April 29, 2024   3:00:19 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ไทยฟัดไทยหุ้นไทยก็ม้วย
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 28/03/2007 @ 23:23:31
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ข่าวร้ายยังถาโถมเข้าตลาดหุ้นไทยไม่หยุด ล่าสุดลือสะพัดทั้งการปฏิวัติซ้อน 30 มี.ค.นี้ อันอาจจะเกิดการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินตามมา และสถาบันจัดอันดับเครดิตต่างประเทศเตรียมปรับมุมมองไทยใหม่ รวมทั้งกระแสการก่อสงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน ที่ทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งต่อ นักลงทุนท้อ หากไทยไม่ช่วยไทย แล้วใครจะช่วยเรา

* หุ้นไทยรูดต่อเนื่อง

ตลาดหุ้นไทยยังไม่หมดข่าวร้าย ปิดตลาดวันที่ 28 มีนาคม 2550 ดัชนีอยู่ที่ระดับ 669.04 จุด ลดลง 9.53 จุด หรือ 1.40% พร้อมกับมูลค่าการซื้อขาย 12,603.94 ล้านบาท โดยแรงเทขายได้เข้ามาค่อนข้างมากในช่วงบ่าย หลังจากสำนักข่าวเอพีรายงานว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงเทพมหานครเพื่อสกัดการชุมนุมของกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร

โดยรายงานข่าวระบุว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติกล่าววันนี้ว่า พลเอกสนธิได้ร้องขอให้นายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงเทพฯ เพื่อยุติการชุมนุมที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้

* ลือสะพัดปฏิวัติซ้อน

การรายงานข่าวดังกล่าว ก่อให้เกิดกระแสข่าวลือเกิดขึ้นสะพัดในห้องค้าหลักทรัพย์ ในประเด็นที่ว่า การปฏิวัติซ้อนจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพื่อยุติปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น และเพื่อสร้างฐานอำนาจใหม่ หลังจากฐานอำนาจปัจจุบันไม่ได้สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนในประเทศเท่าใดนัก และยิ่งนานวันเท่าไหร่กลับยิ่งทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่มีอะไรดีขึ้น โดยการเข้ามาของฐานอำนาจในปัจจุบันนี้ ไม่ได้ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นแต่อย่างใด ขณะที่เศรษฐกิจไทยก็ไม่สะท้อนไปในทางที่ดีอย่างเด่นชัด

โดยหลังการยึดอำนาจของ คมช. ในปลายปี 2549 ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ได้เกิดความแตกแยกทางความคิดของทั้งประชาชนเอง และยังร่ำลือถึงการแตกแยกทางความคิดของ คมช. ด้วยกันเองมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถึงปัจจุบัน

* หวั่นนายกฯ ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
การบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากจะยังไม่สร้างความประทับใจให้กับประชาชนทุกฝ่ายแล้ว ยังเกิดกระแสต่อต้านรัฐบาลชุดนี้ และล่าสุดจะมีการชุมนุมประท้วง คมช. ในวันศุกร์ที่ 30 มีนาคมนี้ พร้อมๆ กับกระแสการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อจัดการม็อบ

ขณะที่ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.เปิดเผย ว่า ในวันดังกล่าว คมช. จะมีการใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าไปควบคุมดูแลให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย และจะได้จัดกำลังทหารในการเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดต่าง ๆ เพิ่มเติม ส่วนจะมีการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือไม่นั้น ให้เป็นอำนาจหน้าที่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล

* วอนประชาชนคำนึงถึงความมั่นคงชาติเป็นที่ตั้ง

พร้อมกันนี้ ประธานคมช. ยังได้ขอให้ประชาชนที่จะเข้าร่วมการชุมนุมในวันที่ 30 มีนาคม คำนึงถึงความมั่นคงของชาติเป็นที่ตั้ง เพราะความมั่นคงของชาติ ถือเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นในการลงทุน และเศรษฐกิจ การค้า รวมถึงการท่องเที่ยวภายในประเทศ และการออกมาชุมนุมนั้น จะต้องเป็นไปด้วยความสงบ

* ม็อบเกษตรกรขู่ตั้งศูนย์อพยพคนไทยไร้แผ่นดินเดินเท้าเข้าลาว

นอกจากจะต้องเผชิญกับม็อบต้าน คมช. แล้ว รัฐบาลยังต้องเจอกับม็อบเกษตรกร หรือ กลุ่มสภาเครือข่ายประชาชนภาคอีสานจำนวนประมาณ 300 คน ที่ชุมนุมอยู่หน้าบริเวณทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาหนี้สิน ได้เริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา แต่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง

โดยกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่า ได้มีการจัดตั้งศูนย์อพยพคนไทยไร้แผ่นดิน โดยรวบรวมผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้สินเกษตรกรและที่ดินทำกิน โดยทั้งหมดได้เดินทางไปยังรัฐสภาเพื่อสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้รับรู้ก่อนที่จะประกาศเดินเท้าจากกรุงเทพฯไปยังด่านชายแดนไทย-ลาวที่ จ.หนองคาย เพื่อคืนบัตรประจำตัวประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่ที่ด่าน

จากนั้นจะเดินไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อขอให้ทางการลาวช่วยเหลือในการให้ที่ดินทำกินทั้งที่ดินเพื่อปลูกที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพ ซึ่งสาเหตุที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่ารู้สึกท้อแท้ เนื่องจากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยเลย แม้จะมีการปักหลักชุมนุมกันอย่างต่อเนื่องก็ตาม



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 28/03/2007 @ 23:25:09 :
* สถาบันจัดอันดับเครติดต่างชาติเตรียมปรับมุมมองไทยใหม่
ปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบง่ายๆ รวมทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจที่ยังไม่มีแววฟื้นตัว ส่งผลให้เกิดกระแสข่าวลือขึ้นด้วยว่า สถาบันจัดอันดับเครดิตต่างประเทศ ได้เตรียมปรับมุมมองต่อไทยใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าน่าจะลดลงจากปัจจุบัน

* ราคาน้ำมันอาจพุ่งต่อจากปัญหาสหรัฐฯ-อิหร่าน
นอกจากปัญหาภายในประเทศไทยเองแล้ว ประชาชนยังต้องเผชิญกับปัญหาระดับโลก ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบตามมา นั่นก็คือ กระแสการสู้รบระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน ที่นับวันจะทวีความร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดมีการปล่อยข่าวลือว่าอิหร่านได้โจมตีเรือรบสหรัฐฯ แต่หลังจากนั้นไม่นาน สหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

แน่นอนที่สุดว่าหากปัญหาการสู้รบร้อนแรงขึ้นจนถึงขั้นเปิดฉากสู้รบกันจริงๆ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ราคาน้ำมันที่จะต้องปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการทั่วโลกเพิ่มขึ้น และจะสะท้อนถึงเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในทางเสื่อมถอยลงในที่สุด

* โบรกฯ คาดหุ้นลงต่อ แนะชะลอลงทุน
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงในวันที่ 28 มี.ค.50 เนื่องจากเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับลดลง ขณะเดียวกันยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน รวมทั้งนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่ยังไม่นิ่ง ดังนั้นจึงชะลอการลงทุนออกไปก่อน

"ปัจจัยต่างประเทศที่กดดันบรรยากาศการลงทุนก็เป็นเรื่องเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาไม่ดี ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับอังกฤษ และปัจจัยในประเทศการเมืองที่ไม่นิ่ง ก็ล้วนแต่ส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน" นางสาวสุภากร กล่าว

ส่วนแนวโน้มของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 29 มี.ค.50 คาดว่ายังคงเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัว หลังจากที่ไม่มีข่าวบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน ในขณะที่กลยุทธ์การลงทุนแนะนำลดความเสี่ยง โดยการปรับพอร์ตหรือทยอยขายเมื่อดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้น โดยให้แนวรับไว้ที่ 665 จุด ให้แนวต้านไว้ที่ 670 จุด

ส่วนนางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มดัชนีวันที่ 29 มี.ค.50 คาดว่ามีโอกาสปรับลดลงต่อเนื่องจากวันนี้ หลังจากยังไม่มีปัจจัยข่าวดีกระตุ้นการลงทุน และยังมีปัจจัยลบกดดันการลงทุนพอสมควร โดยเฉพาะกระแสการชุมนุมประท้วงศุกร์นี้ โดยประเมินว่าหากมีแรงซื้อเข้ามาปิดงวดบัญชี (Window Dressing) ไตรมาส1/2550 ก็อาจกระตุ้นจิตวิทยาการลงทุนและดันให้ดัชนีฯระหว่างวันรีบาวน์ขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่น่ามีนัยสำคัญมากนัก เนื่องจากนักลงทุนรอดูความชัดเจนหลายปัจจัย

อย่างไรก็ตาม ประเมินแนวรับที่ 660 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 672 จุด แนะนำให้เลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานดี โดยเฉพาะหุ้นที่มีผลการดำเนินงานไตรมาส1/50 ออกมาดี อาทิ TOP, RRC, DELTA, VNG และ THAI

* ไทยไม่ช่วยไทยแล้วใครจะช่วยเรา
บรรดานักลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงรู้สึกกังวลกับหลากหลายปัญหา และต่างทยอยปรับพอร์ตการลงทุนโดยเน้นถือเงินสดเป็นหลัก ขณะเดียวกันยังมีเสียงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความสามัคคีกัน เพื่อนำพาประเทศชาติและเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน เพราะหากคนไทยขาดความสามัคคีแล้ว ปัญหาทุกอย่างคงไม่สามารถแก้ได้ และอาจทำให้ประเทศชาติเสียหายในที่สุด

[/color:ab2939fe9d">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com