May 15, 2024   7:56:34 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 04/04/2007 @ 10:46:16
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันอังคารที่ 3 เมษายน 2550 ปิดที่ดัชนี 686.53 จุด +6.91จุด มูลค่าการซื้อขาย 13,832 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,002.74 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 256.51 ล้านบาท
นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,259.25 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ระดับ 686.53 จุด +6.91 จุด และ Low ที่ระดับ 679.27 จุด -0.35 จุด SET Index สามารถแกว่งตัวในแดนบวกได้ตลอดวันหลังหล่นแดนลบช่วงเปิดตลาดเช้าแล้วดีดตัวขึ้นเป็นบวกได้ทันใจ เหตุเพราะมีหุ้นพี่บิ๊กและหุ้นแบงค์กรุงไทยขึ้นเครื่องหมาย XD
แต่ทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศนั้นเขียวกันทั่วหน้าปรับขึ้นกันทั่วโลก แล้วราคาน้ำมันดิบก็ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง
สรุปแล้วคนถือหุ้นพี่บิ๊กกับหุ้นแบงค์กรุงไทยยิ้มบานกันถ้วนทั่ว ซึ่งระยะนี้มีวอลุ่มกลับเข้ามาในหุ้นบิ๊กแคปบ้างแล้วในกลุ่มหลัก ๆ อย่างพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และธนาคาร เนื่องจากเป็นเทศกาลรับปันผล ส่วนหุ้นร้อน ๆราคาไม่กี่บาทไม่กี่สตางค์ก็ยังดาหน้ามาให้เห็นกันอยู่เต็มหน้ากระดานตลอดวันโดยหุ้นน้องใหม่ บมจ.ยูนิคยังใสแจ๋วราคาปรับขึ้นทำ High ใหม่ต่อได้

VNG ราคาเปิด-ปิด 4.68 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3.44 ล้านบาท VNG เริ่มรับรู้รายได้จากการขาย MDF Board ใน 1Q50 จากโรงงานใหม่เต็มไตรมาส และราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้น QoQ ยังผลให้ยอดขายเติบโตได้ 8%QoQ นอกจากนี้คาดว่าผลปรกอบการ 2Q50 จะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จากการที่บริษัทลงทุนขยายกำลังผลิตไม้ MDF เพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นด้วยปริมาณผลิต MDF ที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานใหม่
กอปรกับราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว จึงคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม VNG ยังมีศักยภาพการลงทุนเพิ่มเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยฐานะการเงินที่แข็งแรง ทั้งอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนที่คาดว่าจะลดลง และแนวโน้มกระแสเงินสดที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทมีศักยภาพการลงทุนเพิ่มขึ้นในการขยายกำลังการผลิตไม้ MDF ในอนาคตอันใกล้ สำหรับทางด้านอัตรากำไรจะถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น บวกกับกำลังการผลิตใหม่ที่ยังเดินเครื่องไม่เต็มที่ แต่ก็จะได้ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ถูกลง K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 4.64 บาท แนวต้าน 4.84 บาท

ITD ราคาเปิด 5.25 บาท ราคาปิด 5.15บาท มูลค่าการซื้อขาย 72.85 ล้านบาท
สำหรับการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าในเดือน พ.ค.- มิ.ย. 2550ที่จะถึงนี้ น่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้เป็นอย่างดี แต่การแข่งขันก็ยังคงสูง ทำให้โอกาสการได้งานลดลงในผู้รับเหมาฯทุกราย หรือ อัตรากำไรขั้นต้นของมูลค่าโครงการที่ประมูลได้จะต่ำกว่าโครงการปกติและยังมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดรายได้และกำไรลง ซึ่งรายได้ ITD มาจากโครงการบ้านเอื้ออาทรในมือที่รอการก่อสร้างและส่งมอบกว่า 3.1 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 40.5% จากมูลค่า Backlog ปัจจุบันที่ 7.73 หมื่นล้านบาท สำหรับการลงทุนใน ITD คือ การตรวจสอบผู้บริหารในโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด (CTX) จาก คตส. ซึ่งถือเป็นเรื่องที่คตส.ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ มีโอกาสในการปรับมูลค่าปัจจัยพื้นฐานลงจากโครงการบ้านเอื้ออาทรที่อาจไม่ได้ดำเนินการต่อ ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับที่ 5 บาท แนวต้าน 5.50 บาท

TOP ราคาเปิด59.50 บาท ราคาปิด 60 บาท มูลค่าการซื้อขาย 194.90 ล้านบาท TOP เป็นโรงกลั่นแบบครบวงจร ที่มีกำลังการผลิตสูงสุดของประเทศ และยังกระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจต่อเนื่องปิโตรเคมี มันหล่อลื่น และธุรกิจไฟฟ้า คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ Q1/50 อยู่ที่ 6,278 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54%YoY และ 241%QoQ เนื่องจากกำไรที่ปรับเพิ่มขึ้นของธุรกิจโรงกลั่นเป็นหลัก ซึ่งค่าการกลั่นใน Q2/50 ยังดีอยู่ จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามฤดูการขับขี่ในสหรัฐ และจากโครงการขยายกำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นมากของโรงกลั่นจีนและอินเดียจะแล้วเสร็จในปี 2551 ขณะที่กำไรจากบริษัทในเครือทุกกลุ่มยังดี และผลบวกจากการใช้วิธี Weighted Average ในการตีราคาสินค้าคงเหลือ ใน Q4/49 ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 300 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ใน Q1/50 ด้วย ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" จากปัจจัยบวกที่บริษัทย่อย IPT
มีโอกาสชนะประมูลสร้างโรงไฟฟ้า IPP ใหม่ในเดือน เม.ย.50 (700 เมกะวัตต์) ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ที่มั่นคงในอนาคต รวมทั้งปริมาณผลิตของโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น โดยมีแนวรับที่ 59 บาท แนวต้าน 62 บาท

PTTEP ราคาเปิด 92.50บาท ราคาปิด 94บาท มูลค่าการซื้อขาย 544.36 ล้านบาท PTTEPเปิดเผยผลการเจาะหลุมสำรวจซอว์ติกะ-2 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของแปลง M9 ในอ่าวเมาะตะมะ สหภาพพม่าว่าการขุดเจาะประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยค้นพบก๊าซธรรมชาติมีอัตราการไหลเป็นปริมาณสูงกว่าทุกหลุมที่ได้เจาะสำรวจมาในแปลง M9 และPTTEP ได้ทำการเจาะหลุมสำรวจซอว์ติกะ-2 ถึงระดับความลึกสุดท้าย
พบก๊าซธรรมชาติในชั้นหินกักเก็บ จำนวน 6 โซน และพบอัตราการไหลของก๊าซฯ ในปริมาณสูง เฉลี่ยรวมประมาณ 109.5 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และตั้งแต่ต้นปี 2550 จนถึงปัจจุบัน PTTEP ได้ทำการขุดเจาะหลุมสำรวจในแปลง M9 พบก๊าซธรรมชาติแล้วทั้งหมด 4 หลุม ซึ่งมีการค้นพบก๊าซธรรมชาติครั้งล่าสุดนี้ด้วย
นับว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งของการขุดเจาะในการลงทุนครั้งนี้และแผนงานต่อไปของPTTEP
จะขุดหลุมประเมินผล จำนวน 4-5 หลุม เพื่อยืนยันปริมาณสำรองปิโตรเลียมขั้นต้น พร้อมกับเริ่มวางแผนที่จะพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติในแปลง M9 โดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มการผลิตก๊าซฯ เพื่อใช้ในประเทศพม่าส่วนหนึ่ง
และส่งเข้าประเทศไทยส่วนหนึ่ง ดังนั้น K.KRAZIP ยังคงแนะนำ "ซื้อ" เพราะดูจาก Upside จากโครงการที่อยู่ระหว่างการสำรวจทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีแนวรับที่ 91 บาท แนวต้าน95 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:1dc4d4b9aa">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com