April 29, 2024   7:25:30 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เจาะกระดานหุ้น 29/3
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 29/03/2007 @ 07:06:31
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

*ข่าวความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นไม่เว้นในแต่ละวัน คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ดัชนีไม่สามารถวิ่งทะลุแนวต้าน 680 จุด และเป็นฉนวนเหตุที่ทำให้ดัชนีวานนี้ร่วงหล่นลงไปถึง จุด ก่อนจะมาปิดที่ จุด ด้วยวอลุ่มการซื้อขายที่แสนจะเบาบาง

*แถมล่าสุดมีข่าวม็อบพีทีวี(พจมานทีวี)เตรียมชนกับทหารและตำรวจเต็มที่ ย่อมกระทบกระเทือนบรรยากาศการลงทุนจังเบ่อเร้อ "โมนิก้า" ถึงมั่นใจ 1,000,000% ว่า ไตรมาส2 ดัชนีก็ยังไปไหนได้ไม่ไกล เผลอๆ อาจรูดถลาหลุดลงมากองอยู่ใต้ 650 จุดเอาง่ายๆอีกด้วยเจ้าค่ะ

*เนื่องจากตามสายตาของนักลงทุนต่างชาติกำลังมองประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคเผด็จการเต็มรูปแบบ หากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมม็อบต่างๆ ให้อยู่ในความสงบนั่นเอง...เดี๊ยนถึงขอเตือน 1-2 วันนี้ให้มิตรรักแฟนข่าวหุ้นทุกรายรีบกลับบ้านทันที และอย่าได้ออกไปเผ่นพ่านแหล่งที่เขาชุมนุมกันเป็นอันขาด

*งานนี้ต่อให้ตลาดหุ้นขุดข่าวดีที่ไหนขึ้นมาเล่น ก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่มากนัก เพราะบรรยากาศการลงทุนไม่น่าพิศมัย แถมหุ้นบลูชิพก็มีแต่เรื่องราวชวนปวดหัวกันทุกตัวแบบนี้...ขายหุ้นทิ้ง แล้วนอนกอดเงินสดแทนดีกว่าพะยะค่ะ

*ชอกช้ำระกำใจสุดๆ น่าจะเป็นหุ้นกลุ่มแบงก์ เพราะอุตสาประคองตัว และพยายามไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่พอเจอข่าวม็อบปะทะทหารเข้า ราคาหุ้นถึงกับร่วงพลอยไม่เป็นท่าแบบนี้ "โมนิก้า" ขอแนะนำให้คุณๆ ตัดขายหุ้นขาดทุนออกไปเนิ่นๆ ดีกว่าเพราะสถานการณ์ตอนนี้ยากต่อการคาดเดาจริงๆ

*โดยเฉพาะในรายของ SCB และ KBANK เจอบรรยากาศการลงทุนผันผวนเล่นงานทั้งทางตรงและทางอ้อม ราคาหุ้นก็เลยร่วงเป็นนกปีกหักอย่างที่เห็น หากถามว่าราคาหุ้นตัวไหนมากกว่า "โมนิก้า" ขอตอบว่าตัวหลังดูดีกว่าเยอะ เพราะราคาหุ้นสามารถปิดเหนือแนวรับได้อย่างแข็งแกร่ง

*ส่วนรายแรกราคาหุ้นรูดถลาติดต่อกันเป็นวันที่ 2 แถมยังปรากฎสัญญาณขายอยู่ตลอดเวลา มันไม่น่าเข้าเล่นเลยจริงๆ เพราะของถูกกว่านี้ยังมีให้ซื้ออีกเพียบ และควรท่องภาษิตโบราณที่ว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ให้ขึ้นใจเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่เหลืออย่าง BBL KTB SCIB TMB และ BT ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเช่นกันในช่วงเวลานี้ เพราะขาจร ขาประจำ ต่างขายหุ้นทิ้งตลอดทั้งวันยิ่งกว่างานเทกระจาดประจำปีเสียอีก "โมนิก้า" ถึงไม่มีความจำเป็นต้องแนะนำให้คุณๆ ต้องเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในเวลานี้

*ส่วนกรณีโบรกเกอร์แห่งหนึ่งบอกว่า TBANK หากได้พันธมิตรใหม่เชื้อชาติแคนนาดาเข้ามาร่วมทุนจริง ก็จะทำให้ตัวบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้น เพราะผู้ร่วมทุนมีความเชี่ยวชาญเรื่อง คอปอเร็ท แบงก์กิ้ง มันเป็นการให้ความหวังมากเกินไป เพราะของมันเห็นกันจะจะว่า เสียเปรียบแบงก์ใหญ่ทุกประตูนะจะบอกให้

*ในที่สุดเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เก่าแก่ อย่าง พงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ และคนในตระกูลปล่อยหุ้นที่ถืออยู่ใน GRAND ทั้งหมดออกไป โดยกลุ่มที่ได้คือ บริษัท โฮเทล แอนด์พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับ Giant Mauritius Holdingsที่เข้ามาซื้อหุ้นก่อนหน้านี้ ทำให้กลุ่มนี้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 71.28 % "โมนิก้า" ไม่คิดว่าจะได้เห็นวันที่ พงษ์พันธ์ ต้องขายบริษัทตัวเองทิ้ง ข่าวดีๆ แบบนี้ หุ้นมีสิทธิวิ่งได้นะคะ ราคาหุ้นปิดที่ 4.50 บาท ลบไป 0.30 บาท

* "โมนิก้า"ไม่แน่ใจว่า วันนี้ S2Y จะติดฟลอร์ซ้ำอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งใจจริงแล้วไม่อยากให้เข้าไปเล่นหรอกนะคะ แต่ถ้าเล่นแบบสนุก หรือหากำไรนิดหน่อยก็ได้นะคะ ก็ให้ยึดหลักว่า ถ้าภายในช่วงครึ่งวันเช้า หุ้น S2Y ปรับตัวลงติดฟลอร์ก็ให้เข้าไปรับ ย้ำให้รับที่ระดับฟลอร์ หรือเกือบฟลอร์

*จากนั้น ก็รอจังหวะที่หุ้นเด้งขึ้นมาก็ขายทำกำไรได้เลย ขอย้ำนะคะ ว่าต้องคนที่มีเงินสดเพียงพอกับจำนวนหุ้นที่ซื้อจริงๆ เพราะถึงแม้จะถูกห้ามเน็ตฯและบัญชีมาร์จิ้น แต่ถ้ามีเงินสดเพียงพอที่จะเคลียร์ได้ภายในวันนี้ ก็สามารถที่จะซื้อและขายได้ภายในวันเดียว แต่จะมีข้อแม้ที่ว่าเงินจะถูกตัดบัญชีอีก 3 วันข้างหน้าในฐานะที่ซื้อหุ้นไป และอีก 3 วันต่อมา จึงจะได้รับเงินทั้งหมดคืนซึ่งจะหักลบ หรือบวกก็แล้วแต่ความสามารถคะ

*ถ้ากรณีที่ช่วงเช้ายังไม่ฟลอร์ แต่มาฟลอร์ช่วงบ่าย ก็ต้องดูว่าบ่ายแก่แค่ไหน ถ้าใกล้ตลาดปิดก็คงต้องวัดดวงเอาเอง เพราะมีสิทธิติดฟลอร์ จนขายไม่ได้ และต้องถือข้ามวันซึ่งวันพรุ่งนี้มีสิทธิที่จะเจอความเสี่ยงเรื่องหุ้นร่วงได้อีกครั้งเจ้าคะ ถ้าชอบก็ลองดู แต่ถ้าคิดว่าไม่เข้าท่า ก็ไม่เป็นไรคะ เดี๊ยนไม่บังคับ แค่แนะนำเฉยๆ ราคาหุ้นปิดที่ 3.44 บาท ลบไป1.46 บาท หรือลดลง 29.80 %

*เช่นเดียวกับในราย TAPAC ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.24 บาท บวกไป 0.30บาท หรือขึ้นไปถึง 15% "โมนิก้า" มองจากมุมไหนด้านไหน ก็คงไม่พ้นสงครามวันเดียวอยู่ดี เพราะจู่ๆ วอลุ่มหนาแน่นขึ้นโดยไร้เหตุผลรองรับ แถมราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างฉวัดเฉวียนมันเว่อร์เกินไปนะจะบอกให้

*ประจวบกับที่ผ่านมาผลการดำเนินงานถดถอยอย่างสุดขีด ยิ่งไม่มีเหตุผลต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยประการทั้งปวง เพราะปี 2549 ทำกำไรได้แค่ 1.90 ล้านบาท หรือ 0.02บาทต่อหุ้น ขณะที่ปี 2548 ทำกำไรได้ถึง 23.66 ล้านบาท หรือ 0.26 บาทต่อหุ้น มันเข้ากับสถานการณ์ที่หุ้นขึ้นไหมหล่ะ



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com