May 16, 2024   10:22:56 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 10/04/2007 @ 12:45:00
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2550 ปิดที่ดัชนี 688.55 จุด -3.92จุด มูลค่าการซื้อขาย 4,779 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 410.67 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 106.78 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 303.88 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ระดับ 693.25 จุด +0.78 จุด และ Low ที่ระดับ 687.74 จุด -4.73 จุด ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้เปิดทำการจากแดนบวกแล้วอ่อนตัวลงสู่แดนลบทันที ด้วยแรงขายจากหุ้นปูนใหญ่ถ่วงดัชนีจากการขึ้นเครื่องหมาย XD รับการปันผลมีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นโดยรวม ทั้ง Week ที่แล้วดัชนีได้ปรับขึ้นมามาก ซึ่งWeek นี้ดัชนีจะอยู่ในช่วงของการพักฐาน บวกกับปลาย Week นี้จะหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ติดต่อกันอีกถึง 4 วัน วอลุ่มก็คงจะมีไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนไปพักผ่อนกันและส่วนใหญ่ยังรอดูผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) ด้วย ตลาดจึงไม่ค่อยมีแรงซื้อดัชนีจึงลบยาวจนกระทั่งปิดตลาด

BEC ราคาเปิด 22.60 บาท ราคาปิด 22.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 15.50 ล้านบาท BEC คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิดีกว่าไตรมาส 1 ปีที่แล้วสาเหตุหลักมาจากรายการโดยรวมมีโมเมนตั้มดีช่วงไพร์มไทมม์
เรทติ้งดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ในปีที่แล้ว BEC มีรายได้จากการขายเวลาโฆษณา 6.11 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.2% จากปีก่อนหน้า ขณะที่มีกำไรสุทธิ 1.64 พันล้านบาท ดังนั้นจึงคาดว่า ในไตรมาส 2 ผลการดำเนินงานจะออกมาดีกว่าไตรมาส 1 จากการปรับผังรายการสุดสัปดาห์ และปีนี้ยังมีแผนลงทุนราว 200 ? 300 ล้านบาท
เท่ากับปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการดูแลอุปกรณ์ภายในบริษัท ขณะที่ไม่มีการลงทุนโครงการใหม่ อย่างไรก็ตาม K.KRAZIP มองว่าตลาดโฆษณาผ่านสื่อยังเติบโตได้ จากแผนการลงทุนในอนาคต ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีแนวโน้มผลประกอบการออกมาดีขึ้น ณ ราคาหุ้นปัจจุบันได้ปรับลงมาบวกกับทางเทคนิคมีสัญญาณให้ "ซื้อ" ที่แนวรับ 22บาท แนวต้าน 23 บาท

KMC ราคาเปิด 1.21 บาท ราคาปิด 1.23 บาท มูลค่าการซื้อขาย 19.78 ล้านบาท ทางKMC ได้เปิดเผยถึงการร่วมเจรจาขายหุ้นเพิ่มทุน 1.5 พันล้านหุ้น ให้กับกลุ่ม SOPHAST ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มต่างชาติและนักลงทุนไทยที่สนใจจะร่วมลงทุนกับ KMC ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา และผลการเจรจายังไม่ทราบแน่ชัดว่ากลุ่มดังกล่าวจะตกลงซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ KMC หรือไม่ คาดว่าจะสรุปได้ในสิ้นเดือนเมษายนนี้ และขณะเดียวกันยังมีนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติอีก 2-3 ราย สนใจเข้าลงทุนกับ KMC เช่นกัน นอกจากนี้ผู้บริหาร KMC ยังคาดว่าผลประกอบการของบริษัทยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากการเปิดขายโครงการเดิมและโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง
และหากบริษัทได้รับเงินจากการเพิ่มทุนตามแผนที่วางไว้ ก็จะปรับยอดขายปีนี้ไปที่ 2.4 พันล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่ปรับลงมา 1.6 พันล้านบาท ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวรับ 1.20 บาท แนวต้าน1.30 บาท

ATC ราคาเปิด 49.50 บาท ราคาปิด 48.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 140.61 ล้านบาท คาดว่ากำไรสุทธิQ1/50 จะออกมาแข็งแกร่ง Norm Profit จะอยู่ที่ 2.03พันล้านบาท ดีขึ้นมากจาก Q1/49 ที่ขาดทุนสุทธิ 13 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 3%QoQ เนื่องจาก Product-to-feed marginที่เพิ่มขึ้นสามารถชดเชยกับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
และปริมาณขายที่ต่ำลงเพราะปิดโรงงานชั่วคราว 1สัปดาห์ คาดว่าราคาผลิตภัณฑ์หลักจะทรงตัวสูง เพราะอุปทานใหม่ของ Paraxylene และ Benzene ออกมาล่าช้ากว่าเดิม ส่วนแผนการควบรวมกับ RRC จะได้ข้อสรุปภายในเดือนเม.ย.นี้ และ ATC น่าจะใช้ประโยชน์จากผลขาดทุนสะสมที่เหลืออยู่ 8 พันล้านบาท นำมาลดภาษีในปี 2550 ก่อนการขยายกำลังการผลิตเป็นไปตามแผน ณ เดือนก.พ.2550โครงการอะโรเมติกส์ II มีความคืบหน้าแล้ว 64% คาดว่าจะแล้วเสร็จในQ3/51 ซึ่งโครงการนี้จะมีกำลังการผลิต Paraxylene เพิ่ม 6.16 แสนตัน และ Benzene
เพิ่ม 3.64 แสนตัน ทำให้ ATC จะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มอีกเท่าตัว และ ATC กำลังพิจารณาโครงการลงทุนใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ " ซื้อลงทุน" แนวรับ 47.50 บาท แนวต้าน 52 บาท

BBL ราคาเปิด - ปิด113บาท มูลค่าการซื้อขาย183.88 ล้านบาท คาดการณ์ 1Q/50 BBL จะมีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 26% โดยคาดว่ากำไรเพิ่มขึ้น ต่อไตรมาสจะมาจาก สาเหตุหลักจากการตั้งสำรองหนี้ลดลง ทาง ด้าน สินเชื่อ คาดว่าใน 1Q/50 ยอดสินเชื่อจะยังทรงตัวเทียบ ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวโดยแบงค์กรุงเทพจะมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง สาเหตุหลักมาจากกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลง และมีค่าใช้จ่ายภาษีเพิ่มขึ้น เพราะการกลับมาเสียภาษีตามปกติในปี 50 และส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้นใน 2Q/50 และแนวโน้มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยใน2Q/07เพิ่มขึ้นจากเงินฝากอัตราดอกเบี้ยพิเศษในปีก่อนที่ได้หมดอายุลงที่ผ่านมาจะเห็นผลเต็มที่และทามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่มธนาคาร ทางBBLมีความเสี่ยงที่ต้องสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับคู่แข่งโดยเฉพาะในกลุ่มSMEs ที่หลายธนาคารมีการดำเนินการอยู่ แต่ข้อได้เปรียบด้านฐานลูกค้าขนาดใหญ่และความสัมพันธ์ที่ยาวนาน ทำ
ให้เราคาดแบงค์กรุงเทพว่ายังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ในกลุ่มธนาคารอื่นๆ ได้อย่างดี ดังนั้นK.KRAZIP จึงแนะนำ "ซื้อ" ที่แนวรับ 111 บาท แนวต้าน 115 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:ddc275c8a0">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com