May 15, 2024   3:17:31 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > อเมริกา vs อิหร่าน
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 02/04/2007 @ 13:30:58
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ถอดรหัสแผนอำมหิตมหาอำนาจอเมริกา
ก่อนขจัดอิหร่านพ้นทางยึดอำนาจตะวันออกกลาง

ประเด็นความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกปะทุขึ้นอีก
ครั้ง หลังเกิดกรณีอิหร่านจับตัวนาวิกโยธินและทหารเรืออังกฤษ 15 นายฐานล่วงล้ำ
น่านน้ำ เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าความตึงเครียดครั้ง
ใหม่นี้คือหนึ่งในสัญญาณก่อนเกิดสงครามเบ็ดเสร็จระหว่างอิหร่านกับพันธมิตร
ฝ่าย ?อักษะแห่งความดีงาม?? ที่มีสหรัฐฯและอังกฤษเป็นแกนหลัก หลังประสบความ
สำเร็จในการทำให้อิรักกลายเป็นนรกบนดินไปเรียบร้อยแล้ว
นับตั้งแต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชมีอำนาจปกครอง
สหรัฐฯ ความไม่กินแหนงแครงใจกันระหว่างสหรัฐฯกับประเทศที่ต่อต้านนโยบาย
ครอบงำโลกของทายาททตระกูลบุช ถูกขีดเส้นใต้ให้ปรากฏชัดเจนขึ้น การประกาศ
รายชื่อประเทศที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอเมริกาว่าเป็น ?อักษะแห่งความชั่วร้าย? เป็นข้อ
บ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดว่าใครเป็นศัตรูในสายตาของรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การกุมบังเหียน
ของตระกูลบุช ก่อนที่จะพยายามโน้มน้าวให้ประชาคมโลกเชื่อว่าประเทศเหล่านั้น
เป็นศัตรูต่อความมั่นคงของโลกไม่ใช่เป็นแต่กับอเมริกาเท่านั้น ประเทศต่างๆซึ่งเห็น
ว่าอย่างไรเสียสหรัฐฯก็จะเป็นผู้ชนะจึงยอมเล่นบทตามที่รัฐบาลบุชเขียนให้ ขณะที่
ประเทศที่จนปัญญาจะทัดทานก็ได้แต่ทำเอาหูไปนาเอาไปไร่ไม่กล้าป่าวร้องว่า
อเมริกากำลังใช้อำนาจมากเกินไป และใช้ความมั่นคงของโลกเป็นข้ออ้างอย่างพร่ำ
เพรื่อ
ขณะนี้ 2 ประเทศเสี้ยนหนามสำคัญตามบัญชีอักษะแห่งปีศาจของ
สหรัฐฯถูกกำจัดไปแล้วด้วยวิธีการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เสี้ยนหนามแรกคืออิรักที่
ถูกจัดการอย่างราบคาบด้วยการบุกยึด ส่วนเสี้ยนหนามที่สองคือเกาหลีเหนือถูก
กำราบด้วยวิธีการอันชาญฉลาดที่อยู่ในคำภีร์พิชัยสงครามยุคโบราณ นั่นคือ การล้อม
เมืองตัดทางน้ำทางเสบียงจนเจ้าเมืองยอมจำนนเอง นำมาซึ่งการยินยอมทำข้อ
ตกลง 6 ฝ่ายว่าด้วยการยุติโครงการนิวเคลียร์เพื่อแลกกับความช่วยเหลือทาง
เศรษฐกิจและการยกเลิกการอายัดเงินของรัฐบาลเกาหลีเหนือที่ฝากไว้ในต่าง
ประเทศ วิธีการกำจัดเสี้ยนหนามที่แตกต่างกันนี้ดูจะเป็นการแสดงตัวอย่างให้อิหร่าน
ซึ่งกำลังถูกกล่าวหาว่ามีแผนพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ตระหนักว่า หากไม่ต้องการมี
ชะตากรรมเยี่ยงเดียวกับอิรักก็จงยอมจำนนอย่างเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าแผนเชือดไก่ให้ลิงดูของสหรัฐฯจะไม่ได้ผล
เนื่องจากยังไม่วี่แววว่าอิหร่านจะลดท่าทีที่แข็งกร้าวลงแต่อย่างใด ทั้งผู้นำสูงสุดและ
ประธานาธิบดียังคงประสานเสียงยืนยันจะดำเนินโครงการนิวเคลียร์ต่อไป แม้
สภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะมีมติลงโทษอิหร่านมาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยสาระ
สำคัญอยู่ที่การห้ามทุกประเทศส่งสินค้าทุกประเภทที่สามารถใช้ในการดำเนิน
โครงการนิวเคลียร์ให้กับอิหร่าน พร้อมกับห้ามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ
นิวเคลียร์ของอิหร่านเดินทางเข้าประเทศพร้อมอายัดเงินในทุกบัญชีที่ต้องสงสัยว่านำ
ไปใช้ในพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งนับเป็นมาตรการสถานเบาเมื่อเทียบกับคราวที่
เกาหลีเหนือต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ นอกจากแผนเชือดไก่ให้ลิงดู
และแผนยืมมือยูเอ็นจะจัดการอิหร่านไม่ได้ผลแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้อิหร่านเร่ง
สร้างค่ายคูประตูหอรบเพื่อป้องกันการโจมตีทุกรูปแบบจากสหรัฐฯไม่ว่าจะเป็นด้าน
เศรษฐกิจ หรือ กำลังทหาร โดยล่าสุดธนาคารอิหร่านได้ประกาศจะเร่งลดสัดส่วนการ
ถือครองเงินสกุลดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 20% ด้าน
รัฐบาลก็เตรียมผลักดันให้มีการยกเลิกการใช้เงินสกุลดอลลาร์ในตลาดน้ำมัน หลังราย
ได้จากการส่งออกน้ำมันมากกว่า 50% อยู่ในรูปของเงินสกุลยูโรและสกุลเยน ด้านการ
ทหารก็มีการสั่งลาดตระเวณตลอด 24 ชั่วโมง
ทว่าอเมริกาก็คืออเมริกา ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกลก็
หักด้วยกำลัง เมื่อไม้นวมและกลยุทธ์เชือดไก่ให้ลิงดูไม่ได้ผล สหรัฐฯจึงหันมาใช้วิธี
ข่มขวัญด้วยกองทัพอันเกรียงไกร โดยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2550 สหรัฐฯได้ส่งเรือ
บรรทุกเครื่องบินลำที่ 2 เข้าประจำการในอ่าวเปอร์เซีย พร้อมกับทำการซ้อมรบทั้ง
ทางน้ำและทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มส่งกำลังเข้าประจำการในตะวันออก
กลาง แม้โฆษกกองบัญชาการกองทัพประจำภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียของสหรัฐฯจะยืน
ยันว่านั่นเป็นการซ้อมรบตามปกติ แต่ย่อมไม่ทำให้ผู้คนหายสงสัยว่า สหรัฐฯจะต้อง
ซ้อมรบใหญ่ไปเพื่ออะไร หากยังไม่มีความจำเป็นต้องทำสงครามในระยะเวลาอัน
ใกล้ และหากการซ้อมรบเป็นการแค่การข่มขวัญก็ไม่น่าต้องส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน
เข้าประจำในอ่าวเปอร์เซียถึง 2 ลำ เพราะลำพังแต่เรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ พร้อม
เรือพิฆาตและเครื่องบินรบอีกกว่า 100 ลำที่ประจำการอยู่เดิม รวมกับกองกำลัง
ภาคพื้นดินและยุทโธปกรณ์จำนวนมากในอิรักก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะทำให้อิหร่าน
ตระหนักดีว่ากำลังตกอยู่ในวงล้อมของขุมกำลังที่เคยสยบอิรักซึ่งเป็นประเทศเพื่อน
บ้านที่มีพรมแดนติดกันนับพันกิโลเมตรมาแล้ว ดังนั้น จึงเหลือแต่คำถามที่สหรัฐฯไม่
เคยตอบอย่างตรงไปตรงมาสักทีก็คือ สหรัฐฯมีเจตนาจะใช้กำลังทหารกับอิหร่านหรือ
ไม่
คำกล่าวของประธานาธิบดีบุชและโรเบิร์ต เกตต์รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหมคนใหม่ของสหรัฐฯที่เคยเป็นผู้อำนวยการซีไอเอที่ระบุว่า ?ทาง
เลือกทุกทางในการคลี่คลายข้อพิพาทนิวเคลียร์อิหร่านยังคงอยู่ในความพิจารณา
และไม่เคยตัดทางเลือกที่จะใช้กำลังทหารออกไป แต่สหรัฐฯยังคงยืนยันที่จะมุ่งคลี่
คลายความตึงเครียดครั้งนี้โดยผ่านการเจรจา? พอให้เดาได้ว่า นโยบายกลาโหมภาย
ใต้การดูแลของอดีตแม่ทัพซีไอเอน่าจะยึดหลักการ ?พลิกแพลงตามสภาพการศึก?
เป็นหลัก บุคคลระดับเบอร์ 1 ของซีไอเอย่อมจะมีแผนล้ำลึกกว่าอดีตทหารผ่านศึก
อย่างโดนัลด์ รัมส์เฟล รัฐมนตรีกลาโหมคนก่อนหลายเท่า
การทำลายอิหร่านให้ปราชัยครั้งนี้ในเบื้องต้นสหรัฐฯคงจะยังไม่ใช้
วิธี ?หักเอาเมือง? เหมือนที่เคยทำกับอิรัก ซึ่งทำให้เสียทั้งกำลังพล ทรัพยากร และ
ชื่อเสียง อีกทั้งสถานการณ์ในอิรักก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสงบสุข ดังนั้น การใช้แผนเหนือ
เมฆโดยค่อยๆบ่อนทำลายอิหร่านไปทีละน้อยๆดูจะเป็นวิธีที่ได้ผลมากกว่าแถม
ประหยัดกว่ามาก การยืมมือยูเอ็นลงโทษอิหร่านคือหนทางหนึ่ง การโน้มน้าว
ประชาคมโลกให้มองอิหร่านเป็นภัยคุกคามความมั่นคงโลกคือหนทางหนึ่ง ซึ่งอิหร่าน
ก็เพลี้ยงพล้ำไปแล้วด้วยการประกาศว่าจะลบอิสราเอลออกจากแผนที่โลก และการ
กล่าวหาอิหร่านว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความไม่สงบในอิรักคืออีกหนทางหนึ่ง หลัง
จากวางหมากเหล่านี้ สหรัฐฯก็เพียงต่อรอดูความย่อยยับของอิหร่าน พร้อมกับยั่วยุให้
อิหร่านแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวออกมาเอง ยิ่งอิหร่านปฏิเสธและท้าทายมติยูเอ็นเท่าไร
สหรัฐฯยิ่งเดินเกมกำจัดอิหร่านได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เพราะการเสนอให้ยูเอ็นลงโทษ
สถานหนักต่ออิหร่าน หรือ แม้แต่การใช้กำลังทหารย่อมต้องใช้ข้ออ้างและเหตุผลที่มี
น้ำหนักพอที่จะโน้มน้าวให้ประชาคมโลกเห็นพ้องได้
ล่าสุด อิหร่านกำลังเพลี้ยงพล้ำด้วยการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่กองทัพ
อังกฤษที่ล่วงล้ำน่านน้ำไว้นานเกินไป ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีและ
ขยายภาพไปไกลว่าอิหร่านมีท่าทีเป็นศัตรูกับโลกตะวันตกทั้งมวลไม่ใช่แค่สหรัฐฯ
และจะกลายเป็นข้ออ้างในการใช้มาตรการตอบโต้ที่รุนแรงได้ การซ้อนกลโดยการเร่ง
ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมแสดงความใจกว้างเพื่อซื้อใจฝ่ายตรงข้าม
ด้วยการประกาศไม่เอาโทษใดๆน่าจะเรียกคะแนนความสงสารจากประชาคมโลกได้
อย่างมาก แต่อิหร่านกับหลงกลและเล่นสงครามน้ำลายกับชาติตะวันตก ซึ่งในที่สุดก็
ต้องปล่อยตัวเจ้าหน้าที่กองทัพอังกฤษทั้งหมดพร้อมกับปล่อยให้โอกาสที่จะได้ความ
เห็นใจจากประชาคมโลกหลุดลอยไป
นับจากนี้ไป สิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือการเดินหมากทางการ
เมืองระหว่างประเทศของอิหร่านว่าจะรัดกุมและปิดโอกาสไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีได้
ดีเพียงใด หากอิหร่านยังคงหลงกลสหรัฐฯด้วยการมุทะลุ ยอมหักไม่ยอมงอ หรือ
แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อไปย่อมเข้าทางสหรัฐฯที่กำลังต้องการเผด็จศึกอิหร่านไม่
ทางใดก็ทางหนึ่ง แม้อิหร่านจะผิดกับอิรักตรงที่มีความสามัคคีและความเป็นอันหนึ่ง
อันเดียวกันในประเทศเป็นเกราะป้องกันทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่กล้าใช้กำลัง แต่หาก
เกมดำเนินจนถึงขั้นที่อิหร่านเพลี้ยงพล้ำจนสหรัฐฯมีข้ออ้างในการเสนอยูเอ็นให้ออก
มติคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านแล้ว เมื่อนั้นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันใน
ประเทศจะกลายเป็นความแตกแยกระหว่างประชาชนที่ต้องยากจนลงกับรัฐบาลที่ไม่
ยอมอ่อนข้อต่อมหาอำนาจทันที ถึงจุดนั้น ต่อให้สหรัฐฯไม่ใช่กำลังทหาร อิหร่านก็
ต้องล่มจมด้วยการแพ้ภัยตัวเอง แต่เป็นผลของการวางหมากอันแยบยลของสหรัฐฯ

 กลับขึ้นบน
P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
#1 วันที่: 03/04/2007 @ 05:51:09 :
[b:7e71de1cb2">สุดท้าย เป็นเพราะผลประโยชน์นี่ล่ะนะ ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง

เหมือนกับทางสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของเรา

ที่มีทรัพยกร น้ำมัน สินแร่ ยางพารา และอื่นๆ

ถึงมีกลุ่มคนที่อยากจะทำสงครามแบ่งแยกดินแดน

ไม่ต้องขึ้นกับประเทศไทย :cry:

การเมือง...ม่ายยพูดด :twisted: [/color:7e71de1cb2">

[/b:7e71de1cb2">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com