May 16, 2024   11:59:05 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > EVER หุ้นโหด คนเล่นเจ๊งพันล.
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 08/04/2007 @ 13:21:33
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

จับตาศึกหุ้น EVER คุกรุ่นระอุใกล้ปะทุถึงขั้นล้มมติเพิ่มทุน 300 ล้านบาทปลายเดือนเมษาฯนี้ของผู้ถือหุ้นใหญ่/ผู้บริหารภายใต้การนำของกลุ่มโลจายะ กับไมค์-บีสองเสี่ยพ่อ-ลูกผูกพันคนเก่งที่ถือหุ้นล่าสุดมีเพียงร้อยละ 20 ฟันกำไรเนื้อๆไปกว่าพันล้านบาทจากการเทขายหุ้นแถวๆ 9-11 บาทไปกว่า 120 ล้านหุ้น ทำเอาพวกขาใหญ่หลังหัก..แมงเม่าตามแห่ร้องระงมจมหนี้ เห็นทีงานนี้คงหนีไม่พ้นต้องมีรายการชำระเมนูอาหาร "ยำ-ตุ๋นหมู" ตามมาอย่างแน่นอน

แหล่งข่าวในวงการค้าหุ้น เปิดเผยกับ ดอกเบี้ยธุรกิจ ถึงเรื่องสุดฮือฮาในยุทธจักรค้าหุ้นไทยเวลานี้คือ หุ้น EVER ที่สร้างความหายนะมโหฬารแก่ผู้ลงทุนจำนวนมากที่เข้าไปซื้อหุ้นตัวนี้ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่ต้องหลังหักบาดเจ็บสาหัสนับพันล้านบาท เพราะถูกชี้ชวนเป็นการภายในให้นำเงินนับพันล้านบาทเข้าไปลงทุนในหุ้น EVER ณ ราคาระหว่าง 9-11 บาทอันเป็นระดับราคาสูงสุดของหุ้นตัวนี้ แล้วในที่สุดต่างทำใจขายขาดทุน ณ ราคาระหว่าง 3-4 บาท โดยยังเหลือหุ้นในมืออีกจำนวนมากที่ยังขายไม่ได้เนื่องเพราะราคาหุ้นได้หล่นฮวบลงมาอยู่ระดับ 1 บาทต้นๆก่อนที่จะมีการประกาศเพิ่มทุนอีก 300 ล้านบาท ในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 1 บาท ซึ่งจะมีการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการเพิ่มทุนในวันที่ 26 เมษายน ศกนี้

ขณะที่กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่หน้าใหม่ที่ไม่ได้มีส่วนเป็นผู้บริหาร/ผู้กุมอำนาจการจัดการต่างขาดทุนกันหน้ามืด อีกกลุ่มนักลงทุนรายกลางและรายย่อยประเภทตามแห่-แมงเม่าต่างประสบความหายนะไปตามๆกันนั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้กุมอำนาจด้านการบริหาร/การจัดการหุ้น EVER ต่างประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ฟันกำไรมหาศาลร่วม 1 พันล้านบาทจากการระบายขายหุ้นในมือออกไปกว่า 120 ล้านหุ้น ณ ราคาระหว่าง 8-11 บาท ทำให้ปริมาณหุ้นในมือที่เคยครอบครองกว่า 200 ล้านหุ้นลดลงเหลือประมาณ 70 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียนทั้งหมด 300 ล้านหุ้น โดยผู้ที่มีความสามารถทำกำไรได้มหาศาลดังกล่าวประกอบด้วย กลุ่มโลจายะ รวยจากงานนี้ไปกว่า 700 ล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มเสี่ยไมค์-เสี่ยบี สองพ่อลูกยอดเก่งฟันเงินไปได้กว่า 300 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมี บสท.(บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย) ที่ฟันกำไรงามจากการขายหุ้น EVER ก้อนโตในพอร์ตที่เกิดจากการแปลงหนี้เป็นทุนในเหตุการณ์ ยำ-ตุ๋นหมู หม้อใหญ่อย่างชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นรายการบุญหล่นทับโครมใหญ่แบบที่เจ้าหนี้ใหญ่อย่าง บสท. เองแทบจะไม่รู้ตัวและคาดไม่ถึงมาก่อนว่ามันจะให้ลาภมากมายเพียงนี้ โดยหุ้นดังกล่าวเกิดจากการเจรจาฟื้นฟูหนี้ บ.คันทรี่ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น เดิมทีมี นายสดาวุธ เตชะอุบล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหาร ต้องประสบปัญหาหนี้สินล้นท่วมหัวภายหลังเกิดวิกฤตปี 2540 แต่ภายหลังการเจรจาฟื้นฟูหนี้กับ บสท. ลงเอยได้ มีผู้ถือหุ้นใหญ่ประกอบด้วยกลุ่ม โลจายะ, เตชะอุบล, บสท. และได้กลับมาซื้อ/ขายในตลาดหุ้นอีกครั้งหนึ่งในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อยู่ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

รายงานข่าวกล่าวว่า สถานการณ์หุ้น EVER ได้ซบเซาเงียบเหงาไปนานภายหลังจากการถูก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประเคนมาตรการยำใหญ่ด้วยมาตรการห้ามซื้อ/ขายมาร์จิ้น ห้ามซื้อ/ขายแบบเนทเซทเทิลเม้นท์ ให้โบรกเกอร์ส่งรายชื่อนักลงทุนที่เข้ามาซื้อ/ขายหุ้นตัวนี้ ขณะที่กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ได้พยายามระดมเงินเข้าซื้อลงทุนถือยาวเพื่อประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้เลวร้าย แต่กลับต้องกลายเป็นเหยื่อของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่บางคน/บางกลุ่มที่มีหุ้นราคาถูกในมือ ต้นทุนเพียงแค่ 1-4 บาทเทขายให้โดยไม่สนใจว่าใครจะต้องหลังหัก เพราะตัวเลขเงินกำไรจากหุ้นมันมากจนเกินกว่าจะห้ามใจไหว ต่างเลือกกำเงินกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าจะรักษาคำพูด..สัญญาสุภาพบุรุษที่ให้ไว้แก่กันตอนไปดึงพวก นักลงทุนขาใหญ่ มาว่าจะช่วยกันสร้าง EVER ให้เป็นอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ในเมืองไทย

"เรื่องหักกันในหุ้น EVER คงไม่จบกันง่ายๆ เพราะประดาขาใหญ่เสียหายรวมๆกันร่วมพันล้านบาท ขณะที่รายย่อยประเภทตามแห่เมื่อรวมๆกันแล้วก็เสียหายพอๆกัน รวมๆแล้วงานนี้มีผู้เสียหายไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาทเลยทีเดียว ดังนั้นเชื่อได้ว่าคงจะไม่ลงเอยกันอย่างแฮปปี้เอนดิ้งแน่นอน" แหล่งข่าวระบุ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตจากราคาหุ้น EVER และปริมาณการซื้อ/ขายหุ้นที่เพิ่มขึ้นมากผิดสังเกตเมื่อวันจันทร์ที่ 2 เมษายนที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ผู้ครอบครองหุ้นไว้จะได้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน 1 ต่อ 1 และได้เข้าประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการเพิ่มทุน 300 ล้านบาทในวันพฤหัสฯที่ 26 เมษายนนี้ที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตในการทำควบกันคือทั้ง XRกับ XM ว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบมาพากล และอาจจะเกิดความไม่เป็นธรรมต่อนักลงทุนที่ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารได้

"มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวว่าในการประชุมผู้ถือหุ้นวันพฤหัสฯที่ 26 เมษายนนี้ ห้องประชุมคงร้อนระอุ เพราะการอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์ของนักลงทุนขาใหญ่..รายย่อยที่แห่กันไปประชุมล้นห้องอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่การเพิ่มทุน 300 ล้านบาทครั้งนี้จะประสบความล้มเหลวเนื่องเพราะผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เขาไม่เอาด้วย อีกทั้งการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่กุมอำนาจการบริหาร/การจัดการถือหุ้นรวมๆกันเพียง 70 ล้านหุ้น ประมาณร้อยละ 20 เท่านั้นเอง ส่วนใหญ่ขายหุ้นรวยกันเป็นร้อยล้านพันล้าน แต่กลับไม่เอาเงินมาซื้อหุ้นที่ตกมาต่ำๆแค่บาทต้นๆคืน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะโหวตแพ้ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เว้นเสียแต่ว่าจะไปไหว้วานโบรกเกอร์ที่ถือหุ้น EVER แทนผู้ถือหุ้นรายย่อยให้มอบฉันทะอำนาจการประชุมแทนให้พวกเขาก็พอจะสู้กันได้อย่างสูสี"

ดอกเบี้ยธุรกิจ[/color:92895af01f">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com