April 29, 2024   3:07:47 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 29/03/2007 @ 11:41:15
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ยูไนเต็ดแนะนำซื้อ SNCราคาเป้าหมาย 8.00 บาทผลประกอบการในปี 06 เติบโต 34%YoY จากการเติบโตของรายได้ชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศในอาคาร (แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมจะลดลง แต่ลูกค้าหลักอย่างมิตซูบิชิขยายกำลังการผลิตเพื่อส่งออกมากขึ้น) คาดว่าการเติบโตยังต่อเนื่องมายังปี 07 เนื่องจากมีการรับจ้างประกอบเครื่องปรับอากาศให้กับ LG และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของการปั้มขึ้นรูปโลหะ โดยคาดว่ามีกำไรได้ในปี 07(ปี 06 ขาดทุนก่อนหักภาษี 20 ล้านบาท) โดย SNC วางเป้าหมายรายได้รวมปี 07 เติบโต 40%-50% YoY แนวโน้มรายได้ใน 1Q07 ยังเติบโต 30% -40% YoYเนื่องจากยอดคำสั่งซื้อยังมีต่อเนื่อง ซึ่งถ้ามองทั้งปี 07 คาดรายได้เติบโต 37%YoY โดยอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมลดลงเป็น 16.4% เนื่องจากคาดว่ารายได้จากการปั้มขึ้นรูปกับการประกอบเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้น(มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าเฉลี่ย) แต่อย่างไรก็ตามคาดว่ามีกำไรก็ยังโต 25%YoY ในระยะสั้นความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลกถูกกดดันด้วยการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท เนื่องจากลูกค้าของ SNC เป็นผู้ผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก และในระยะยาวค่าแรงงานในเวียดนามจะเป็นแรงดึงดูดที่ทำให้ลูกค้าของ SNC ย้ายฐานการผลิตจากไทยไปเวียดนาม ซึ่งจะกระทบกับยอดขายของ SNC อย่างรุนแรง

บล.ธนชาตแนะนำขาย PTTEPราคาเป้าหมาย 82.0ราคาหุ้นของ PTTEP ช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งเป็นไปตามที่เราได้เคยรายงานในต้นปี2006 และแม้ว่าราคาหุ้นได้ปรับลดลง 15% นับจากวันที่เราแนะนำ ขาย แต่เราก็ยังไม่เห็นปัจจัยบวกที่จะส่งผลดีต่อราคาหุ้นใน 3 ไตรมาสข้างหน้า ในขณะที่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นยังน่าจะกดดันราคาหุ้นต่อไป เราคาดว่ากำไรสุทธิของPTTEP ในปี 2008 จะขยายตัว 30% เนื่องจากเราใช้สมมติฐานราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 16% y-y และยังคาดว่าปริมาณการจำหน่ายของPTTEP น่าจะเพิ่มขึ้น 25% y-y ทั้งนี้ การคาดการณ์ของเราได้ยึดหลักระมัดระวังโดยคำนึงถึงความล่าช้าจากการส่งมอบแก๊ส(จากแหล่งอาทิตย์, แหล่งอาทิตย์ตอนเหนือ และแหล่ง 9-2 ในเวียดนาม) ออกไปจากแผนเดิมราว 1ไตรมาส ส่วนต้นทุนจากการสำรวจยังคงเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ เนื่องจากหากการสำรวจเป็นผลสำเร็จ ก็จะมีการทยอยบันทึกต้นทุนแบบcapitalized ในงบการเงิน แต่หากไม่ประสพผลสำเร็จ ก็จะต้องตัดขาดทุนจากหลุมแห้งในงบกำไร-ขาดทุนทันที และแม้เราจะใช้สมมติฐาน success drilling ratio ที่60% (อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ราว 70% ในปี 2006) แต่การสำรวจที่เพิ่มขึ้น(58 หลุมในปีนี้ เทียบกับ 26 หลุมในปี 2006) และเน้นโครงการในต่างประเทศ (มีค่าใช้จ่ายในการสำรวจมากกว่าในประเทศถึง 3-7 เท่า) ซึ่ง PTTEP ไม่คุ้นเคยอาจทำให้อัตรา successratio ลดลง ทั้งนี้ ในปี 2006 PTTEP ได้บันทึกขาดทุนจากหลุมแห้งราว 1.5 พันล้านบาท

บล.กิมเอ็งแนะนำขาย AMATAราคาเป้าหมาย 9.80 บาทAMATA มียอดขายทั้งสิ้น 100 ไร่ จากต้นปี 2550 โดยมีที่ดินขายแล้วแต่ยังไม่รับรู้รายได้อีกจำนวน 450 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทคาดว่าจะรับรู้ภายในปีนี้ จากการเติบโตที่ถูกจำกัดในปีนี้ AMATA เล็งธุรกิจไปยังประเทศเวียดนาม และเนื่องจากเศรษฐกิจในเวียดนามที่เติบโตสูง ทาง AMATA จึงคาดว่าจะมียอดขายที่ดินที่โตจาก 50 เฮกแตร์ (313 ไร่) ที่ขายในปี2549 เป็น 60 เฮกแตร์ (375 ไร่)ในปีนี้ และในระยะ 2 เดือนแรกของปีนี้ AMATA มียอดขายที่ดินในเวียดนามไปเพียง 5 เฮกแตร์ เนื่องจากความต้องการที่หดหายในช่วงเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ในยอดขายที่ดินอย่างอนุรักษ์นิยมที่ 450 ไร่ ในปีนี้ จะส่งผลให้รายได้จากการขายที่ดินในปีนี้ลดลง 25% จากปีก่อนเป็น 1,907 ล้านบาทหุ้น AMATAในขณะนี้มี PER ปี 2550 ซื้อขายอยู่ที่แพงที่ 23.2 เท่า EV/EBITDA ที่ 14.4 เท่า และP/BV ที่ 3.1 เท่า ส่วนกำไรสุทธิคาดว่าจะลดลงถึง 25% จากปีก่อน ในขณะที่การฟื้นตัวของธุรกิจคาดว่ายังคงไม่เกิดขึ้นแม้ในปี 2551 อัตราหนี้สิน/ทุนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.2เท่า จาก 1.0 เท่าในปี 2549 จากการคาดการเติบโตที่เป็นลบ ในขณะที่ราคาห็น ณปัจจุบัน อยู่เกินราคาเหมาะสมโดยวิธีคิดลดกระแสเงินสดที่ 9.8 บาท/หุ้น อยู่ 13%

บล.เกียรตินาคินแนะนำซื้อ BANPUราคาเป้าหมาย 215.00 บาทเราคาดว่าบริษัทจะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสายพานลำเลียงที่ได้รับความเสียในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งเงินชดเชยค่าเสียหายจากการส่งถ่านหินล่าช้าให้กับลูกค้าประมาณ 2 3ล้านเหรียญ ทำให้กำไรจากธุรกิจถ่านหินในไตรมาส 1/2550 ไม่สดใสนัก อย่างไรก็ตามผลประกอบการไตรมาส 1/2550 บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า BLCPระยะที่ 1 เต็มไตรมาส รวมทั้งการเปิดดำเนินการของระยะที่ 2 เมื่อเดือน ก.พ. 2550ที่ผ่านมา เป็นส่วนเพิ่มกำไรสุทธิของบริษัทได้อย่างชัดเจน ขณะที่ธุรกิจหลักอย่างถ่านหิน ได้รับผลกระทบจากยอดขายที่คาดว่าจะลดลงอยู่ที่ประมาณ 4.4 ล้านตัน ลดลงเมื่อเทียบกับ 5.1ล้านตันในไตรมาส 1/2549และลดลงเมื่อเทียบกับ 6.5 ล้านตันในไตรมาส 4/2549 จากการสอบถามทางบริษัทเกี่ยวกับปัญหาสายพานลำเลียงที่เกิดความเสียหายในไตรมาส 1/2550ที่ผ่าน ขณะนี้บริษัทได้แก้ไขเบื้องต้นไปแล้ว ซึ่งทำให้กำลังการผลิตกลับมาอยู่ที่ 70% อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนที่จะหยุดซ่อมแซมในช่วงเดือน เม.ย. 2550 นี้อยู่แล้ว ก็จะทำการซ่อมสายพานเพื่อให้กลับมาดำเนินการปกติในช่วงดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วันอย่างไรก็ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบยอดขายทั้งปี 2550แม้ว่ายอดขายในไตรมาส1/2550 จะลดลงประมาณ 0.4 ล้านตัน แต่บริษัทสามารถเพิ่มการผลิตเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายในช่วงเวลาที่เหลือได้ อย่างไรก็ตามบริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความเสียหายดังกล่าวประมาณ2 - 3 ล้านเหรียญ ที่คาดว่าจะรับรู้ในไตรมาส 1/2550 เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 เพิ่มขึ้นจาก 5,406 ล้านบาทเป็น 5,614 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 20.66 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 55% yoy ส่วนหนึ่งมาจากราคาขายถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งในปี 2550จะเป็นปีแรกที่บริษัทรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า BLCP เต็มปี
[/size:23251a7c47">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com