April 29, 2024   4:54:02 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > โบรกฯ เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"KBANK ราคาอยู่ในจุดน่าสนใจ
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 27/03/2007 @ 19:59:20
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นแบงก์มาแรง หลังเจพีฯ จุดพลุ แนะซื้อเก็บใส่พอร์ต ทำราคาหุ้นพุ่งต่อเนื่อง ผสมโรงเก็งกำไรการประชุม กนง. 11 เม.ย.อาจลดดอกเบี้ย 0.5% ส่งผลให้ต้นทุนแบงก์ลดลง แถมท้ายงบโค้งแรกของปีมีสิทธิสดใส หลังสเปดดอกเบี้ยดีขึ้น ด้านผู้บริหารแบงก์ใหญ่ BBL-KBANK เชื่อกนง.ลดดอกเบี้ยชัวร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เซียนหุ้นแนะเก็บ BBL-SCB-KBANK เข้าพอร์ตนอนกอดให้สบายใจ

กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นทีของหุ้นเก็งกำไรในตลาดเอ็มเอไอ แต่สัปดาห์นี้เป็นคราวของหุ้นกลุ่มแบงก์ที่มีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างหนาแน่น และมีผลดันให้ดัชนีในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีประเด็นว่า เจพี มอร์แกน ได้แนะนำให้ซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ เพราะมองว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงน่าจะส่งผลดีต่อต้นทุนของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แต่ดูเหมือนว่ามนต์ของเจพีฯ ยังไม่เสื่อน เพราะวานนี้หุ้นกลุ่มดังกล่าวยังแรงไม่เลิก

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการเข้ามาเก็งกำไรรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 เม.ย.นี้ โดยตลาดต่างคาดการณ์ว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5% ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของบรรดาธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลง รวมทั้ง การเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2550 ซึ่งคาดว่าจะออกมาดี เพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยดีขึ้น

นักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าวว่า สาเหตุที่ช่วงนี้หุ้นกลุ่มแบงก์มีแรงเก็งกำไรเข้ามาหนาแน่น เนื่องจากนักลงทุนเปลี่ยนตัวเล่น เพราะที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง ซึ่งถือว่าราคาหุ้นตอนนี้ถือว่าถูกเมื่อเปรียบเทียบกับราคาเป้าหมายที่โบรกเกอร์หลายๆแห่งให้ไว้ อีกทั้ง ช่วงนี้ยังมีข่าวดีสำหรับหุ้นแบงก์เรื่องการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 11 เม.ย.นี้ โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนของแบงก์ลดลง ยิ่งในช่วงที่ผ่านมามีข่าวดีเข้ามาหนุน จากการที่เจพี มอร์แกน แนะนำให้ซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ จึงทำให้มีแรงซื้อเขามาหนาแน่น

"คาดว่าแรงซื้อที่เกิดขึ้นจะมาจากนักลงทุนต่างประเทศ เพราะเมื่อนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนจะเลือกซื้อหุ้นแบงก์เป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นหุ้นที่สอดคล้องกับเศรษบกิจของประเทศ"แหล่งข่าวกล่าว


*** BBL-KBANK ประสานเสียง กนง.ลดดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุม 11 เม.ย.นี้


ดร.บันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BBL กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่า ธนาคารฯจะมีการทบทวนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ช่วงกลางปี โดยมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะลดลงเหลือ 3-4 % จากเดิมที่ธนาคารคาดว่าจะมีการเติบโตในอัตรา 4-5% เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงมากจาก เหตุการณ์ระเบิด การใช้มาตรการสำรองเงินสด 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

ดร.บันลือศักดิ์กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของทางการ จะทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคดีขึ้น โดยในสิ้นปีนี้คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 3-3.5% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 4.50% หรือปรับลดลงอีก 1.0-1.5% ทั้งนี้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเเงินวันที่ 11 เม.ย. น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50%

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสินเชื่อผู้บริโภค ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) KBANK กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ในวันที่ 11 เม.ย. นี้ว่า น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจและ ทำให้เงินบาทไม่ปรับแข็งค่าขึ้นมากกว่าปัจจุบัน เนื่องจากปัจจุบันแนวทางในการดูแลเศรษฐกิจต้องใช้นโยบายการเงินเข้าดำเนินการ

?ในการประชุมวันที่ 11 เม.ย มีโอกาส 60-70% ที่กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% หลังจากที่ผ่านมาลดเพียง 0.25% ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจมากกว่าเป็นผลเสีย โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่ยังคงปรับแข็งค่าแม้ว่จะมีการใช้มาตรการสำรองเงินสด30% ดังนั้นการปรับลดดอกเบี้ยจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง? นายชาติชายกล่าว



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 27/03/2007 @ 20:00:24 :
***เซียนหุ้นชี้นลท.เก็งกำไรหุ้นแบงก์ คาด กนง.ลดดอกเบี้ย

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊นคินซัน เปิดเผยว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์หลายตัว เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY,ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL,ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK,ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB,ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB,ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เป็นต้น มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพราะนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรเกี่ยวกับกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 11 เมษายนนี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน

คงจะเป็นไปได้ที่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ นอกจากนี้ก็มีเรื่องที่เจพีมอร์แกนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ตรงนี้น่าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปใหญ่และน่าสนใจ โดยรอบนี้ตัวที่เด่นและน่าลงทุนก็มีหุ้นของ SCB และ KBANK ที่แนะนำซื้อ ส่วนหุ้นตัวอื่นๆ ก็เหมาะลงทุนระยะยาว เช่น BAY,BBL,KTB,TMB,SCIB นายรณกฤต กล่าว

โดย SCB ให้แนวรับไว้ที่ 70 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 74 บาท ,KBANK ให้แนวรับไว้ที่ 65 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 67 บาท BAYให้แนวรับไว้ที่ 20.50 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 22 บาท ,BBL ให้แนวรับไว้ที่ 107 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 110 บาท ,KTBให้แนวรับไว้ที่ 12 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 13 บาท ,TMB ให้แนวรับไว้ที่ 1.70 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 1.80 บาท และ SCIB ให้แนวรับไว้ที่17.50 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 18 บาท

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้เบื้องต้นคาดว่านักลงทุนคงจะเข้ามาเก็งกำไรเกี่ยวกับกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 11 เมษายนนี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน

นอกจากนี้ กรณีที่นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาส่งสัญญาณว่าจะยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% และในขณะนี้กำลังรอจังหวะที่เหมาะสม คงจะเป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลและกล้าที่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น ดังนั้นอาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลบวกต่อภาวะตลาดหุ้นไทยรวมทั้งหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์น่าจะได้รับอานิสงส์ด้วย เพราะมีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่และเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนระยะยาว

ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนซื้อหุ้นของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน ) หรือ BAY, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB,ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เนื่องจากหุ้นดังกล่าวมีพื้นฐานที่ดี รวมทั้งมีความโดดเด่นมากกว่าหุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน โดย KBANK ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 84.57 บาท/หุ้น ,BAY ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 22.71 บาท/หุ้น,KTB ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 16.66 บาท/หุ้น และ BBL ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 138.83 บาท/หุ้น

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวถึงหุ้นกลุ่มธนาคารว่า หุ้นในกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น คงมาจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1/50 จะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้ ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ IAS 39 ปรับลดลงและไม่สูงเท่ากับในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้ดีต่อผลการดำเนินงาน อีกทั้งยังได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ด้วย
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ในรอบต่อไปคงมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25-1.00% เนื่องจากเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

สำหรับหุ้นธนาคารที่น่าสนใจจะเป็นหุ้น KBANK และ BBL เนื่องจากเป็นธนาคารที่มีผลการดำเนินงานเติบโตดีและแข็งแกร่ง และมีส่วนต่างกำไรมากขึ้น โดยประเมินราคาเหมาะสมหุ้น KBANK อยู่ที่ 84 บาท และหุ้น BBL อยู่ที่ 135 บาท

***เปิดโผ SAA Consensus หุ้นกลุ่มแบงก์

แบงก์ จำนวน บล. ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด ราคาเฉลี่ย
BBL 20 154 122 136.38
BAY 19 25.2 16.00 20.96
SCB 21 78 65 70.06
KBANK 23 89 70 78.70
SCIB 19 28.70 16.62 21.03
KTB 21 17 12.40 14.60
TMB 17 2.78 1.48 2.06

ที่มา : eFinanceThai.com รวบรวม


[/color:774e27c845">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com