May 15, 2024   11:15:18 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 03/04/2007 @ 12:01:01
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET INDEX วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2550 ปิดที่ ดัชนี 679.92 จุด +5.91 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,172 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,184.47 ล้านบาท นักลงสถาบันซื้อสุทธิ 746.93 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,931.40 ล้านบาท และแล้วน่าร้อนก็เริ่มอย่างจริงจังเปิดทำการมาก็มีแรงซื้อหุ้น Market Caps ใหญ่ ในหุ้น กลุ่ม แบงค์ พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ ตามด้วยวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งกลุ่มเทคโนโลยี ทำให้อารมณ์ตลาดดูดีมีสดใสขึ้น ต้อนรับสงกรานต์เลย ตัวเล็กตัวน้อยก็วิ่งกันพอควร โดยเฉพาะ EVER , IEC และหุ้นน้องใหม่อย่าง UNIQ
อย่างไรก็ตามแต่ภาพรวมของตลาดในช่วงนี้ ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ มาหนุนได้ ขนาดที่ปัจจัยด้านลบยังคงวนเวียนเรื่องการเมืองภายในประเทศ ปัญหาทางภาคใต้ที่ยังกดดันอยู่ นักลงทุนยังมีความกังวลในเรื่องของการชุมนุมของกลุ่มที่ไม่พอใจรัฐบาลเกรงจะมีเหตุรุนแรง แม้ว่าจะมีการกำหนดวันเลือกตั้งมาแล้วก็ตาม อีกทั้งปัจจัยภายนอกประเทศ เรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่ FED อาจปรับลดดอกเบี้ยลง และแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากสถานการความตรึงเครียดระหว่างอิรักและชาติตะวันตก กรณีอิหร่านจับตัวทหารเรือของประเทศอังกฤษ

TYONG ราคาเปิด1.08 บาท ราคาปิด 1.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 17.097 ล้านบาท จากที่TYONG แจ้งตลท.ในการเพิ่มทุนจดทะเบียนฯจาก 5,333 เป็น 5,813 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท โดยออกหุ้นใหม่ 480 ล้านหุ้น เสนอขายเฉพาะเจาะจง ในราคาขายหุ้นละ 1.28 บาท เงินที่ได้จากการเพิ่มทุน 614 ล้านบาท นำมาทำโครงการที่หาดกมลา ผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับกลุ่ม Winnington Capital ด้วยทุนจดทะเบียนฯเบื้องต้น 1.2 พันล้านบาท โดย TYONG จะถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% เตรียมซื้อที่ดินเปล่าเพื่อรอการพัฒนาในอนาคตอีก 226 ไร่ มูลค่า 653 ล้านบาท ซึ่งที่ดินดังกล่าวอยู่ติดชายหาดทำให้เชื่อว่าจะมีศักยภาพในการสร้างรายได้สูง และK.KRAZIPฝากให้ระวังหุ้นหลุด Silent รอบแรก 27 มิ.ย.2550 จำนวน 1.1 พัน ล้านหุ้น เนื่องจากมีต้นทุนต่ำมากเพียง 0.50 บาท/หุ้น เท่านั้น สำหรับโครงการที่ภูเก็ตดูเหมือนจะชัดเจนกว่าโครงการอื่นๆ ซึ่งจะสามารถทำรายได้ทดแทนโครงการอื่นๆ ที่ยังไม่ชัดเจนได้บางส่วน ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวรับที่1.06 บาท แนวต้านที่ 1.15 บาท

AKR ราคาเปิด 2.08 บาท ราคาปิด 2.12 บาท มูลค่าการซื้อขาย 6.915 ล้านบาท หลังจากที่AKR ได้ XD และจะจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2549 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท ในวันที่ 27 เมษายน 2550 เป็นที่รู้กันดีว่า AKR เป็นผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของไทย และราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้น หลังจากที่มีข่าวออกมาว่า AKR เตรียมเซ็นสัญญารับงานใหม่ จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 3 โครงการ มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ในเดือนเมษายนนี้ และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี2550ประมาณ 300 ล้านบาท K.KRAZIP ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ไม่เพียงแต่ข่าวการรับงานเพิ่มยังมีประเด็นเกี่ยวกับการผลิตแผงโซลาเซลล์อีก แนวรับที่ 2.08 บาท แนวต้านที่ 2.20 บาท

RCL ราคาเปิดที่ 24.00 บาท ราคาปิดที่ 23.80 บาท มูลค่าการซื้อขาย 12.45 ล้านบาท จากข่าวที่ออกมาบริษัท ริจิแนล คอนเทนเนอร์ ไลน์ พีทีอี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ RCL ถือหุ้นอยู่ 100% จะขายเรือจำนวน 1 ลำ ในราคา 151.55 ล้านบาท หรือ 4.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดอายุเฉลี่ยของกองเรือในส่วนที่กลุ่มเป็นเจ้าของ เงินที่ได้จากการขายเรือจะสำรองไว้สำหรับจัดหาเรือทดแทนในอนาคต ข่าวนี้สร้างความแปลกใจให้แก่นักลงทุน เนื่องจาก RCL ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนว่าบริษัทจะขายเรือในปีนี้ อย่างไรก็ดีเรือลำนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นเชื่อว่าการขายเรือลำนี้ออกไปจะมีผลกระทบน้อยมากต่อกำไรจากธุรกิจหลักของบริษัทในปีนี้ อย่างไรก็ตามแนวโน้มปริมาณการขนส่งที่ยังเติบโตอย่างมาก โดยมีจีนที่เป็นตัวผลักดันที่สำคัญ ขณะที่อัตราค่าระวางมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มของผลประกอบการในปีนี้มีโอกาสกลับมาสดใส K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อ? แนวรับที่ 23.60 บาท แนวต้านที่ 24.50 บาท

CK ราคาเปิด 7.20บาท ราคาปิด7.35 บาท มูลค่าการซื้อขาย27.27 ล้านบาท จากการที่ CKเตรียมเข้าประมูลงาน โดย CKตอนนี้ มี Backlog ที่ยกมาจากปี 49 จำนวน 26,350 ล้านบาท และมีงานที่ชนะการประมูลและรอเซ็นสัญญาอีก 2 โครงการมูลค่ารวม 2,438 ล้านบาททำให้มี Backlog ณ ปัจจุบัน 28,780 ล้านบาท และ CK เตรียมเข้าประมูลงานเพิ่มอีก 50,000 ล้านบาทโดยไม่รวมงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งจากส่วนแบ่งการตลาดในปัจจุบันของที่ 15% คาดว่า CK จะชนะการประมูลประมาณ 7,500 ล้านบาทและคาดว่า CKจะ มีกำไรสุทธิปี 50 พลิกมีกำไรประมาณ 453 ล้านบาท ในปีนี้เราคาดว่า CKจะมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 49 โดยมีแรงหนุนสำคัญจากงานก่อสร้างเขื่อนน้ำงึม 2 ในประเทศลาวซึ่งเป็นโครงการที่มีMargin สูงราว 15% คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสะสมเป็นบวกและจ่ายปันผลได้ในปีนี้ โดยคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันราว 0.12 บาทต่อหุ้นและยังมีให้รายได้ให้ลุ้นอีกว่าCKจะบันทึกกำไรจากการขายหุ้น PTW และนำหุ้น TTW เข้าตลาด เพื่อปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นก่อนนำ TTW เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ CK ได้ขายหุ้นของบริษัท PTWให้กับ TTW จำนวน 5.57 ล้านหุ้น ทำให้ CK จะมีกำไรประมาณ 500-700 ล้านบาททั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการบันทึกบัญชีของบริษัท ขณะเดียวกันเราคาดว่า CK จะมีกำไรจากการนำหุ้น TTW เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 200 ล้านบาทดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" แนวรับ 7.20 บาท แนวต้าน 7.60 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:3269ce0a0d">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com