May 15, 2024   8:43:35 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เจาะกระคานหุ้น 3/4
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 03/04/2007 @ 09:23:45
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

*"โมนิก้า" เห็นข่าวสมาคมบริษัทจดทะเบียน ซึ่งนำโดย นายชนินท์ ว่องกุศลกิจประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด(มหาชน) ในฐานะอุปนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียน เสนอให้ ก.ล.ต. แก้ไขร่าง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ หลังเห็นว่าบทลงโทษที่รุนแรงเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อบุคคลที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารจดทะเบียน ถือเป็นแนวคิดที่ไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่นะค่ะ

*เนื่องจากธรรมาภิบาลบ้านเราเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไกลตัวสำหรับผู้บริหารจดทะเบียนขนาดกลาง และขนาดเล็ก ขณะที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนใหญ่ๆ เน้นให้ความสำคัญเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ ก็เพื่อหน้าตาของตนเองทั้งนั้น...ธรรมมาภิบาลจึงเป็นเพียงคำนิยามที่ทำให้บริษัทดูโก้หรูมากกว่าทำให้ตัวบริษัทมีคุณค่าเพิ่มขึ้น

*เดี๊ยนจึงขอคัดค้านหัวชนฝาไม่ควรปรับเปลี่ยนกฎระเบียบดังกล่าว เพราะการเอาบริษัทเข้ามาจดทะเบียนมากๆ โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพมาตรฐาน ท้ายที่สุดก็จะส่งผลเสียต่อตัวตลาดหลักทรัพย์ฯ และตัวนักลงทุนเต็มๆ...อีฉันถึงยอมไม่ได้ที่เห็นคนบางกลุ่มทำให้มาตรฐานของตลาดหุ้นไทยแย่ลงเจ้าค่ะ

*"โมนิก้า" ถึงอยากถามผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า การนำเอาบริษัทเน่าๆ เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้น หลังจากนั้น 2 ปีผู้บริหารก็ขายหุ้นให้กับคนอื่นเข้ามาบริหารงานพร้อมกับเปลี่ยนธุรกิจไปทำอย่างอื่น มันส่อเจตนาว่า ผู้บริหารสนใจเกมราคาหุ้นมากกว่าตัวธุรกิจของบริษัทใช่ไหมเอ่ย

*หากตอบว่าไม่ใช่ กรุณาอธิบายปรากฎการเรื่องดังกล่าวให้หายข้องใจทีเถอะ และกรุณาอย่าพูดว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุนทุกครั้ง เพราะมันเป็นคำพูดที่ต้องการปัสวะให้ไปพ้นๆ ตัวเท่านั้น

*ส่วนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ยังไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้นอย่างเป็นรูปเป็นร่าง เพราะเหตุผลที่อธิบายการปรับตัวขึ้นของดัชนี 5.91 จุด ก่อนจะมาปิดที่ 679.62จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.20 หมื่นล้านบาท เป็นเหตุผลเดิมๆ ที่ฟังแล้วไม่ค่อยรื่นรมย์นัก...เนื่องจากเป็นการวิเคราะห์สภาพตลาดวันต่อวันมากเกินไปนะซี

*ส่งผลให้การเคลื่อนตัวของดัชนีหลังจากนี้ไม่รู้จะออกมาในรูปไหน แบบไหน เพราะหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงวานนี้ อาจไปต่อไม่ไหว "โมนิก้า" ถึงต้องออกมาเตือนอีกครั้งว่า หากไม่มีเงินเย็นแช่ไว้จริงๆ ก็ไม่ควรทุ่มซื้อหุ้นจนหมดหน้าตัก หลังทิศทางการเคลื่อนตัวเป็นขาขึ้นไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง

*โดยเฉพาะในรายของ BANPU เอาข่าวเรื่องราคาถ่านหินสูงขึ้นมาเล่นแบบนี้ไงเล่า ราคาหุ้นถึงทะยานขึ้นไปทำราคาสูงสุดในรอบ 11 ปีอย่างง่ายดาย และมีโอกาสไต่ระดับขึ้นไปทำ new high อีกด้วย เพราะวานนี้พุ่งขึ้นมาปิดถึงระดับ 212 บาท บวกไป 12 บาท ด้วยแรงซื้ออื้อซ่าไงหล่ะ

*ส่วนหุ้นพลังงานตัวอื่นๆ แจ๋วสุดก็ทำได้แค่ประคับประคองตัวไม่ให้หลุดแนวรับสำคัญ"โมนิก้า" ถึงไม่อยากแนะนำให้นักลงทุนเข้าไล่ซื้อหุ้น เพราะต้องการให้ซื้อหุ้นตอนอ่อนตัวมากกว่าไงหล่ะ...เฉกเช่นในรายของ PTT วันนี้จะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD คุณๆ ท่านๆ ก็ควรรอรับกันให้เต็มที่ตามกำลังทรัพย์ในกระเป๋านะค่ะ

*ทางด้านหุ้นแบงก์ก็กำลังตกอยู่ในภวังค์กันถ้วนหน้า ถึงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงให้เปลื้องน้ำลาย เพราะต่อให้เชียร์กันสุดลิ่มทิ่มประตู หุ้นก็ไม่มีทางไต่ระดับขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมได้ "โมนิก้า" จึงขอแนะนำให้คุณๆ เลือกซื้อหุ้นตามความชอบแต่ละบุคคลเพราะหุ้นกลุ่มนี้มักขึ้นพร้อมกันยกแผงนะซี

*สำหรับหุ้นน้องใหม่ไฟแรงอย่าง UNIQ ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.18 บาท บวกไป0.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 251 ล้านบาท มีคนบางคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการบวกตามกระแสตลาดหุ้นเท่านั้น "โมนิก้า" เลยขอใช้พื้นที่ตรงนี้เถียงคอเป็นเอ็นว่า เกิดจากปัจจัยพื้นฐานล้วนๆ เพราะราคาหุ้นในกระดานใกล้เคียงกับมูลค่าทางบัญชีแบบนี้...ตำราหุ้นในอเมริกาเล่มไหนๆ ก็แนะนำให้ซื้อทั้งนั้นแหล่ะ

*เมื่อภาวะการลงทุนเลิศหรูเพอร์เฟ็คขนาดนี้ หุ้นเก็งกำไรยอดนิยมทั้งหลายแหล่ เลยกระชากขึ้นเย้ยฟ้าท้าดินกันให้เห็นกันจะๆ ซึ่งนำโดย EVER กระชากขึ้นมาปิดถึงที่ระดับ1.51 บาท บวกไป 0.27 บาท หรือขึ้นไปกว่า 21% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 136 ล้านบาทหากไม่คิดอะไรมากมายลองติดปลายนวมนิดหน่อยก็ได้นะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ IEC วิ่งกุเรง กุเรง ขึ้นไป 29.87% ถือเป็นเรื่องปกติของหุ้นยอดนิยมที่มีขาประจำสับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาเล่นไม่ซ้ำราย "โมนิก้า" ถึงรู้สึกเฉยๆ ที่เห็นราคาหุ้นพุ่งกระฉูดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบหลายเดือน เพราะของแบบนี้เขาวัดกันที่ใครเร็วกว่าคนนั้นได้เจ้าค่ะ

*ปิดท้ายกันที่ N-PARK เพิ่มทุนเท่ากับมูลบัญชีที่ระดับ 0.55 บาท ในสัดส่วน 2หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ทั้งที่มีราคาพาร์ที่ 1 บาท "โมนิก้า" มองจากมุมไหนด้านไหนก็เป็นการต่อลมหายใจ และเพิ่มความคล่องตัวให้กับบริษัทเท่านั้น...เพราะโอกาสในการทำกำไรถูกปิดตายไปตั้งนานแล้ว และคนที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในคราวนี้ ควรเตรียมทำใจขาดทุนตั้งแต่เนิ่ๆอิอิอิ

*ที่สำคัญวันนี้ต้องจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ไทย เพราะจะมีการเซ็นสัญญาเขตการค้าเสรี(FTA)กับญี่ปุ่น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทจดทะเบียนไทยไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วน หุ้นกลุ่มเหล็กปลายน้ำ และหุ้นกลุ่มอาหาร ต้องจับตาให้ดีพะยะค่ะ






[/color:55cff8fcbb">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com