SET
หลังจากที่ปรับลงทดสอบ gap บริเวณ 686 จุด ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ดัชนีสามารถดีดกลับได้อีกครั้งหนึ่งขณะนี้กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 692 จุด แม้ภาพระยะสั้นจะเป็นไปในเชิงบวก แต่สัญญาณขายที่เกิดจากRSI นั้นยังทรงอิทธิพล และอาจทำให้ดัชนีเกิดการปรับฐานครั้งสำคัญได้

มุมมองระยะกลาง - MINT
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
MINT พักฐานระยะสั้นหลังจากที่ทำจุดสูงสุดครั้งใหม่ที่12.50 บาท เมื่อเดือน ธ.ค. 49 ราคาหุ้นปรับลงมาไม่มากโดยยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์ ที่ 10.00 บาทอย่างมั่นคง ขณะนี้ Stochastic รายสัปดาห์ เริ่มฟื้นตัวขึ้นบ่งบอกถึงทิศทางเชิงบวกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ในแนวโน้มระยะยาว

หุ้นเด่น เล่นสั้น - TT&T
กลยุทธ์การลงทุน: เก็งกำไร
จากกราฟรายวัน ราคามีการสะสมกำลังมา ระยะหนึ่ง พร้อมกับรูปแบบแท่งเทียนที่กลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้น ยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณจุดสูงสุดครั้งก่อนหน้านี้ที่ 1.15-1.18 บาท จึงแนะนำซื้อ โดยให้แนวรับที่ 1.02-1.05 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 1.00 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน

หุ้นเด่น เล่นสั้น - DEMCO
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวัน มี Golden Cross เกิดขึ้น พร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern กลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้น ยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ บริเวณ 4.20-4.30 บาท จึงแนะนำซื้อ โดยให้แนวรับที่ 3.60-3.70 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 3.58 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน

[b:1a5880f61f">กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ : TITV จะถูกแปลงเป็นสื่อสาธารณะ - เท่าตลาด[/b:1a5880f61f">
กรุงเทพธุรกิจ 25 เมษายน 2550

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แปลง TITV เป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะ โดยมีงบประมาณสนับสนุนจากภาษีสรรพสามิต หรือกองทุนที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นกรณีพิเศษ แทนรายได้จากการโฆษณา

ความเห็นนักวิเคราะห์

คาดโอกาสที่งบโฆษณาจาก TITV จะไหลไปช่องอื่น จึงเป็นไปได้เพียงบางส่วนไม่เกิน 50%
แต่จะเป็นแรงสนับสนุนให้ช่องอื่นๆ มีโอกาสปรับขึ้นค่าโฆษณาได้ง่ายขึ้น
BEC จะได้ประโยชน์มากจากรูปแบบรายการที่เน้นบันเทิง แต่ MCOT น่าสนใจมากกว่าในเชิงการมูลค่าพื้นฐาน

หากเปลี่ยนสถานะของ TITV เป็นสถานีโทรทัศน์ที่ไม่มีโฆษณาตามแนวทางดังกล่าว เราคาดว่าจะทำให้มีการใช้งบโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ลดลงราว 1,000-1,200 ล้านบาท เนื่องจากประเมินว่าจะมีงบโฆษณาจาก TITV เพียงไม่เกิน 50% ของรายได้โฆษณา TITV (ประมาณ 2,000 ล้านบาท/ปี) ที่ไหลไปช่องอื่น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ของ TITV เป็นสินค้าลักษณะ mass ที่ลงโฆษณาในช่องอื่นๆ อยู่แล้วด้วยเช่นกัน โอกาสที่งบโฆษณาจาก TITV จะไหลไปช่องอื่น จึงน่าจะเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความต้องการซื้อเวลาโฆษณาในช่องอื่นๆที่เพิ่มขึ้น จะเป็นแรงสนับสนุนให้ช่องอื่นๆ มีโอกาสปรับขึ้นค่าโฆษณาได้ง่ายขึ้น

เราประเมินว่า BEC (มูลค่าพื้นฐาน 19.54 บาท DCF, wacc 12.2%) จะได้ประโยชน์มากกว่า MCOT ในกรณีนี้ จากรูปแบบรายการที่เน้นบันเทิงมากกว่า ในขณะที่ primetime ของ MCOT เป็นรายการข่าวและสาระ ซึ่งน่าจะมีความใกล้เคียงกับรายการของสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ดังนั้น การเก็งกำไร BEC จากประเด็นดังกล่าว ยังคงเป็นโอกาสในการ ขายทำกำไร เพราะเราประเมินว่าปัจจัยบวกดังกล่าวไม่ได้ทำให้กำไรของ BEC เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย เนื่องจากปริมาณขายเวลาโฆษณาในช่วง primetime ของ BEC ใกล้เต็มอยู่แล้ว อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันที่ซื้อขายที่ PE 21 เท่า และ PEG ที่ 1.2 เท่า สะท้อนแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานปี 50 แล้ว ในขณะที่ MCOT (มูลค่าพื้นฐานที่ 28.05 บาท DCF, wacc 13.4%) ยังน่าสนใจมากกว่า จากแนวโน้มการฟื้นตัวของรายได้โฆษณาตามรายงาน Nielsen ในเดือน มี.ค. 50 เพิ่มขึ้น 23% จากเดือน ก.พ. สูงสุดในกลุ่มสถานีโทรทัศน์ ซึ่งน่าจะทำให้รายได้ในช่วงที่เหลือของปี ฟื้นตัวได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์

[b:08d7fdbdf9">จับเทคนิค TFEX? [/b:08d7fdbdf9">

ที่มา : ทันหุ้น
นายกิดาการ สุวรรณธรรมา ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จับเทคนิค TFEX ให้กับนักลงทุน
แนวรับ แนวต้าน
SET50 479 485
S50M07 489 493
แนวโน้มตลาดในวันนี้น่าจะยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ ซึ่งวานนี้สามารถยืนอยู่เหนือระดับแนวต้านสำคัญได้ หากวันนี้สามารถยืนอยู่ที่ระดับ 491 จุดได้ ตลาดน่าจะปรับตัวขึ้นต่อ โดยกลยุทธ์การลงทุนสำหรับสัญญาเดือนมิถุนายน (S50M07) สามารถขึ้นไปทะลุ 493 จุดได้ ให้กลับด้านอยู่ในสถานะ ?Long?

[b:752c5fb46f">Samlee Corporation ได้หุ้น TRC มา 12.47% โดยการแลกหุ้นกับ"สหการวิศวกร"[/b:752c5fb46f">

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้รับแบบรายงานการได้หุ้นของบมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น(TRC) โดย Samlee Corporation ได้มาเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2550 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา 32 ล้านหุ้นหรือคิดเป็นเป็น 12.47% ภายหลังได้หุ้นมาครั้งนี้จะถือหุ้น 32 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 12.47%
ทั้งนี้ ได้หุ้น TRC มาจากการแลกหุ้นระหว่างผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท สหการวิศวกร จำกัด กับ TRC ในอัตราแลกหุ้น 1 หุ้นของ TRC ต่อ 0.15 หุ้นของบริษัท สหการวิศวกร จำกัด โดยได้มาในราคา 2.75 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ได้มาเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2550

[b:1961245d77">หุ้นรับเหมาขึ้นรับข่าวเร่งประมูลรถไฟฟ้า/CK เด่นหลังศึกษาโรงไฟฟ้าในลาว [/b:1961245d77">

นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า เช้านี้หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างปรับขึ้น จากข่าวกระทรวงคมนาคมจะเร่งประมูลงานรถไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยที่จะไม่รอเงินกู้จากเจบิกแล้ว เพราะมีข่าวไม่แน่นอนเกิดขึ้นว่าจะกู้เจบิกได้หรือเปล่าเพราะบางครั้งก็บอกว่าเจบิกก็รอดูก่อนเพราะการเมืองเรายังไม่นิ่ง ขณะที่รมว.เศรษฐกิจก็ยืนยันว่ายังให้กู้จึงยังมีข่าวที่ไม่แน่นอน แต่ถ้าปีนี้ประมูลได้งานหนึ่งอาจเป็นสายสีแดงหรือน้ำเงิน ก็จะทำให้กลุ่มรับเหมาฯคึกคักมากขึ้นเพราะเป็นตัวนำตัวหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ เพราะที่ทราบตอนนี้เศรษฐกิจเรามีปรับ GDP ลงมาเรื่อยๆ คงต้องเร่งเมกะโปรเจกต์ขึ้นมา แต่การก่อสร้างจริงจะเกิดขึ้นปี 51 อย่างเร็ว เพราะกว่าจะร่างแบบ เจรจาไฟแนนซ์ หาผู้รับเหมาต้องใช้กระบวนการนาน

"ก่อสร้างจริงอย่างเร็วปี 51 ช่วงนี้เป็นการเทรดดิ้งกลุ่มอื่นขึ้นมาบ้าง จากเป็นแบงก์ พลังงาน เดินเรือ วันนี้มากลุ่มผู้รับเหมาฯ หุ้นแนะนำของเราเป็น CK เมื่อเช้ามีข่าวดีว่าบริษัทย่อยกำลังศึกษาสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานที่ลาว"นักวิเคราะห์ กล่าว

แนะนำซื้อ CK,STEC,SYNTEC โดย CK ให้ราคาเป้าหมายที่ 9.23 บาท ,STEC อยู่ที่ 5.56 บาท และ SYNTEC 1.50 บาท ยังมี Upside พอสมควร
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.25 น.
หุ้น CK อยู่ที่ 7.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+3.47%)
หุ้น ITD อยู่ที่ 5.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท (+2.97%)
หุ้น STEC อยู่ที่ 4.46 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท (+2.77%)
หุ้น SYNTEC อยู่ที่ 0.97 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท (+1.04%)

[b:3a90c4b531">เป๋าสตีลเผยกำไรไตรมาส 1 ปี 50 พุ่ง 156% คาดกำไรครึ่งปีแรกพุ่งกว่า 50% [/b:3a90c4b531">

บริษัท เป๋าชาน ไอรอน แอนด์ สตีล คอมพานี ลิมิเต็ด หรือเป๋าสตีล (SHA 600019) กล่าวว่า กำไรรวมของบริษัทในไตรมาสแรกของปีพุ่งขึ้น 156.38% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็น 3.68 พันล้านหยวน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายที่เพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการกล่าวถึงยอดขายและราคาขายในเอกสารบัญชีการเงินที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้

โดยรายได้จากธุรกิจหลักในไตรมาสแรกมีมูลค่า 4.298 หมื่นล้านหยวน เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มีมูลค่า 3.34 หมื่นล้านหยวน

กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.21 หยวน เพิ่มขึ้นจากระดับ 0.08 หยวนเมื่อปีที่แล้ว
สินทรัพย์ทั้งหมดมีมูลค่า 1.7784 แสนล้านหยวนเมื่อสิ้นสุดเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 6.99% จาก 1.6621 แสนล้านหยวนเมื่อสิ้นสุดปี 2549

โดยบริษัทคาดการณ์ว่า กำไรรวมในช่วง 6 เดือนแรกของปีน่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 50% จาก 4.389 พันล้านหยวน หรือหุ้นละ 0.25 หยวนเมื่อปีที่แล้ว

ทั้งนี้ เซี่ยงไฮ้ เป๋าสตีล กรุ๊ป เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของเป๋าสตีลซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดของจีน โดยถือหุ้นในบริษัทกว่า 75.28% สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงาน

Z-Strategy
ดัชนีปรับขึ้นต่อทดสอบ 695 จุด ตามดาวโจนส์ทำสถิติเหนือ 13,000 จุด แนะนำหุ้น Laggard และมีปัจจัยหนุน - PTTEP, RRC, SCC, GLOW

Technical Analysis
ดัชนีดีดกลับได้หลังจากปรับลงไปถึงกรอบล่างของ gap บริเวณ 686 จุด และกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 692 จุดอีกครั้ง แม้ภาพระยะสั้นจะเป็นบวก แต่สัญญาณขายที่เกิดจาก
RSI อาจทำให้เกิดการปรับฐานได้ทุกเมื่อ

ฦ MINT: แกว่งตัวแถว 10-11 บาทกว่าสี่เดือน จนกลายเป็นฐานการเปลี่ยนแนวโน้มที่สำคัญ การดีดตัวครั้งหน้ามีความเป็นไปได้มากที่ราคาจะทำจุดสูงสุดใหม่

ฦ TT&T: รูปแบบ Tower Bottom เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 และเส้น 75 วัน มีนัยถึงการดีดกลับครั้งสำคัญ โดยมีโอกาสทดสอบแนวเคลื่อนตัวของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่ 1.25 บาท

ฦ DEMCO: การปรับลงของ DEMCO ช่วงที่ผ่านมา เป็นเพราะอิทธิพลของ Tweezers Top ราคาอ่อนตัวลงถึงเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ราว 3.70 บาทก็ทรงตัวได้ และน่าจะใช้แนวรับดังกล่าวดีดตัวทำจุดสูงสุดใหม่ได้ต่อไป

Z-Focus
News Comment

ฦ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง: คลัง คาดเจบิคอนุมัติเงินกู้ ส.ค. - ก.ย. นี้ - มากกว่าตลาด
Quarterly Preview

ฦ RRC: กำไรปกติฯ ไตรมาส 1/50 เพิ่มขึ้น 23% จาก GRM ที่สูงขึ้น - เก็งกำไร

ฦ TOP: กำไรปกติฯ ไตรมาส 1/50 เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด - เก็งกำไร

Z-SCAN
Quarterly Preview

ฦ MAJOR: กำไรเด่นในไตรมาส 1/50.. - ซื้อ
Statistic Info

ปฏิทินหุ้น, รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร
NVDR, Commodities Move, Warrants

[b:1150a5a081">BT ร่วง 6.67% โบรกฯคาดรับผลกระทบหลังเพิ่มทุนขายในราคาแค่ 3.46 บ. [/b:1150a5a081">

หุ้น BT ราคาร่วงลง 6.67% มาอยู่ที่ 3.92 บาท ลดลง 0.28 บาท มูลค่าซื้อขาย 8.91 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.12 น. โดยเปิดตลาดที่ 4.18 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 4.18 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.90 บาท

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ราคาหุ้น BT ร่วงลงมากในเช้านี้ เนื่องจากรับผลกระทบจากการประกาศเพิ่มทุน โดยเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคา 3.46 บาท/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ ทำให้เห็นถึงส่วนต่างราคาเมื่อเทียบกับราคาบนกระดาน

ทั้งนี้ แรงขายหุ้น BT ทำให้สัญญาณทางเทคนิคของ BT เปลี่ยนเป็นขาลง โดยให้แนวรับ 3.70 บาท แนวต้าน 4.00 บาท

เช้านี้ ธนาคารไทยธนาคาร(BT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร อนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งหมด จำนวน 2,224,900,000 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งมีชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของธนาคาร ณ วันที่ 9 พ.ค.2550 ในอัตรา 1 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 3.46 บาทต่อหุ้น

[b:d7565ec10c">ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดเช้าบวก 3.73 จุด ตามภูมิภาคแรงหนุนดาวโจนส์นิวไฮ หุ้นน้ำมันเด่น [/b:d7565ec10c">

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 694.03 จุด เพิ่มขึ้น 3.73 จุด (+0.54%) มูลค่าการซื้อขาย 5,898 ล้านบาท ตลาดหุ้นปรับขึ้นตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ได้รับแรงหนุนจากดาวโจนส์ทำนิวไฮ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดีดขึ้นมากกว่า 1 เหรียญฯ และค่าการกลั่นทรงตัวแถว 10 เหรียญฯ ส่งผลหุ้นน้ำมันดีดแรง รวมทั้งหุ้นรับเหมาฯรับข่าวรัฐจะประมูลรถไฟฟ้า 2 สาย แนวโน้มบ่ายประคองตัวในแดนบวกได้ แนวรับ 690 จุด แนวต้าน 696 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 694.03 จุด เพิ่มขึ้น 3.73 จุด(+0.54%) มูลค่าการซื้อขาย 5,898 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวดตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 695.91 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 692.85 จุด

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับขึ้นตามภาวะตลาดหุ้นภูมิภาคที่ได้รับแรงหนุนจากดาวโจนส์ทำนิวไฮขึ้นมา ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดีดขึ้นมากว่า 1 เหรียญฯ/บาร์เรล และค่าการกลั่นทรงตัวแถว 10 เหรียญฯ/บาร์เรล ทำให้หุ้นในกลุ่มน้ำมันดีดแรงต่อเนื่องจากวานนี้ การดีดขึ้นของหุ้นน้ำมันซึ่งมีมาร์เก็ตแคปสูงมีส่วนช่วยทำให้ตลาดโดยรวมยืนอยู่ในแดนบวก

ส่วนหุ้นผู้รับเหมาก่อสร้างรับข่าวเรื่องที่รัฐจะมีการประมูลรถไฟฟ้า 2 สายในเดือนส.ค.ขณะที่ CK มีประเด็นเฉพาะตัวเรื่องที่เซ็น MOU จะเข้าไปทำโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมในประเทศลาวทำให้เห็นว่ากลุ่มรับเหมาฯวันนี้ทั้ง 3 ตัวใหญ่ STEC CK ITD บวกขึ้นทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามไม่ผ่านแนวต้าน 696 จุด วอลุ่มการซื้อขายไม่แน่นอาจจะดีกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ถ้าไม่ผ่าน 696 จุด ยังไม่ confirm ตอนนี้แนวรับ 690 แนวต้าน 696 จุด ทิศทางตลาดยังแกว่งแคบๆ รอปัจจัยกระตุ้นตลาดใหม่ๆ

"หุ้นโรงกลั่นและผู้รับเหมาก่อสร้าง เปิดกระโดดในช่วงเช้าและมี take ออกมาบ้างแต่ก็อยู่ในแดนบวกได้ ช่วงบ่ายคาดว่าจะประคองตัว แกว่งแคบๆ อยู่ในแดนบวกได้" นายพิชัย กล่าว
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
RRC มูลค่าการซื้อขาย 513.50 ล้านบาท ปิดที่ 18.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 450.60 ล้านบาท ปิดที่ 214.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 292.99 ล้านบาท ปิดที่ 111.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
TOP มูลค่าการซื้อขาย 262.54 ล้านบาท ปิดที่ 64.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 187.50 ล้านบาท ปิดที่ 91.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา

*[b:a8765c1fb3">SCC เผย.บ.ย่อยจะทำเทนเดอร์ฯ TCP ที่ราคา 14.60 บ./หุ้น [/b:a8765c1fb3">

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า บริษัท เอสซีจี เปเปอร์ จำกัด (มหาชน)

(?เอสซีจี เปเปอร์?) (เดิมชื่อ บมจ.เยื่อกระดาษสยาม) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ประมาณร้อยละ 98 ได้ซื้อหุ้น บมจ. ไทยเคนเปเปอร์ (TCP) จำนวน 8,161,329 หุ้น ทำให้เอสซีจี เปเปอร์ ถือหุ้นไทยเคนเป็นร้อยละ 76.89 ซึ่งข้ามร้อยละ 75 ทำให้เอสซีจี เปเปอร์ต้องดำเนินการเสนอซื้อหุ้นไทยเคนเป็นการทั่วไป (Tender Offer) โดยกำหนดราคาเสนอซื้อในราคาหุ้นละ 14.60 บาท และคาดว่าเอสซีจี เปเปอร์ จะยื่นคำเสนอซื้ออย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พฤษภาคม 2550