Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 24/04/2007 @ 11:20:05 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ซื้อ HANA เป้าหมาย 31.60 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) (มหาชน) แนะนำ ซื้อ HANA แม้ว่าการขายจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประมาณการของฝ่ายวิจัย แต่มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นเงินสดเพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นค่า 07EPS ที่จะเพิ่มขึ้นอีก 0.73 บาทต่อหุ้นอาจทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้นในปีนี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยจะติดตามมาแจ้งให้ทราบต่อไป
แต่ยังเชื่อว่าเงินปันผลจะสูงขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายของ HANA ในปี 2550 มีเพียง USD25 ล้านเทียบกับ USD50 ล้านในปี 2549 ทำให้คาดว่า DPS จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.60 บาทในปี 2550 หรือคิดเป็นผลตอบแทน 6.1% ปัจจุบันราคาหุ้น HANA มีการซื้อขายในระดับราคาที่ค่อนข้างต่ำเพียง 9.2x PE มองเห็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นก่อนที่ราคาจะปรับขึ้นในไตรมาส 3/2550 ในฐานะที่เป็นผู้ได้ประโยชน์รายใหญ่จากวงจรขาขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก (2549-2552) คงแนะนำ ?ซื้อ? โดยมีราคาเป้าหมายที่ 31.6 บาท
ซื้อ ERAWAN เป้าหมาย 4.68 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ ERAWAN แม้อัตราการเข้าพักของโรงแรมในกรุงเทพช่วงไตรมาส 1/2550 ลดลง แต่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในงวดไตรมาส 2/2550 เนื่องจากจะมีจำนวนห้องพักที่ถูกยกเลิกบางส่วนราว 26% จะกลับเข้ามาพักอีกครั้งในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เดือน เมษายน 2550 ขณะที่การจำหน่ายกิจการอัมรินทร์ พลาซ่า แม้จะทำให้สูญเสียรายได้ตั้งแต่งวดไตรมาส 2/2550 แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีสัดส่วนรายได้น้อย อย่างไรก็ตามการดำเนินงานระยะยาว ที่มุ่งเน้นสู่การพัฒนาธุรกิจโรงแรมมากขึ้น จะเข้ามาช่วยสร้างรายได้มากขึ้นในอนาคต เห็นได้จากโรงแรมใหม่ 2 แห่งที่จะเริ่มเปิดบริการช่วงครึ่งปีหลังขอปีนี้ ทั้งปี คงคาด Norm profit ปี 2550 เติบโต 6.5% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน ผลจากการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายกิจการอัมรินทร์ พลาซ่า โดยรวมคงแนะนำซื้อ ภายใต้วิธี DCF มูลค่าพื้นฐานปี 2550 อยู่ที่ 4.68 บาท มี upside 28.6%
ซื้อลงทุน JTS เป้าหมาย 3.81 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด แนะนำ ซื้อลงทุน JTS ระยะสั้นแม้ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2550 ของ JTS จะไม่สดใส แต่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวกำไรสุทธิของบริษัทตั้งแต่ไตรมาส 2/2550 ขึ้นไป โดยมีปัจจัยสนับสนุน 3 ประการ ได้แก่ 1.การประสบความสำเร็จในการจำหน่ายเครื่องมือวัดและทดสอบสัญญาณด้านโทรคมนาคมแบบใหม่ (Net Test) ที่ปัจจุบัน เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง (ทยอยส่งมอบแล้วราว 50 ล้านบาทในช่วงต้น 2Q50 ) , 2. มูลค่างานโครงการในมือ (Backlog) ในปัจจุบันที่ยังเหลือกว่า 840 ล้านบาทประกอบกับยังมีงานต่อเนื่องที่อยู่ระหว่างรอประมูลอีก 1,800 ล้านบาทในกลางปีนี้ และ 3. ผลบวกจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลงและสิทธิประโยชน์ทางภาษีหลังเข้าจดทะเบียนใน SET ในปี 49 ที่ผ่านมา ส่งผลต่อเนื่องยังคงประมาณการผลประกอบการปกติปี 2550 ของ JTS ขยายตัวอีก 3.4% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 296 ล้านบาท คำแนะนำ ?ซื้อลงทุน? โดยคงราคาเป้าหมายที่เหมาะสมปี 2550 ที่ 3.81 บาทอ้างอิงวิธี PER 9 เท่า ซึ่งมี Upside Gain ราว 46%
ถือ PTTEP เป้าหมาย 95.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส จำกัด แนะนำ ถือ PTTEP ผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้นหลังไตรมาส 1/2550 เพราะปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปี 50-52 ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% ต่อปีเนื่องจากโครงการใหม่เริ่มดำเนินการ แต่กำไรสุทธิจะเติบโตน้อยกว่าคือ 4% ในปี 2550 และลดลง 3% ในปี 2551 เพราะสมมติฐานราคาน้ำมันดิบที่ลดลงและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เราปรับราคาตามพื้นฐานลงเป็น 95 บาท (เดิม 97 บาท) สะท้อนสมมติฐานเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แนะนำถือ ราคาหุ้น PTTEP ปรับลงมาแล้ว 7% YTD เพราะความกังวลกับค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงขึ้น ขณะที่ SET ปรับขึ้น 1% และราคาน้ำมันดิบ Brent ขยับขึ้น 12% เชื่อว่า Downside Risk ค่อนข้างจำกัด ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ปริมาณขายจากโครงการใหม่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 50-52 และยังมีโอกาสที่จะพบแหล่งปิโตรเลียมใหม่จากโครงการสำรวจที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน จึงคงคำแนะนำถือ โดยราคาตามพื้นฐาน 95 บาทสูงกว่าราคาปัจจุบัน 6% แต่คาดการณ์ว่าจะให้ Dividend Yield ปี 50 อีก 4%
ที่มา ทันหุ้น[/color:b7d3606fb1">
|
