May 15, 2024   10:04:53 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เจาะกระดานหุ้น ทดสอบแนวต้าน 700 จุด
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 05/04/2007 @ 08:22:03
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

*"โมนิก้า" รู้สึกดีใจที่เห็นดัชนีขึ้นมายืนเหนือระดับ 690 จุด พร้อมด้วยแรงซื้อที่หนาแน่น เสมือนเป็นสัญญาณบอกว่าได้เวลาทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 700 จุดอีกครั้ง และหากต้องการให้ดัชนีพลิกแนวต้านกลายเป็นแนวรับ คุณๆ ท่านๆ ต้องช่วยกันซื้อหุ้นเพื่อดันดัชนีให้กลับทิศเป็นขาขึ้นอย่างถาวร

*เนื่องจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศซึมซับข่าวร้ายที่เกิดกันจนชิน จึงไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไรอีกแล้วทั้งสิ้น "โมนิก้า" ถึงมองว่าโอกาสนี้เป็นจังหวะดีของการเข้าซื้อหุ้นบลูชิพเพิ่มเติม...โดยเฉพาะในรายที่ราคาหุ้นในกระดานใกล้เคียงกับมูลค่าทางบัญชี ถือว่าน่าซื้อที่สุดพะยะค่ะ

*ถึงกระนั้น! เดี๊ยนก็ยังไม่วางใจเสียทีเดียว เพราะทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มิตรรักแฟน "ข่าวหุ้น" จึงไม่ควรทุ่มเงินจนหมดหน้าตัก และควรทยอยเก็บหุ้นไปเรื่อยๆ ตามทฤษฎี dollar cost average น่าจะเหมาะสมกับบรรยากาศการลงทุนยามนี้มากที่สุด

*โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน สลับคิวกันขึ้นอุตลุด จน "โมนิก้า" ไม่รู้จะแนะนำตัวไหนเป็นกรณีพิเศษ จึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ประชาสัมพันธ์ให้รับทราบกันโดยถ้วนหน้าว่า รักตัวไหน ชอบตัวไหน ก็เล่นตัวนั้น เพราะได้ยินข่าวว่างบไตรมาส 1 ปี 50 สวยๆ กันทุกตัวและยังมีแก๊ปให้วิ่งอีกมากเสียด้วยพะยะค่ะ

*วานนี้ ก.ล.ต.ก็ออกมาล่อมาร์เก็ตติ้งอีกแล้ว งวดนี้มี 3 ราย ที่โดน ส่วนจะมีชื่อญาติพี่น้องของใครอยู่ด้วยนั้น เดี๊ยนขอสงวนสิทธิคะ เพราะไม่อยากซ้ำเติม ก็อยากให้มาร์เก็ตติ้งทั้งหลายที่อ่านคอลัมน์นี้ เอาไปจำไว้เป็นบทเรียนนะคะ ถ้าคิดจะทำงานด้านนี้ต้องอดทนคะ อย่าโลภ หรือหวังรวยทางลัด เพราะทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอกคะ

*มาเริ่มที่ตัวหุ้นกันดีกว่า เห็นแบบนี้ท่าจะจบไม่สวย หลังจากที่มีข่าวลือออกมาอีกแล้วว่าตอนนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ตั้งใจจะเอา RRC เป็นแกนหลักในการเทกโอเวอร์ ATC เพราะไซส์ของโรงกลั่นตัวนี้ มีมาร์เก็ตแคปใหญ่กว่าโรงพลาสติก ถึงแม้ราคาหุ้นปัจจุบันที่ปรับตัวขึ้นมายืนที่ระดับ 47.75 บาทได้ แต่มาร์เก็ตแคปก็มีเพียงแค่ 46,431.15 ล้านบาท น้อยกว่า RRCที่ราคาปัจจุบัน 18.10 บาท อยู่ที่ 51,881.48 ล้านบาท

*ทางเดียวที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่เปลี่ยนใจให้ ATC เทก RRC แทนได้ มีอยู่ทางเดียวคือ มาร์เก็ตแคปต้องใหญ่กว่า นั้นหมายถึงราคาหุ้นของ ATC ต้องไม่หยุดนิ่งอยู่แค่นี้ เพราะจากการคิดคำนวณราคาหุ้นที่จะทำให้ ATC มีมาร์เก็ตแคปสูงกว่านั้น ราคาหุ้นต้องวิ่งไปอยู่ที่54 บาท ภายใต้สมมติฐานที่ว่าหุ้น RRC ต้องอยู่นิ่งๆไม่ขยับที่ระดับ 18.10 บาทเท่านั้น (เป็นเรื่องที่ยากจะเป็นไปได้)

*"โมนิก้า"ไม่แปลกใจที่มีการเข้าไปซัดกันอย่างนัวเนียแบบนี้ ความร้อนแรงของATC ก่อนรวมกันนั้น คงจะมีให้เห็นกันอีกแน่ เพราะเดี๊ยนเชื่อแน่ว่าคน ATC ไม่ยอมที่จะถูกกลืนหายไป ในทางกลับกันต้องเป็นคนกลืน(ไม่ใช่ถูกกลืน) ของแบบนี้มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี คะ ยอมไม่ได้ เพราะบริษัทผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ

*รายย่อยที่ถือหุ้น ATC อยู่ตอนนี้เดี๊ยนบอกได้คำเดียวคะว่าให้รอไปเลยยาวๆ งานนี้คนใน ATC ต้องขนเงินออกมาซื้อหุ้นบริษัทแน่นๆ ส่วนจะมีคำสั่งจากเบื้องบนหรือเปล่า อันนี้ไม่รับรองคะ แต่ที่รู้ช่วงท้ายตลาดมีบิ๊กล็อตเข้ามา 1.4 ล้านหุ้นคะ ของแบบนี้จิ๊บๆ คะ ใครอยากรวยให้ถือ ATC ส่วน RRC จะยอมให้ถูกฮุบหรือไม่นั้น คงต้องไปถามคนในองค์กรดูคะถ้าเกิดไม่ยอมขึ้นมา งานนี้คงได้เห็นการดันกันสนั่นจอแน่ๆ เลยคะ ราคาหุ้น ATC ปิดที่ 47.75บาท บวกไป 1.75 บาท ส่วน RRC ปิดที่ 18.10 บาท เสมอตัวคะ

*ไปๆมาๆ หุ้น UNIQ จะกลายเป็นหุ้นเก็งกำไรไปซะอย่างนั้น ส่วนเหตุผลที่ทำให้คิดแบบนั้นคงเป็นเพราะลักษณะการวิ่งขึ้น-ลง ของราคาหุ้นในระหว่างวัน ทำให้อดนึกถึงหุ้นเก็งกำไรตัวอื่นไม่ได้ การที่หุ้นใหม่ได้รับความสนใจ โดยมีสภาพคล่องดีขนาดนี้ ถือเป็นสิ่งดีที่จะทำให้นักลงทุนรู้จักหุ้นตัวนี้มากขึ้น*การปรับตัวขึ้นของ UNIQ ตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นมานั้น เห็นได้ชัดว่า ราคาหุ้นที่ถูกกำหนดจองไอพีโอที่ 1.80 บาท เป็นราคาที่ต่ำจริงๆ เดี๊ยนเห็นคนที่ปล่อยหมูเข้าป่าไป ตั้งแต่วันแรก เห็นมานั่งเจ็บกระดองใจก็หลายคนนะเจ้าคะ

* "โมนิก้า"ไม่อยากชี้นำคะว่าราคาหุ้นจะไปได้ถึงไหน แต่เท่าที่ทราบจากที่ปรึกษาทางการเงิน ถ้าสภาพตลาดหุ้นดีกว่านี้จะตั้งราคาไอพีโอที่ 5-6 บาทเชียว (อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นราคาคุยหรือเปล่า) แต่ที่รู้ชัวร์ๆ คือ ตอนนี้ยังไม่มีใครเจ็บตัวถ้าถือหุ้น UNIQ ไว้ (ยกเว้นคนเล่นเน็ตฯ ) แสดงให้เห็นว่าเจ้ามือกะแจกคะ แต่ต้องระวังนะคะ ไม่รู้ว่าจะหยุดที่ตรงไหนใครเข้าคนสุดท้ายก็ดอยละคะ สภาพแบบนี้ยังไปได้อีกคะ ราคาหุ้นปิดที่ บาท บวกไป บาท

*การลาออกของเจ๊ ประกายดาว ครั้งนี้ คงทำให้หลายคนตกใจ เพราะบริษัทเพิ่งมีปัญหาต้องแจ้งตลาดฯเรื่องการจัดสรร ESOP ให้กับผู้บริหาร แล้วทำไม เจ๊ประกายดาวถึงลาออกซะอย่างนั้น ประเด็นเรื่อง ESOP ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ลาออก แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับซัพพลายเออร์ต่างหาก

*เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีข่าวว่า เจ๊ ประกายดาว ริหากินแบบง่ายๆ โดยนำเข้าโทรศัพท์มือถือที่เป็นเครื่องนอกเข้ามาขาย ซึ่งบางรุ่นก็ไปชนกับซัพพลายเออร์ พอตอนหลังความแตก เลยทำให้บรรดาซัพพลายเออร์อย่าง โซนี่ และโมโตโรล่า ไม่พอใจ และประกาศจะไม่ส่งสินค้าให้

*การตัดแขนตัดขาทางธุรกิจกันแบบนี้ ทำให้เจ๊ต้องถอยฉากอย่างแรง เหตุการณ์การทะเลาะกับซัพพลายเออร์ครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาก็มีเรื่องกับ ซัมซุง มาแล้ว จนต้องย้ายค่ายให้กับคนอื่นไปทำแทน ก็แหมตอนนี้ใครๆ ก็ต้องง้อซัพพลายเออร์ทั้งนั้น ลำพังแค่เป็นผู้จำหน่ายอย่างเดียวไปงัดข้อกับเขาไม่ได้หรอกคะ เพราะตอนนี้ใครๆก็อยากเป็นพันธมิตรกับซัพพลายเออร์ทั้งนั้นคะ จบแบบนี้ไม่สวยคะ ราคาหุ้นปิดที่ 3.54 บาท บวกไป 0.08 บาทคะ



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com