May 16, 2024   2:40:40 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > นายเรียนรู้
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 09/04/2007 @ 11:31:37
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แนวโน้มตลาดและกลยุทธ์การลงทุน
CNS ยังคงน้ำหนักการลงทุนที่ NEUTRAL และคาดการณ์กรอบทางเทคนิคสัปดาห์นี้ที่ขยับสูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านม เป็น 680-700 จุด โดยเราคาดว่า focus ในสัปดาห์นี้จะอยู่ที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 50bp ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ซึ่งอาจทำให้ตลาดฯ คึกคักในต้นสัปดาห์ แต่หากจะแผ่วลงในปลายสัปดาห์ก็ยังไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวล และเป็นโอกาส ?ทยอยซื้อสะสม? โดยในสัปดาห์นี้ เราเชื่อว่ากลุ่มอสังหาฯ จะยังเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากการปรับลดดอกเบี้ย และจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่น่าจะมีความคืบหน้า และทำให้ sentiment ที่ดีต่อกลุ่มอสังหาฯ ยังคงมีต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา

(1) การประชุมของคนง.วันที่ 11 เม.ย. (+) : จากการสำรวจของ Reuters จากนักเศรษฐศาสตร์ 7 คน (รวมทั้ง CNS) ใน 10 คน เชื่อว่าการประชุมคนง.จะปรับลดดอกเบี้ย RP1D อีก 0.50% เนื่องจาก เงินเฟ้อทั่วไปเดือนมี.ค.อยู่ที่ระดับ 2% y-y (ก.พ.07 = 2.3%) ด้านเงินเฟ้อพี้นฐานอ่อนตัวลงเล็กน้อยเหลือ 1.3%y-y ( ก.พ.07 = 1.4%) CNS คาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเหลือประมาณ 1.5-2.0%y-y ใน 2Q07 ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ในระดับ 1.1-1.3% y-y จากเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงได้ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือนหักด้วยเงินเฟ้อทั่วไป) อยู่ที่ 1.7% ใน มี.ค. เทียบกับเพียง 0.6% ในเดือน ส.ค.06 (ซึ่งเป็นเดือนที่เริ่มเห็นดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงเปลี่ยนเป็นบวก) CNS จึงคาดว่า คนง.จะสามารถลดดอกเบี้ยลง 50bp เหลือ 4.0% ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ได้ ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นไม่ให้อุปสงค์ในประเทศหดตัวลงมากกว่านี้

(2) Fundflow ยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทย (+) : .สัปดาห์ที่ผานมา (4 วันทำการ) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิถึง 5.4 พันล้านบาท สูงกว่าการซื้อสุทธิทั้งเดือนมี.ค.ที่ 1.3 พันล้านบาท ปัจจัยที่ CNS คาดว่าเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาในประเทศ เนื่องจาก: i) การเก็งกำไรจากการลดดอกเบี้ย RP1D, ii) ตลาดหุ้นไทยมี PE ต่ำสุดใน emerging markets จากการสำรวจของ Bloomberg พบว่าระดับ P/E ของตลาดไทยปีนี้อยู่ที่ 11.7 เท่า เทียบกับฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย (ซึ่งมีความเสี่ยงทางการเมืองไม่แพ้ไทย) ที่ 16.9 เท่า และ 19.2 เท่า ตามลำดับ ประกอบกับตลาดหุ้นไทยมี div.yield สูงที่สุดในภูมิภาค คือราว 4% และ iii) ตลาดไทยเป็นตลาดที่ underperformed ตลาดเพื่อนบ้าน โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2006 ตลาดไทยเป็นเพียงตลาดเดียวที่ปรับลดลงราว 6% ในขณะที่ตลาดอื่นปรับขึ้นมาก เช่น จีน (+>170%), อินโดนีเซีย (+58%),ฟิลิปปินส์ (+54%) และอินเดีย +32%)

(3) ปัจจัยอื่น ๆ (+/-) : การประกาศตัวเลขที่สำคัญของไทยและสหรัฐฯ คาดว่าวันที่ 12 เม.ย. จะมีการประกาศตัวเลข CCI ของไทย ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในวันที่ 12 เม.ย. จะมีการประกาศตัวเลขราคานำเข้าเดือน ก.พ. (consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% m-m) และวันที่ 13 เม.ย. สหรัฐฯ จะประกาศตัวเลข CCI & PPI เดือน เม.ย. (consensus คาดว่าอยู่ที่ 88.0 และ +0.7% ) รวมถึงตัวเลขดุลการค้าเดือน ก.พ. (consensus คาดว่าจะขาดดุลการค้า US$6.02 หมื่นล้าน)

กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ :
หุ้นเด่นประจำสัปดาห์นี้ แนะนำซื้อ LPN / TOP ส่วนหุ้นกลุ่มหลักที่แนะนำในสัปดาห์นี้ได้แก่:-

1) กลุ่มอสังหาฯ: ในทางปัจจัยพื้นฐาน เรายังชอบ LPN,SPALI, AP และ QH

2) กลุ่มโรงกลั่น: ค่าการกลั่นใน 1Q07 น่าจะออกมาสูงมาก และทำให้ผลประกอบการของหุ้นโรงกลั่นใน 1Q07 ดีขึ้นมาก โดยหุนที่เราแนะนำ ?ซื้อ? คือ TOP, RRC

3) กลุ่มธนาคาร: ผลกระทบเชิงลบที่จะเกิดขึ้นจาก net interest margin (ที่ลดลงสะท้อน yield จากการปล่อยกู้ที่ลดลงจากผลของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ ม.ค.07) น่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น แต่ผลดีในระยะยาวที่จะได้รับจากการใช้นโยบายการเงิน & การคลังกระตุ้นเศรษฐกิจน่าจะมีน้ำหนักมากกว่า แต่การลงทุนในกลุ่มนี้ต้อง selective มากขึ้น เราแนะนำให้เปลี่ยนการลงทุนโดยออกจาก SCB มาเป็น KBANK

ที่มา ทันหุ้น[/color:7a98b858df">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com