May 15, 2024   10:52:26 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง...สุดสัปดาห์
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 30/03/2007 @ 11:29:44
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ที่มา : วีระชัย ครองสามสี

หัวคอลัมน์ : การเมืองยังยุ่งตลาดหุ้นก็ไปยาก

เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปิดทำการเป็นสีเขียว เช่นเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่ปิดบวกกันทั่วหน้า หลังจากได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐเกิดขึ้นหลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ออกมาระบุว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่สูงกว่าระดับที่ Fed ต้องการ และอาจจะไม่ขยับลงเหมือนอย่างที่มีการคาดการณ์ไว้ พร้อมระบุว่า นโยบายของ Fed ยังคงมุ่งเน้นไปที่การควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สำคัญกว่าความเสี่ยงอื่นๆในเวลานี้ ซึ่งการออกมาระบุดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะยังคงไม่เกิดขึ้นในระยะอันใกล้นี้ แม้จะมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยก็ตามที ซึ่งการส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกันค่าเงินในภูมิภาค ประกอบกับการที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาระบุว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับลดได้ถึง 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งต่อไปในวันที่ 11 เม.ย.นี้ หากข้อมูลสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งหวังว่าอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง จะส่งผลต่อเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ในขณะนี้ด้วย ทำให้วานนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 32.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในตลาด Off-Shore และ 34.99 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในตลาด On-Shore

แต่อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาในส่วนของตลาดหุ้นไทยแล้ว จากการที่มูลค่าการซื้อขายเมื่อวานนี้เบาบางมากเพียง 5,584 ล้านบาท ทำให้การปรับตัวขึ้นนี้น่าจะเป็นแค่ลักษณะของการ Technical Rebound มากกว่า หลังจากในทางเทคนิคเกิดสัญญาณ Divergence ในรายนาที ประกอบกับตลาดยังคงมีปัจจัยลบจากความไม่แน่นอนทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศกดดันอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่าน และชาติตะวันตกที่เริ่มทวีความตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ล่าสุดวานนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือน พ.ค.มาอยู่ที่ 63.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือน พ.ค. มาอยู่ที่ 65.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นอกจากนี้สถานการณ์การเมืองในประเทศที่เริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง หลังจากเริ่มมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะม็อบในวันที่ 30 มี.ค. ที่มีผู้บริหาร PTV เป็นแกนนำซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่อยู่ในขั้วอำนาจเก่า ทำให้มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะมีการประกาศใช้ พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในอนาคต ซึ่งในขณะนี้ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอยู่ในขณะนี้ แม้จะมีข่าวดีอยู่บ้างในเรื่องของความชัดเจนในส่วนของวันเลือกตั้งหลังจากนายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่าการเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นได้ระหว่างวันที่ 16-22 ธันวาคมนี้ แต่จากปัจจัยความไม่แน่นอนข้างต้นซึ่งมีจะผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้น่าจะยังคง Side Way อยู่ในกรอบแคบๆบริเวณ 675-665 จุด เพื่อรอความชัดเจนจากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ โดยมีจุดตัดสินใจอยู่บริเวณ 670 จุด ซึ่งถ้าดัชนีสามารถยืนอยู่เหนือแนวรับดังกล่าวได้ก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบบริเวณ 675 จุดได้ โดยเชื่อว่าในช่วงนี้การที่ดัชนีจะมีการปรับตัวขึ้นแรงๆนั้นมีโอกาสเป็นไปได้ยากมากๆ ในขณะที่ในกรณีที่ดัชนีไม่สามารถยืนบริเวณ 670 จุดได้ บริเวณ 665 จุด จะทำหน้าที่เป็นแนวรับต่อไป โดยกลยุทธ์การลงทุนในระยะนี้นักลงทุนยังไม่ควรเพิ่มพอร์ตในช่วงนี้ โดยถ้าจะให้ดีรอซื้อแถวๆ บริเวณแนวรับ 665 จุด น่าจะปลอดภัยกว่า โดยเน้นหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยที่ลดลง และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น BANK, PROP, ENERG เป็นต้น สำหรับหุ้นเก็งกำไรกรณีที่ดัชนีสามารถยืนเหนือบริเวณ 670 จุดได้ แนะนำหุ้น CCP มีแนวรับ 1.50/1.41 บาท แนวต้าน 1.60/1.71 บาท และมีจุดถอยบริเวณ 1.41 บาท MINT มีแนวรับ 11.00/10.80 บาท แนวต้าน 11.60 บาท และมีจุดถอยบริเวณ 10.50 บาท CK มีแนวรับ 7.05 บาท แนวต้าน 7.35 บาท และมีจุดถอยบริเวณ 7.05 บาท[/size:fa06c5d3ad">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com