May 15, 2024   2:21:10 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 04/04/2007 @ 10:50:45
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.เอเซีย พลัสแนะนำขาย YNPราคาเป้าหมาย 4.03 บาทผู้บริหาร YNP ตั้งเป้ารายได้ปี 2550 ขยายตัว 15-17% yoy ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของธุรกิจ OEM ที่ยังคงได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก Toyota ลูกค้ารายใหญ่ คิดเป็นสัดส่วน 50% ของยอดขาย ทั้งในส่วนชุดชิ้นส่วนท่อไอเสีย สำหรับรถยนต์ทุกรุ่น โดยเฉพาะNew Vios ที่เพิ่งมีการเปิดตัวในเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา รวมถึงงานผลิตอุปกรณ์ Toolingสำหรับรถรุ่นใหม่อย่าง New Altis ที่จะเปิดตัวในปี 2551 ขณะเดียวกันมีการขยายฐานลูกค้ามากขึ้นสู่กลุ่ม Honda (ผลิตงานขึ้นรูปโลหะสำหรับ New Accord) กลุ่มเครื่องไฟฟ้า(Daikin และ Mitsubishi) และกลุ่มเครื่องกลการเกษตร (Kobuta) ในแง่การกำไรมีแผนที่จะลดต้นทุนในส่วนโรงงานและสำนักงาน รวมถึงต่อรองราคาวัตถุดิบ เพื่อที่จะรักษาGross margin ให้ได้ระดับ 12-13% ส่วนโครงการโรงงานใหม่แห่งที่ 3 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต 170 ล้าน Stroke ต่อปี หรือ คิดเป็นมูลค่ารายได้ 4 พันล้านบาท/ปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตเฟส 1 ในส่วนงานประกอบLine Assembly ช่วง 3Q50 และจะเริ่มผลิตส่วนงานขึ้นรูปโลหะ (Press Parts) ได้ในช่วงปลายปี 2550 เป้าหมายรายได้ปี 2550 ที่ต่ำกว่าฝ่ายวิจัยคาด บวกกับสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย ยากที่จะฟื้นตัวโดดเด่น ประกอบกับกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นของโรงงานแห่งที่ 3 ยังไม่สามารถสร้างรายได้อย่างชัดเจนในปีนี้ ดังนั้นเพื่อสอดคล้องกับข้อมูลดังกล่าว ฝ่ายวิจัยจึงทำการปรับประมาณการปี 2550-51 (ตารางด้านข้าง) ส่งผลให้ Norm Profit ปี 2550 ลดลง 25.5% จากประมาณการเดิม และคงเติบโต 8%

บล.กิมเอ็งแนะนำซื้อ PSLราคาเป้าหมาย 23.80 บาทล่าสุดผู้บริหารรายงานสัดส่วนเรือที่ทำสัญญาแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 83.6% จาก 68% ของจำนวนวันเดินเรือที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยได้ค่าเช่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 12,088 เหรียญ/วัน/ลำ เพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ที่ 11,671 เหรียญ/วัน/ลำ ดังนั้น PSL จะเหลือสัดส่วนเรือที่ผันผวนตามค่าระวางตลาดอยู่เพียง 16.4% การเพิ่มสัดส่วนเรือทำสัญญาช่วยลดความผันผวนของค่าระวางที่ตลาดกำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลชะลอตัวได้ สรุปในงวดบัญชีปี 2549 บริษัทได้จ่ายเงินปันผลคิดเป็นหุ้นละ 4.11 บาท และได้จ่ายหุ้นปันผลในสัดส่วน 1 หุ้นได้ 1 หุ้นปันผล ส่งผลให้จำนวนหุ้นทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 520 ล้านหุ้น เป็น 1,040 ล้านหุ้น เราประเมินจำนวนวันเดินเรือโดยคาดว่าจะมีการซื้อเรือเข้ามาชดเชยจำนวน 10 ลำ เป็น 54 ลำ ในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งจะได้วันเดินเรือทั้งปีเป็น 16,767 วัน และคาดอัตราค่าระวางเฉลี่ยและค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเฉลี่ยที่ 13,100 เหรียญ/วัน และ 3,500 เหรียญ/วัน จะได้ประมาณการกำไรปกติปี 50 ที่ 3,536 ล้านบาท (Fully dilute 3.40 บาท/หุ้น) ลดลง 2.4% จากปีก่อน บริษัทฯจะมีการบันทึกกำไรจากการขายเรือ 10 ลำในไตรมาสแรกประมาณ 1,664ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเท่ากับ 5,200 ล้านบาท (EPS Fully dilute 5 บาท/หุ้น) เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน จากการอ้างอิง Norm P/E ปีนี้ที่ 7 เท่า เราประเมินราคาเหมาะสมใหม่หลังขึ้น XD ที่ 23.80 บาท ส่วนกรณีที่บริษัทไม่ซื้อเรือเข้ามาชดเชยได้จะได้มูลค่าเหมาะสมที่ 20.80 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลดลงหลังจากขึ้น XD โดยซื้อขายที่Norm. PER ที่ 6.6 เท่าและมีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมของเราอยู่ 5%

บล.สินเอเชียแนะนำซื้อ ATCราคาเป้าหมาย 51.00 บาทคาดว่า ATC จะมีกำไรปกติประมาณ 2,048 ล้านบาท จากแนวโน้มส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Product to Feed Margin) ที่คาดว่า จะอยู่ที่ประมาณ 173ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตันเทียบกับ 159 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันใน 4Q49 โดยเป็นผลจากการลดลงของราคาเฉลี่ยวัตถุดิบ (-7%QoQ) มากกว่าการลดลงของราคาเฉลี่ยผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์(-3%QoQ) และมีปริมาณการขายประมาณ 6.73 แสนตัน เพิ่มขึ้น 53%YoY แต่ลดลง 11%QoQ โดยเป็นการปรับในส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Product to FeedMargin) ที่มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าที่ ACLS คาดไว้เดิมตามภาวะอุตสาหกรรมอะโรเมติกส์ที่คาดว่ายังดีต่อเนื่องในปี 50 โดยได้ปรับ Product to feed margin ขึ้นเป็น 158 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มจากเดิมที่ 155 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ส่งผลให้คาดว่ากำไรปกติปี 50ของ ATC จะอยู่ที่ประมาณ 7,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% YoY โดยจะมีกำลังการผลิตได้เต็มปีหลังที่มีการหยุดซ่อมบำรุงในปี 49 รวมทั้งมีโครงการไซโคลเฮกเซน (ใช้เบนซีนเป็นวัตถุดิบหลัก) จะสามารถผลิตได้เต็มปีเช่นกัน โดยมีกำลังการผลิตที่ 150,000 ตันต่อปี และจะเพิ่มขึ้นอีก 195,000 ตัน หลังจากทำการขยายกำลังการผลิตอีก 30% ในเดือนพ.ค.50คาดว่า แนวโน้มการควบรวมจะเป็นวิธี Amalgamation โดยเป็นการตั้งบริษัทใหม่และใช้วิธีแลกหุ้นของทั้ง RRC และ ATC เป็นหุ้นในบริษัทใหม่ เนื่องจากทั้ง ATC และ RRCมองว่า การควบรวมเป็นบริษัทใหม่เกิดประโยชน์คุ้มค่าในอนาคตมากขึ้นและสามารถครอบคลุมผลประโยชน์ทางภาษีของ RRC ที่ต้องเสียไปจากการควบรวมครั้งนี้

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:ba02a43fe6">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com