช่เป็นประเด็นที่หุ้นจะต้องปรับขึ้น

คุณภูวดล มองว่าเป็นความหวัง แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วย ภายใต้ปริมาณซื้อขายที่ต่ำกว่า 13,000 ล้านบาท การที่กองทุนใหญ่ๆ จะเข้ามาซื้อเห็นได้และการที่หุ้นขนาดใหญ่ๆ อย่างหุ้นกลุ่มแบงก์เท่าที่ผ่านมาถือว่าปรับตัวขื้นมาพอควรแล้ว และในตลาดหุ้นอย่ามองด้านดีอย่างเดียว ต้องมองภาพอีกด้านหนึ่งด้วย หากดี ซื้อจริง และมีวอลุ่มตามเข้ามาหรือไม่ หากไม่มีต้องระวัง หลายครั้งเวลาเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงซึมๆ จะมีข่าวของหลายสำนักออกมาบอกว่าเรทติ้งไทยดีขึ้น แต่พอผ่านไป 3-4 เดือนจะคนละเรื่องสิ่งเหล่านี้เคยปรากฏมาแล้วต้องคอยระมัดระวัง

-จะแนะนำการลงทุนอย่างไรในช่วงนี้
คุณภูวดล คงจะเหมือนสัปดาห์ก่อนว่าจะ REBOUND ได้ไม่มาก ประมาณ 675 จุดเท่านั้น หากสัปดาห์นี้ถ้าขึ้นถึง 675 จุด ใครที่อยากระบายของก็ระบายทำกำไรไปได้ พออ่อนตัวลงมาแนวรับคงประมาณ 665-668 จุด ซื้อกลับขึ้นมา แต่ยังไม่ต้องกังวลว่าจะมี พานิคเซลล์หรือไม่
-คุณรณกฤต ผมมองช่วงนี้การลงทุนของตลาดหุ้นจะดีขึ้นมาเล็กน้อย เป้าหมายอาจจะ 1-2 อาทิตย์นี้ผมมองว่าประเด็นบวกทางเรื่องดอกเบี้ยอาจจะลดลงมาก เพราะจะได้แรงเสริมจากต่างประเทศเริ่มกลับมาซื้อซึ่งช่วยได้มาก ตรงนี้หลายคนพูดว่าหุ้นไทยถูก และเจพีมอร์แกนได้บอกว่าถูกจริง ซึ่งอาจจะเข้ามาซื้อบ้าง แต่คงไม่มากนัก ฉะนั้นผมมองว่าตลาดจะมี REBOUND ช่วงหนึ่ง รับข่าวกระแสดอกเบี้ย ซึ่งผมมองดัชนีอาจจะเด้งไปได้ถึง 680 จุด โดยประมาณแต่ไม่ได้มองเป็นขาขึ้น มอง REBOUND แต่ช่วงนี้ไม่ได้มองว่าดัชนีลงแล้ว แต่จะมีแค่ REBOUND ขึ้นไป

-หุ้นเด็ดและเด่นมีหุ้นใดบ้าง
คุณรณกฤต ผมยังจะมาที่หุ้นตลาด mai เพราะช่วงนี้ค่อนข้างจะคึกคัก และกลับมาน่าสนใจ ผมมอง TRC แต่หุ้นตัวนี้ผมมองประเด็นว่าเพิ่มทุนขึ้นมาและการเพิ่มทุนเพราะจะไปซื้อบริษัท สหการวิศวกร (SKW) ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างเหมือนกัน แต่ก่อสร้างเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะทำให้บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) โดยเป็นบริษัทก่อสร้างที่ครบวงจร และการซื้อ 100% ของบริษัทนี้ทำให้รายได้เข้ามาที่ TRC เต็มเม็ดเต็มหน่วย คาดว่าหากจบกระบวนการกลางปีนี้จะทำให้ TRC มีกำไรเติบโตขึ้น 100% ผมมองว่า TRC อาจจะวิ่งได้ถึง 3 บาท ในส่วนของแนวต้าน ส่วนราคาหุ้นพื้นฐาน 4.40 บาท ผมว่าหุ้นตัวนี้ถ้าซื้อแถวนี้จะเป็นการซื้อไม้ต้นๆ ทีเดียว
คุณภูวดล สำหรับผมนำเสนอหุ้นบริษัท อสมท. (MCOT) จะเห็นว่าเมื่อปลายปี มีการเปลี่ยนแปลงและราคาตกมาก และยืนอยู่ 24.50-25 บาท วันนี้ผลประกอบการไตรมาส 1ของ MCOT เริ่มออกมาแล้ว ลดลงไม่มาก แต่การลดลงจะลดลงจากรายจ่ายของภาครัฐที่หายไป และไตรมาส 2 รายจ่ายของภาครัฐจะเริ่มกลับมา หากสังเกตุจะเห็นว่าภาครัฐเริ่มจะเห็นประโยชน์ของการประชาสัมพันธ์มากขึ้น และมีการจับมือกับทรูวิชั่น คือ ทรูมูฟและยูบีซีออกรายการของ AF 4 จะทำให้รายได้กลับเข้ามาทันทีในไตรมาส 2 ปัญหาของ TITVจะทำให้สปอนเซอร์จะต้องเลือกแล้วว่ารอบถัดไปควรจะเลือกใคร และในรายการบันเทิงมีตรงไหนมีที่ว่างบ้าง ดังนั้นเรทโฆษณาไม่ได้ลดไป ฉะนั้นราคาที่ตกลงมาแรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นคือพื้นฐานดีขึ้นเรื่อยๆผมคิดว่า MCOT ราคาน่าสนใจ สัปดาห์นี้แนวรับจะอยู่ที่ 24.50 บาท ส่วนแนวต้าน 25.50-26 บาท

-ค่าเงินบาทอ่อนมองว่ากระทบการลงทุนหรือไม่
คุณรณกฤต ผมมองประเด็นเรื่องค่าเงินในปัจจุบันแน่นอนกระทบอยู่แล้วแต่จะกระทบในแง่ของการส่งออก โดยในแง่ของผู้ผลิตตอนนี้ค่าเงินแข็งค่าครึ่งปีแล้ว ผู้ผลิตมีการทำการแลกหุ้น(สวอป) หมดแล้ว ผมมองเรื่องใหญ่เป็นเรื่องการส่งออกกระทบเศรษฐกิจมากกว่า ซึ่งสิ่งที่จะกลับเข้ามาและเป็นภาพที่ดีขึ้นหากแนวโน้มดอกเบี้ยปรับลงมา ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ ฉะนั้นตรงนี้จะเป็นตัวช่วยและหากเกิดเหตุการณ์ ขึ้นมา จะทำให้ตลาดหุ้นพลิกกลับขึ้นมาในช่วงสั้นๆ ทำให้หุ้นกลุ่มนี้กลับขึ้นมาได้ แต่ในช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งทุกคนกลับมองไปที่บริษัทนำเข้า ที่นำเข้าวัตถุดิบ เช่น กลุ่มเหล็ก โดยจะเห็นว่าหุ้นกลุ่มเหล็กกระเตื้องขึ้นมา หากมีการลดดอกเบี้ยจริงๆ จะทำให้หุ้นกลุ่มส่งออกอาจจะกลับมาเล่นสั้นๆ เพราะมองว่าการส่งออกจะดีขึ้น





 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com