May 16, 2024   12:58:15 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ปิดฉากQ1หุ้นไทยถอยหลังลงคลองคาดโค้ง2ยังสวมวิญญาณหมี
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 01/04/2007 @ 22:19:13
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นไทยปิดฉากไตรมาส 1/50 ดัชนีฯยังถอยหลังลงคลอง ขณะที่วอลุ่มสุดซบเดือนมี.ค.เหี่ยวเหลือไม่ถึง 1 หมื่นลบ./วัน ขาใหญ่หยุดซื้อขายกดมาร์เก็ตแชร์โบรกฯเก็งกำไรวูบ เซียนหุ้นฟันธงโค้งสองตลาดฯยังสวมวิญญาณหมี บิ๊กแคปืด หุ้นเก็งกำไรโดนเตะสกัด รอความหวังสุดท้ายคาดการซื้อขายกระเตื้องช่วง Q4 รับการเลือกตั้ง แนะกลยุทธ์การลงทุน เข้าเร็วออกเร็วเน้นหุ้นที่มีข่าวดีสนับสนุน

ปิดฉากลงแล้วสำหรับตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 1 ปีหมูไฟ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังไม่สดใสและถดถอยลง โดยดัชนีฯปิดการซื้อขายล่าสุดวันศุกร์ที่ 30 มี.ค. 2550 ที่ระดับ 673.71 จุด จากสิ้นปี 2549 ที่ดัชนีฯอยู่ที่ระดับ 679.84 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ไตรมาสแรกอยู่ที่ 11,829.83 ล้านบาท แต่หากดูจากเดือน มี.ค. มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่แค่ 9,097.19 ล้านบาทเท่านั้น

ปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นไทยอยู่ก็คือประเด็นความขัดแย้งทางด้านการเมือง โดยเฉพาะในเดือน มี.ค. ที่เริ่มมีการก่อตัวชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในชุดปัจจุบัน ทำให้เกิดกระแสข่าวการประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งถึงแม้ว่าในที่สุดแล้วจะไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าวอย่างที่หวั่นเกรงกัน แต่ตลาดหุ้นก็ไม่ได้ตอบรับมากนัก เพราะกระแสต่อต้านรับบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งกำลังทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ข่าวลือเกี่ยวกับการปฏิวัติซ้อนวนเวียนอยู่ในตลาดหุ้นตลอดเวลา

ภาพรวมของตลาดหุ้นไทย หุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ยังไปไหนไม่ได้ แม้ว่านักลงทุนต่างชาติยังมีสัดส่วนการซื้อขายค่อนข้างมากในตลาดหุ้น แต่เป็นการเล่นแบบระยะสั้นเท่านั้น ในขณะที่หุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กที่เคยเป็นขวัญใจนักเก็งกำไร ก็เป็นการเล่นกันแบบระยะสั้นเช่นเดียวกัน เพราะตลาดหลักทรัพย์เองพร้อมที่จะลงดาบหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติอยู่ตลอดเวลา โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาพบว่าตลท.มีการสกัดการเก็งกำไรหุ้นร้อนด้วยการห้ามการซื้อขายแบบเน็ทเซ็ทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้นไปแล้ว 2 หลักทรัพย์คือ บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) PT ที่ตลาดหลักทรัพย์จึงสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ของหลักทรัพย์ PT ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วันทำการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม ถึง 20 เมษายน 2550 และบริษัท สยามทูยู จำกัด (มหาชน)(S2Y) ที่ตลาดหลักทรัพย์จึงสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ของหลักทรัพย์ S2Y ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วันทำการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม ถึง 15 พฤษภาคม 2550

มาร์เก็ตติ้งรายหนึ่งให้ความเห็นว่า ในช่วงนี้นักลงทุนต่างพากันชะลอลงทุน โดยเฉพาะบรรดานักลงทุนรายใหญ่ที่บางรายหยุดซื้อขายไปแล้ว เพราะภาวะตลาดฯที่ไม่แน่นอนและพร้อมที่จะตอบรับกับกระแสข่าวลบตลอดเวลาแต่กลับไม่มีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นการลงทุน ซึ่งสะท้อนได้จากมาร์เก็ตแชร์ของโบรกเกอร์ที่มีฐานลูกค้าเป็นนักลงทุนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นบล.กิมเอ็ง หรือ บล.บีฟิท ที่มาร์เก็ตแชร์ร่วงลงอย่างเห็นได้ชัดในเดือน มี.ค. โดย บล.กิมเอ็ง มีมาร์เก็ตแชร์เพียง 6.14% จาก 7.66% ในเดือน ธ.ค. 2549 ส่วน บล.บีฟิทมาร์เก็ตแชร์ลดเหลือ 2.68% ในเดือน มี.ค. จาก 3.09% ในเดือน ธ.ค.2549

ดังนั้นแนวโน้มตลาดหุ้นใน 3 ไตรมาสที่เหลือ โดยเฉพาะไตรมาส 2 ที่กำลังจะถึงนี้ จึงถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยังคงเล่นหุ้นลำบาก เพราะยังมองไม่เห็นข่าวดีที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ ขณะที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ยังถูกจับตาว่าจัเกิดเหตุร้ายเหมือนดังเช่นในช่วงก่อนปีใหม่หรือไม่ eFinanceThai.com ได้รวบรวมมุมมองของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในโค้งที่ 2 ของปีหมูดังนี้


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 01/04/2007 @ 22:21:19 :
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองไทยยังคงอึมครึม แม้ว่าจะมีการประกาศชัดเจนว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 16 หรือ 23 ธ.ค. 2550 แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังกังวลกับการชุมนุมประท้วงทางการเมือง ทำให้ช่วงไตรมาส 2 นี้มูลค่าการซื้อขายน่าจะยังคงเบาบางอย่างต่อเนื่อง และความเคลื่อนไหวของดัชนีฯน่าจะซบเซาต่อไป
อย่างไรก็ตามในแง่ของดัชนีฯ ไม่น่าจะปรับตัวลดลงมากนัก เพราะตอนนี้ดัชนีฯลงมาค่อนข้างต่ำแล้วเทียบกับมูลค่าพื้นฐาน ส่วนมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปีนี้ยังไม่มีการปรับประมาณการใหม่ เพราะเชื่อว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีมูลค่าการซื้อขายน่าจะปรับตัวดีขึ้นรับการเลือกตั้ง โดยยังคาดว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยปีนี้ยังใกล้เคียงปีก่อนที่ 1.6 ล้านบาทต่อวัน

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 2/50 ต้องเน้นการซื้อขายเป็นรายกลุ่มตามที่มีข่าวดีสนับสนุนและควรเป็นการเล่นระยะสั้นเท่านั้น อย่างเช่นในช่วงที่มีข่าวเปิดประมูลงานเมกะโปรเจก หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างก็มีความน่าสนใจ หรือหากช่วงที่ดอกเบี้ยลงควรเล่นหุ้นอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น แต่ในส่วนของ บล.บัวหลวงเห็นว่าหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลน่าจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดี
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน เปิดเผยว่ากลยุทธ์การลงทุนในไตรมาสที่ 2/2550 ควรที่จะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นหุ้นในกลุ่มธนาคาร และพลังงาน เป็นต้น เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยและปลอดภัยที่สุด

" ก็คาดว่าสถานการณ์ในไตรมาสที่ 2 คงจะดีขึ้น และผลประกอบการของบจ.ก็น่าจะดีขึ้นด้วย เพราะคาดว่าปัจจัยทางการเมืองคงจะมีทางออกที่ดี มีการเลือกตั้งตามมา น่าจะเรียกความมั่นใจของนักลงทุนได้บ้าง " นายชัย กล่าว
ทั้งนี้ประเมินว่า SET Index ในไตรมาสที่ 2/2550 จะอยู่ที่ 650 -700 จุด ส่วนมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) เฉลี่ยอยู่ที่ 14,000-16,000 ล้านบาท /วัน ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 16,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ปัจจัยทางการเมืองและแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามในปีนี้ เนื่องอาจมีอิทธิพล และส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2/2550 คาดว่าจะมีปัจจัยที่จะมากระตุ้นการลงทุนคือการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% รวมถึงแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่อัตราดอกเบี้ยจะเข้าสู่จุดต่ำสุด ขณะเดียวกันจะมีการเปิดประมูลโครงการภาครัฐทั้งรถไฟฟ้าและโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ หรือ IPP

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีปัจจัยที่จะเข้ามากระตุ้นการลวงทุนแต่ตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยที่กดดันอีกหลายทาง โดยเฉพาะความตึงเครียดทางการเมืองที่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นขณะเดียวกันโมเมนตัมทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง และวัฏจักรของตลาดหุ้นในช่วงไตรมาส 2-3 โดยเฉลี่ยแล้วจะชะลอลงกว่าไตรมาสอื่นๆ ทำให้คาดว่าดัชนีอาจจะปรับตัวขึ้นไปได้ค่อนข้างจำกัด

ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นในไตรมาส 2/2550 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 700 จุด แต่หากมีการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% และสถานการณ์การเมืองที่ดีขึ้นดัชนีตลาดหุ้นมีโฮกาสที่จะขึ้นไปที่ระดับ 730 จุด

ดังนั้นแนะนำให้เลือกลงทุนหุ้นประเภท Defensive stocks มากขึ้นเช่น กลุ่มพลังงานที่ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันจากความตึงเครียดกรณีอิหร่านและความต้องการน้ำมันในช่วงฤดูขับขึ่ในสหรัฐ โดยแนะนำ PTT PTTEP BANP

ขณะที่กลุ่มธนาคารแนะนำธนาคารขนาดใหญ่หลังจากมีการตั้งสำรองครบตามเกณฑ์ IAS 39 ไปเมื่อปีที่ผ่านมาแล้วและจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง เช่น KBANK KTB BBL เช่นเดียวกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ SPALI LPN ที่มีจุดเด่นในเรื่องเงินปันผลในระดับสูง

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยไตรมาส2/2550 มีปัจจัยลบหลายด้านกดดันการลงทุนโดยประเด็นที่ต้องติดตามนั่นคือผลประกอบการไตรมาส 1/2550ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เตรียมทยอยประกาศภายในวันที่ 19 เมษายนนี้ เนื่องจากตัวเลขสินเชื่อที่ประกาศจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจ(จีดีพี)ปีนี้ว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร

ขณะเดียวกันคงต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมือง ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยโดยในส่วนของสถานการณ์การเมืองในประเทศประเมินว่าอาจเกิดความรุนแรงมากขึ้นกว่าในปัจจุบันแต่ก็น่าจะเป็นผลบวกยิ่งขึ้นด้วยเช่นกันส่วนสถานการณ์ต่างประเทศคงต้องติดตามความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและสหรัฐอเมริกาซึ่งหากมีการโจมตีกันอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสกลับมาสูงถึง70-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลอีกครั้ง

?ไตรมาส2/2550 นี้ ไม่ค่อยมีข่าวดีเท่าไหร่นัก มีหลายประเด็นที่เฝ้าติดตามก่อนอื่นเลยต้องดูตัวเลขงบสินเชื่อแบงก์ เพราะสะท้อนถึงเศรษฐกิจรวมได้ส่วนการเมืองก็สำคัญไม่แพ้กันต้องดูทั้งในและต่างประเทศเพราะมีผลต่อจิตวิทยาลงทุนโดยตรง และถือเป็นปัญหายืดเยื้อนอกจากนี้ต้องดูงบบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดด้วยว่าดีหรือไม่?นายอดิศักดิ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุนช่วงไตรมาส2/2550แนะนำนักลงทุนให้รอดูสถานการณ์ความชัดเจนประเด็นดังกล่าวก่อนเข้าลงทุนประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ 640 ? 590 จุด ส่วนแนวต้านไม่เกิน 700 จุดโดยหากดัชนีปรับลดลงถึงแนวรับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีและราคาปรับลดลงได้

[/color:aa0ae4614c">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com