***เกียรตินาคิน มองดัชนีฯ Q2/50 จะซึมอยู่ที่ 660-700 จุด ทั้งคาด กนง.จะลดดบ.อีก 0.25-50%
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน จำกัด ได้กล่าวในงานสัมมนาประจำปี efinancethai2007 ในหัวข้อ SET คึก ซึม ทรุด หลังทำบุญประเทศ ว่า โดยส่วนตัวมองว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2550 นี้ ตลาดหลักทรัพย์ไทยจอยู่ในช่วงภาวะการซึมตัว โดยจะมีแนวรับอยู่ที่ 660 จุด และมีแนวต้านอยู่ที่ 700 จุด หากสถานการณ์ทางการเมืองยังคงมีความเคลื่อนไหวและมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้าง แต่ยังไมถึงกับเกิดปัญหาขัดแย้งอย่างรุนแรง
ในขณะที่การจัดร่างรัฐธรรมนูญยังคงเดินหน้าต่อไป ส่วนปัจจัยอื่นๆ อาทิ อัตราดอกเบี้ย ยังปรับตัวลดลง ซึ่งคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกประมาณ 0.25-0.50% ได้ ส่วนราคาน้ำมันจะทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม หากปัจจัยเหล่านี้มีความเปลี่ยนแปลงไป หรือมีทิศทางที่เลวร้ายลง ดัชนีตลาดหุ้นได้อาจจะมีการปรับตัวลงได้ ซึ่งในช่วงของครึ่งปีหลังของปีนี้จะเป็นอย่างไรจะทรุดลงหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะมีการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการได้หรือไม่
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ให้เลือกดูหุ้นที่มีผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ออกมาดี โดยในกลุ่มธนาคาร แนะนำให้เลือก KBANK, SCB และ BBL ส่วนตัวของ TMB ที่มีผลประกอบการออกมาดีกว่าที่คาดกันไว้นั้น เป็นผลมาจากการตั้งสำรองที่ลดลง แต่ยังมีความกังวลในเรื่องการเพิ่มทุนที่ยังไม่มีความชัดเจน ดังนั้นจึงไม่น่าสนใจ
นอกจากนี้ ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่มีผลประกอบการในไรมาสแรกของปีกระเตื้องขึ้น เช่น CCET และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ได้กำไรจากการชำระหนี้ต่างประเทศ เช่น TPIPL ซึ่งมีหนี้ต่างประเทศสูง โดยจะได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาท รวมทั้งมีช่องว่างสำหรับการเหวี่ยงของหุ้น ที่น่าจะไปได้ต่อถึง 12.50-13 บาท
ส่วนหุ้นในลุ่มพลังงานให้ตั้งรับแม้ว่ากลุ่มโรงกลั่นน้ำมันมีการคาดการณ์ว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นตามค่าการกลั่นที่ปรับตัวเพิ่ม แต่ราคาหุ้นก็ได้สะท้อนประเด็นดังกล่าวไปแล้ว ส่วนหุ้นกลุ่มสื่อสาร ให้เลือก TT&T ที่น่าจะได้ประโยชน์หากโครงการ เทเลคอม พูล และสัญญาโทรคมนาคม มีความคืบหน้า รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งหากภาครัฐมีความคืบหน้าดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าก็จะทำให้กลุ่มดังกล่าวได้ประโยชน์
**** SCBS เชื่อหุ้นไทยอาจทรุดตัวช่วงแรก แต่จะดีดกลับได้เร็ว เหตุ นลท.ต่างชาติยังซื้อสุทธิ
นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์(SCBS) กล่าวในงานสัมมนาประจำปี efinancethai2007 ในหัวข้อ SET คึก ซึม ทรุด หลังทำบุญประเทศ ว่า มีมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยว่าในช่วงแรกนี้อาจจะทรุดลงก่อน หลังจากนั้นก็น่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แรงและเร็ว เนื่องจากยังพบว่ามีเงินจากนักลงทุนต่างประเทศรอซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยอยู่ และมีเพียงไม่ถึง 10% ที่ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยลง
แม้ว่าที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติจะซื้อสุทธิมาโดยตลอด ตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ก็มองว่ายังคงซื้อไม่เต็มที่ ดังนั้นตรงนี้ก็เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยได้ นายอดิพงษ์ กล่าว
ส่วนการที่นักลงทุนต่างชาติจะนำเงินลงทุนออกจากประเทศไทย ยังไม่รู้แน่ชัด ดังนั้นก็ต้องเฝ้าระวังต่อไป หากประเทศจีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอเศรษฐกิจก็จะส่งผลให้เงินไหลเข้าลดลงและจะส่งกระทบต่อประเทศในภูมิภาคเดียวกันด้วย และตลาดหุ้นไทยที่ค่อนข้างนิ่งหากลงก็จะลงแรงได้
****ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ฟันธง ตลาดหุ้นไทยปี 50 ทรงตัว เหตุรับผลกระทบจากการชะลอตัวทาง ศก.ประเทศมหาอำนาจ
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลัทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวในงานสัมมนาประจำปี efinancethai2007 ในหัวข้อ SET คึก ซึม ทรุด หลังทำบุญประเทศ ว่า ทิศทางของตลาดหุ้นในภาพรวมในปีนี้ คาดว่าลักษณะตลาดจะเป็นแบบทรงตัว โดยมีผลกระทบจากปัจจัยภายในประเทศ คือปัญหาทางการเมือง และปัจจัยภายนอกประเทศที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการที่เศรษฐกิจกประเทศสหรัฐและจีน มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก ซึ่งถือว่ามีส่วนเกี่ยวพันทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศด้วย
ทั้งนี้ มองว่า EPS Growth ของตลาดหุ้นไทย จะสอดคล้องกันคือติดลบประมาณ 0.5%ซึ่งมีสาเหตุมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงานมีกำไรลดลงในปีนี้จากราคาน้ำมันที่ไม่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จะได้หุ้นในกลุ่มธนาคารและรับเหมาก่อสร้างเป็นตัวช่วยดึงตลาด เนื่องจากในปีนี้หุ้นทั้ง 2 กลุ่ม ไม่ต้องมีการกันสำรองมากเท่าปีที่ผ่านมา จึงมองว่าตลาดโดยรวมจะทรงตัวในปีนี้ โดยหุ้นที่น่าสในใจลงทุน ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะ BBLและ KBANK
นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เหมืองแร่ และปิโตรเคมี ในขณะที่หุ้นเด่น ได้แก่ CCET, PDI และ ATC
****พัฒนสิน ชี้ นลท.ต่างชาติยังมองตลาดหุ้นไทยดี เชื่อครึ่งปีหลังดัชนีฯ มีโอกาสฟื้นตัว
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้บังคับบัญชา สายงานวิจัย บล.พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS ได้กล่าวในงานสัมมนาประจำปี efinancethai2007 ในหัวข้อ SET คึก ซึม ทรุด หลังทำบุญประเทศ ว่า มุมมองนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะในส่วนของนักลงทุนญี่ปุ่น แต่ก็ยังมีประเด็นที่กังวลในเรื่องของมาตรการกันสำรองการลงทุน 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง ที่ยังมีการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกของปีนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงซึมตัว แต่ยังมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวในครึ่งปีหลังได้ หากมีความชัดเจนของการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีนักลงทุนประเภท Heged Fund กลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น และหนุนให้ดัชนีตลาดมีการปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปันผลสูง เฉลี่ย 5-6% โดยหุ้นที่แนะนำให้เก็งกำไรในระยะสั้น เป็นหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี เดินเรือ และเหล็กปลายน้ำ โดยคาดว่าหุ้นใน 3 กลุ่มนี้ จะเป็นหุ้นที่ให้กำไรในระยะสั้นในช่วงไตรมาสที่ 1-2 แต่ในครึ่งปีหลังของปี จะชะลอตัวลง
ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคารที่แนะนำ ประกอบด้วย BBL และ KBANK ในส่วนของ SCIB เป็นอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจ และแนะนำให้ลงทุนในระยะยาว เนื่องจากมีโอกาสควบรวมกิจการในช่วงปลายปี ทั้งนี้ในหุ้นส่วนพลังงานแนะนำ PTTEP
นอกจากนี้ ยังมีหุ้นในส่วนโรงแรม เช่น MINT, ERAWAN และกลุ่มโรงพยาบาล เช่น BGH ซึ่งถือเป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจ และในขณะนี้ในต่างประเทศหุ้นในกลุ่มดังกล่าวยังได้รับความสนใจในระดับสูง