April 29, 2024   8:41:53 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ย่อยข่าวให้ฟัง
 

konthai
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 55
วันที่: 30/03/2007 @ 07:26:35
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET คงเครื่อง SP และขึ้น NP หุ้น CEI
ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ขึ้นเครื่องหมาย SP(Suspension) สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CEI) ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 50 เนื่องจาก CEI มิได้นำส่งงบการเงินไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 50 มายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเวลาที่กำหนด

ขณะนี้ CEI ได้นำส่งงบการเงินไตรมาส 2 ฉบับที่ผ่านการสอบทานมายังตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว โดยผู้สอบบัญชีไม่อาจสรุปผลการสอบทานต่องบการเงินของ CEI ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของ CEI ที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)อาจสั่งการให้ CEI แก้ไขงบการเงินได้

ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์จึงยังคงเครื่องหมาย SP เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ CEIเพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปมีเวลาในการพิจารณารายงานของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงิน และหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง โดยจะอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของ CEI พร้อมกับการขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าวันที่ 30 มีนาคม 50 จนกว่า CEI จะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่า CEI ไม่ต้องแก้ไขงบการเงินดังกล่าว

HANA ชี้บาทแข็งค่าทำกำไรหด
นายอิศรา ศิวะกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด(มหาชน) หรือ HANA เปิดเผยว่า บริษัทไม่สามารถประเมินกำไรของปี 50 ได้ว่าจะลดลงหรือเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดยทุกๆ 10%ที่เงินบาทแข็งค่า จะทำให้กำไรสุทธิของบริษัทจะลดลง 120 ล้านบาท

"ขณะนี้ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ และหากค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ในระดับ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ตามที่หลายคนประเมิน จะทำให้กำไรหายไป 5% หรือประมาณ 60ล้านบาท แต่บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ในรูปสกุลเงินดอลลาร์จะปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนแน่นอน"นายอิสรา กล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีการป้องกันความเสี่ยงจากเงินบาทแข็งค่าทุก 3 เดือน ประมาณ 100ล้านบาทต่อเดือน อย่างไรก็ดีบริษัทมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินบาทประมาณ 40% และเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ 60% ซึ่งการใช้จ่ายที่เป็นดอลลาร์จะช่วยผ่อนภาระความกดดันเรื่องค่าเงินบาทให้บริษัทได้ส่วนหนึ่ง

อย่างไรก็ดีสำหรับสัดส่วนรายได้หลักยังมาจาก PCBA ประมาณ 50% และ IC 37%ส่วนที่เหลือเป็น LVD ซึ่งธุรกิจหลัก ทั้งนี้ PCBA อาจมียอดขายเติบโตประมาณ 16% ส่วน ICจะเติบโต 5-6% และ LVD จะขยายตัว 20% ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนามและอุปกรณ์เทคโนโลยี

"บริษัทจใช้เงินลงทุนในโรงงานที่ จ.ลำพูน ประมาณ 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ทั้งนี้การที่จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจำนวนมากคาดว่าจะต้องใช้เวลา 3-5 ปี เพราะอย่างโรงงานเดิมที่จ.ลำพูน ต้องใช้เวลาถึง 10 ปี กว่ากำลังผลิตจะถึง 90%"นายอิสรา กล่าว

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com