May 15, 2024   1:09:25 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เวทีวิเคราะห์
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 30/03/2007 @ 12:09:46
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ซื้อ CPF เป้าหมาย 5.70 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด แนะนำ ซื้อ CPF แม้ว่าตลาดคาดว่า CPF จะรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ใน ไตรมาส 1/2550 แต่มีความเป็นไปได้ว่า ผลประกอบการที่จะประกาศออกมาจริงนั้นอาจจะแย่กว่าที่ตลาดคาดการไว้ คาดว่าCPF จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2550 ขาดทุนมากกว่าไตรมาส 1/2549 ซึ่งเป็นไตรมาสแรกที่มีปัญหาการระบาดของไข้หวัดนก ในไตรมาส 1/2549 คนได้หันมาหยุดทานไก่ เนื่องจากการระบาดครั้งแรกของไข้หวัดนกในประเทศไทย ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยของไก่ลดลง 14% เหลือ 23.7 บาทต่อกิโลกรัม ต่ำกว่าจุดคุ้มทุน (break-even level) ที่ราคา 27 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ดีการหยุดบริโภคไก่ทำให้ราคาเนื้อหมูเพิ่มขึ้น 23% จาก 37 บาทต่อกิโลกรัมเป็น 45.7 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ดียังมีมุมมองในเชิงบวกสำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/2550 เนื่องจากการปรับตัวเข้าสู่ดุลยภาพอีกครั้งของอุปสงค์ และอุปทานของเนื้อไก่ ซึ่งเห็นได้จากแนวโน้มการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาเนื้อหมูและไก่ เป็น 39 บาท และ32 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ ดังนั้นจึงแนะนำ ?ซื้อ?

ซื้อ SEAFCO เป้าหมาย 10.40 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด แนะนำ ซื้อ SEAFCO ในงวดไตรมาส 1/2550 ประเมินว่า SEAFCO น่าจะเซ็นสัญญารับงานใหม่เพิ่มประมาณ 500 ? 600 ล้านบาท ปัจจุบันมี Backlog รวม 1.3 พันล้านบาท ซึ่งงานทั้งหมดจะส่งมอบภายในไตรมาส 2/2550 แนวโน้มไตรมาส 1/2550 ประเมินว่า SEAFCO น่าจะมีกำไรจากการดำเนินงาน 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% ไตรมาสก่อน และ 41% จากปีก่อน การบันทึกรายได้น่าจะอยู่ที่ 680 ล้าบาท โดยโครงการที่สร้างรายได้หลักคือ The Millenium, พัทยาบีช, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ และโรงแรมสยามเคมปินสกี ในส่วนของ Gross Margin อาจชะลอตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ 13.2% เทียบกับ 14.2% ในปี 2549 เนื่องจากองค์ประกอบของงานที่รับรู้รายได้มาจากงานฐานราก ซึ่งมี Gross Margin ต่ำกว่างานเสาเข็มเพิ่มขึ้น สำหรับแผนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ มีความคืบหน้าตามลำดับ โดยคาดว่าจะเห็นการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในต่างประเทศขึ้นมาใหม่ โดย SEAFCO อาจถือหุ้นประมาณ 47 ? 48% ประเมินว่าระยะยาวหุ้น SEAFCO ยังมีเสถียรภาพ

ถือ SCIB เป้าหมาย 21 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) แนะนำ ถือ SCIB ความน่าสนใจในการลงทุนของ SCIB ลดลงจากเดิมที่เคยเป็นหุ้น Dividend play ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากผลกระทบของการตั้งสำรองหนี้ฯ ตามเกณฑ์ IAS 39 จะเป็นปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานในปี 2550 ให้มีแนวโน้มลดลง 14% จากปีก่อน และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการจ่ายเงินปันผลที่ลดลงได้ โดยคาดการณ์นโยบายการจ่ายเงินปันผลในปี 50 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 49 ประมาณ 40% ของกำไรสุทธิลดลงจากเดิมที่เคยจ่าย 46-47% ของกำไรสุทธิ ดังนั้นอัตราเงินปันผลตอบแทนปี 50-51 เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 4.6% อย่างไรก็ตามด้วยเหตุที่ SCIB จัดเป็นธนาคารขนาดกลางถึงเล็ก ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการมีพันธมิตรต่างชาติร่วมทุนหรือการควบรวมกิจการ เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของธนาคารให้สูงขึ้น และเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเสรีทางการเงินในอนาคต เราจึงแนะนำ ถือ มูลค่าพื้นฐานที่ 21 บาท

ถือ TCAP เป้าหมาย 13.60 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ ถือ TCAP บริษัทเปลี่ยนชื่อจาก NFS เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 49 ปัจจุบันมีสถานภาพเป็น Holding Company ถือหุ้นในธุรกิจการเงินอาทิ TBANK 99.89%, บล.ธนธาติ 100%, บลจ. ธนชาติ 75%, ธนชาติประกันภัย 70%, ธนชาติประกันชีวิต 100% โครงสร้างสินเชื่อของกลุ่ม เช่าซื้อ 78% เคหะ 4.7% อสังหาริมทรัพย์ 3.6% พาณิชย์และบริการ 6.7% ปัจจุบัน TCAP มีสถานะเป็น Holding Company ถือหุ้นใน TBANK 99.36% โดย TCAP มีสินทรัพย์ 7.9 หมื่นล้านบาท แต่หากรวมสินทรัพย์ของบริษัทย่อยเข้ามาในงบการเงินรวม (งบ consolidated) สินทรัพย์ของกลุ่มจะอยู่ที่ 2.87 แสนล้านบาท โดยสินทรัพย์หลักอยู่ที่ TBANK ประเมินปัจจัยพื้นฐาน 13.60 บาท แต่การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น TBANK, TCAP หลังปลดเครื่องหมาย SP จะขึ้นกับราคาขายให้กับ Strategic Partner ซึ่งหากขายที่ราคาเท่ากับ BV/share จะเป็นบวก ฝ่ายวิจัยประเมินปัจจัยพื้นฐานที่ 13.60 บาท คิดเป็น P/E 12 เท่า ยังคงแนะนำ ?ถือ?

ที่มา ทันหุ้น[/color:77ed49efef">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com