April 29, 2024   4:04:32 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 30/03/2007 @ 11:11:28
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2550 ปิดที่ดัชนี 671.62จุด จุด มูลค่าการซื้อขาย 5,584ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 213.13 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 330.21ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 543.34ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ 671.62จุด และ Low ที่ 666.30จุด -2.74 จุด ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ไม้ได้ดีดตัว Rebound กลับขึ้นแรง ๆ แม้ว่าเมื่อวันพุธที่ผ่านมาดัชนีรูดลงไปเกือบ 10 จุด สาเหตุหลักจากปัจจัยการเมืองภายในที่เป็นตัวกดดันสภาพตลาดหุ้นอยู่ หลังมีกระแสว่าจะมีการประกาศใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันพุธทำให้ดัชนีหุ้นไทยเกือบรูดมหาราช ไหนจะปัจจัยลบจากทางด้านสหรัฐและอิหร่านอีก ข่าวร้ายรอบด้านแบบนี้เมื่อไหร่ดัชนีจะปรับขึ้นได้นะเนี่ย แถมด้วยวันนี้ยังจะมีการนัดชุมนุมของกลุ่มสถานีโทรทัศน์พีทีวีและพันธมิตรอีกครั้งหลังประชุมไปแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพร้อมเปิดเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ปัจจัยลบเข้ามามะรุมมะตุ้มแบบนี้ดัชนีคงจะดีดกลับแรงๆ ได้ค่อนข้างยาก แม้สัปดาห์ที่ผ่านมามีเงินนอกไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง เพราะเฟดได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยรวมถึงมีแนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมนัดต่อไปเนื่องจากกังวลกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ บวกกับทาง BOJ ก็คงอัตราดอกเบี้ยไว้ด้วยเช่นกันรวมถึงการประชุมนัดหน้าก็จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อต่ำจะทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาทำธุรกรรม Yen Carry Trade ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง แต่ตลาดก็ยังคงจับตาดูการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของแบงค์ชาติและการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ของเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นรวมถึงการรอดูตัวเลขเศรษฐกิจในเดือน ก.พ. ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ช่วงนี้การเมืองภายในประเทศร้อนระอุต้อนรับฤดูร้อนไม่ค่อยส่งผลดี

AH ราคาเปิด 13.30 บาท ราคาปิด 13.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 11.61 ล้านบาท AH มีโรงงานแห่งใหม่ที่อยุธยาซึ่งมีการขยายพื้นที่ตัวโรงงานเพิ่มขึ้นเท่าตัว ในไตรมาสแรกเริ่มมีการผลิตมากขึ้นจากโครงการใหม่ๆ สำหรับการควบรวมกิจการกับ KPN จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และทำให้กำไรปีนี้ฟื้นตัวขึ้น ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานของ KPN ในปี 50 ออกมาน่าผิดหวัง ซึ่งจะมีผลต่อการรับรู้รายได้ของ AH เช่นกัน อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงาน 1Q50 ที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวจากผลการดำเนินงาน KPN ใน 1Q50 ที่คาดว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ และการทยอยรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ในระยะกลางและยาวผลของการมีพันธมิตรจากญี่ปุ่น การลงทุนในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูง และการเข้าซื้อ KPN จะช่วยให้ AH มีฐานลูกค้าและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากแนวโน้มความสามารถในการทำกำไรของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ลดลง ราคาหุ้นได้สะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว และราคาหุ้น ณ ปัจจุบันได้ปรับลดลงมามาก K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับ 13.20 บาท แนวต้าน 13.90 บาท

NOBLE ราคาเปิด 4.50บาท ราคาปิด 4.48 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4.40 ล้านบาท NOBLE ประกาศจ่ายเงินปันผลปี 2549 ที่ 0.21 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4.5% ขึ้นเครื่องหมาย XD 2 พ.ค. และจ่ายปันผล 23 พ.ค.2550 ในเรื่องการปรับลดพาร์จาก 5.00 บาท เป็น 3.00 บาท เพื่อเป็นการล้างส่วนลดมูลค่าหุ้นที่มีอยู่ 844 ล้านบาท ตามที่ กลต. เสนอแนะให้บริษัทจำกัดปฏิบัติ และจะกลับมามีส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่ 69 ล้านบาท ซึ่งโดยรวมแล้วส่วนผู้ถือหุ้นของ NOBLE ยังคงเท่าเดิมที่ 3,074 ล้านบาท คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าเติบโตดี เพราะมียอดขายรอรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมที่มากซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 แล้ว เพียงแต่รอความคืบหน้าจากการก่อสร้างและเก็บเงินค่างวดให้ได้ตามเกณฑ์ ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ทยอยสะสม" โดยมีแนวรับ 4.46บาท แนวต้าน 4.80 บาท

BH ราคาเปิด 41บาท ราคาปิด 40.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 29.92 ล้านบาท การเปิดเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่น น่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโรงพยาบาลไทย เพราะในสัญญามีการเปิดให้ประชากรญี่ปุ่นสามารถใช้บริการโรงพยาบาลในไทย โดยใช้สิทธิประกันสังคมในประเทศของตนเองได้ ซึ่งเชื่อว่าคนญี่ปุ่นน่าจะมาใช้บริการโรงพยาบาลไทยมากขึ้น เพราะค่ารักษาพยาบาลที่ประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างสูง ส่วนหุ้นโรงพยาบาลที่น่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดคือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และได้ประมาณการรายได้BH ของปี2550ไว้ที่ 8,340 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY ปัจจัยที่ช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้ คือ การขยาย capacity ของแผนก OPD เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความแออัดในอาคารเดิม และเพิ่มจำนวนผู้ป่วยให้มาใช้บริการมากขึ้น และจากการขึ้นค่ารักษาพยาบาลประมาณ 5% คาดว่ากำไรของ BH ในปี 2550 ไว้ที่ 1,192 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY และ BH ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวด 2H49 ที่ 0.45 บาทต่อหุ้น รวมจ่ายเงินปันผลทั้งปี 2549 ที่ 0.75 บาทต่อหุ้น จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 4 เม.ย. และจ่ายในวันที่ 24 พ.ค. 50 ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับ 39 บาท แนวต้าน 45 บาท

IRPC ราคาเปิด 5.90บาท ราคาปิด 5.95 บาท มูลค่าการซื้อขาย 224.70ล้านบาท บริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตโดยเฉพาะการคาดหมายผลประกอบการ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบทั้ง YOY และ QOQ โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2549 บริษัทมีการหยุดเครื่องจักรเพื่อทำการซ่อมบำรุงประจำปี รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผลประกอบการในไตรมาสดังกล่าวไม่ดีนักในขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/2550 ได้รับปัจจัยบวกจากค่าการกลั่นปรับตัวดีขึ้น โดยปัจจุบันค่าการกลั่นเฉลี่ย เพิ่มขึ้นมาเมื่อเทียบกับ ไตรมาส4/2549เท่ากับ3.85 เหรียญต่อบาร์เรล และขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมียังได้รับปัจจัยบวกจากอุปทานที่ไม่เข้าสู่ระบบตามกำหนดการ โดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลางที่มีการประกาศเลื่อนโครงการต่อเนื่อง ขณะที่ความต้องการที่ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากประเทศจีน ทำให้เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการของบริษัท และมีความคืบหน้าในการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่น โดยตั้งเป้าในระยะ 3 ปี จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการผลิตในส่วนของกระบวนการกลั่นได้ถึง 3.75 พันล้านบาทนับเป็นปัจจัยบวกต่อIRPC ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" แนวรับ 5.80บาท แนวต้าน 6.50บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:d834c2470f">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com