May 16, 2024   4:10:30 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 02/04/2007 @ 11:20:31
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ที่มา : วีระชัย ครองสามสี

หัวคอลัมน์ : อากาศและการเมืองร้อน แต่ตลาดหุ้นหนาว

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงนิ่งๆทรงๆเหมือนโดนแช่แข็ง เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นที่หดหายไปของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคง Wait and See สังเกตได้จากสภาวะการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่เพียงวันละ 8,723 ล้านบาทเท่านั้น โดยปัจจัยที่กระชากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ตกต่ำอยู่แล้วให้ตกต่ำลงไปอีก คือปัญหาทางการเมืองทั้งในส่วนของการเมืองระหว่างประเทศและการเมืองภายในประเทศที่ทวีดีกรีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆโดยในส่วนของการเมืองระหว่างประเทศนั้น ความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตก และอิหร่านนั้นเริ่มมีสัญญาณให้เห็นได้ชัดเจนว่าดีกรีความตึงเครียดน่าจะสูงขึ้นเป็นลำดับ สะท้อนให้เห็นจากการซ้อมรบทางทะเลของสหรัฐในอ่าวเปอร์เซีย และการที่อิหร่านประกาศไม่ปล่อยตัวทหารหญิงของอังกฤษตามที่เคยให้คำมั่นไว้ทำให้สถานการณ์ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง ทำให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติใหม่ในปีนี้ โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือน พ.ค.มาอยู่ที่ 66.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบ Brent ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือน พ.ค. มาอยู่ที่ 68.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ในส่วนของปัญหาการเมืองภายในประเทศนั้น แม้จะมีข่าวดีอยู่บ้างจากการที่รัฐบาลมีการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน และยืนยันว่าจะมีการยกเลิกประกาศของ คปค. ฉบับที่ 15 และ 27 ในเดือนกันยายนนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้เตรียมความพร้อมในการทำกิจกรรมทางการเมืองก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งจากความชัดเจนดังกล่าวจะน่าจะทำให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนในระยะยาวได้ ประกอบกับในส่วนของนโยบายการคลังก็เริ่มมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคบางแล้วจึงเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ดีแม้ว่าข่าวดังกล่าวจะสามารถสร้างความชัดเจนให้กับนักลงทุนขึ้นมาได้บ้างในระยะที่ยาวออกไป แต่ในระยะสั้นนั้นแม้ว่าหลังจากการส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยของ Fed จะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 32.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในตลาด Off-Shore และ 35.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในตลาด On-Shore ในวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่จากประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังคงมีอยู่ในขณะนี้ไม่ว่าจะการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่ในขั้วอำนาจเก่า ทำให้ในขณะนี้ยังไม่สามารถตัดประเด็นความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะมีการประกาศใช้ พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในอนาคตออกไปได้ ประกอบกับกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล และคมช. น่าจะทำให้ความตึงเครียดทางการเมืองในเดือนเมษายนนี้มีดีกรีความร้อนแรงไม่แพ้สภาพอากาศในเดือนเมษายนที่ร้อนสุดๆ ซึ่ง Political Risk ดังกล่าวถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีผลกกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอยู่ในช่วงนี้

ทำให้เชื่อว่าในช่วงนี้การที่ดัชนีจะมีการปรับตัวขึ้นแรงๆนั้นมีโอกาสเป็นไปได้ยากมากๆ โดยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ดัชนีน่าจะยังคง Side Way อยู่ในกรอบบริเวณ 680-665 จุด เพื่อรอความชัดเจนจากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ โดยมีจุดตัดสินใจอยู่บริเวณ 670 จุด ซึ่งถ้าดัชนีสามารถยืนอยู่เหนือแนวรับดังกล่าวได้ก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบบริเวณ 675-680 จุดได้ ในขณะที่ในกรณีที่ดัชนีไม่สามารถยืนบริเวณ 670 จุดได้ บริเวณ 665 จุด จะทำหน้าที่เป็นแนวรับต่อไป โดยในระยะนี้นักลงทุนยังไม่ควรเพิ่มพอร์ตในช่วงนี้ โดยถ้าจะให้ดีรอซื้อแถวๆ บริเวณแนวรับ 665 จุด น่าจะปลอดภัยกว่า โดยเน้นหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยที่ลดลง และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น BANK, PROP, ENERG เป็นต้น สำหรับหุ้นเก็งกำไรกรณีที่ดัชนีสามารถยืนเหนือบริเวณ 670 จุดได้ แนะนำหุ้น DRT มีแนวรับ 8.75 บาท แนวต้าน 9.15 บาท และมีจุดถอยบริเวณ 8.65 บาท TPIPL มีแนวรับ 12.00 บาท แนวต้าน 12.70 บาท และมีจุดถอยบริเวณ 11.70 บาท PTTEP มีแนวรับ 88.00/87.00 บาท แนวต้าน 91.50 บาท และมีจุดถอยบริเวณ 85.00 บาท[/size:fb8c3999e1">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com