ทันหุ้น ?เปิดตัว?TNH?หุ้นขวัญใจนักลงทุนศักยภาพเด่นในตลาดเล็ก โบรกมองปีนี้รับอานิสงค์ผู้ป่วยในประเทศกำลังซื้อแข็งแกร่งแถมได้ผู้ป่วยต่างชาติคอยเป็นตัวสนับสนุน ประเมินความสามารถในการทำกำไรกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนปีนี้อยู่ระดับสูงถึง 22.8%เทียบจากปีก่อนที่ 22.4% ผลสำรวจพบหลังจากเข้าซื้อขายได้ประมาณ 2 ปีราคาหุ้นพุ่งเหนือราคาจองถึง 405%และผลการดำเนินงานขยับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านโบรกยังแนะ?ซื้อ?ราคาเป้าหมาย 9.90 บาท

จากการคาดการณ์สถานการณ์ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในปี 2550 ของโบรกเกอร์ซึ่งมีความคิดเห็นตรงกันว่าจะยังคงมีแนวโน้มเติบโตทางด้านรายได้ทั้งในส่วนของผู้ป่วยในประเทศ ซึ่งได้รับผลดีจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนซึ่งเข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพกับภาครัฐจะได้รับประโยชน์จากการปรับเพิ่มอัตราเหมาจ่ายรายหัวสำหรับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของคนไทยในปีงบประมาณ 2550

นอกจากนี้คาดว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นแหล่งที่ผู้ป่วยต่างชาติเลือกมารักษาพยาบาล ด้วยปัจจัยหนุนทั้งจากราคาค่าบริการเมื่อเทียบกับคุณภาพที่สามารถแข่งขันได้กับประเทศเพื่อนบ้าน และการมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้การท่องเที่ยวด้านบริการสุขภาพเติบโตต่อเนื่อง

ดังนั้นจึงคาดว่ากำลังซื้อของตลาดผู้ป่วยในประเทศ ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าหลักของโรงพยาบาลเอกชน จะยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับความสามารถในการต่อรองที่น้อยของผู้ป่วย ทำให้คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของโรงพยาบาลเอกชนยังอยู่ในระดับที่สูง (คาด EBIDA margin ของกลุ่มที่ 22.8% ในปี 2550 เทียบกับ (22.4% ในปี 2549)

หุ้นโรงพยาบาลไทยนครินทร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNH หนึ่งในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ซึ่งจะเห็นได้ว่าบริษัทแห่งนี้มีคุณสมบัติที่ดีไม่แพ้บริษัทใหญ่ๆ กลุ่มโรงพยาบาลที่จดทะเบียนอยู่ใน SET แม้แต่นิด เพราะหากย้อนดูการซื้อขายหุ้นนับตั้งแต่เข้าซื้อขายช่วงแรกๆ

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2548 ราคาหุ้นได้ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ท่ามกลางวอลุ่มการซื้อขายที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่น สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการเข้ามาลงทุนในหุ้นตัวนี้มีอยู่ไม่น้อยทีเดียว
และแม้ว่า TNH จะเป็นเพียงหุ้นตัวเล็กที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดmai ซึ่งเป็นจุดด้อยที่มักถูกมองข้ามในหมู่นักลงทุนรายใหญ่ แต่หารู้ไม่ว่า TNH มีปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคง มีปัจจัยบวกจากการเป็นโรงพยาบาลย่านสนามบินสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้มาใช้บริการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศได้ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย
และเปิดศูนย์บริการแพทย์เฉพาะทาง ขณะที่ผู้บริหารไม่ได้สนใจเรื่องราคาหุ้นปล่อยให้เติบโตได้ด้วยตัวเอง

ย้อนรอยผลประกอบการ
สำหรับผลการดำเนินงานถือว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยย้อนหลังไปเมื่อปี 2548 ปิดงบประจำปี สิ้น 31 กรกฎาคม 2548 พบว่าบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 598.62 ล้านบาท ขณะที่ปี 2549 มีรายได้รวมอยู่ที่ 727.64 ล้านบาท กำไรสุทธิ 53.74 ล้านบาท,อัตรากำไรสุทธิ 7.39%,กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.32 บาท,อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น(ROE) 19.65% และผลตอบแทนต่อสินทรัพย์( ROA) 16.83% และ ณ วันที่ 31
มกราคม 2550 บริษัทมีรายได้ 441.74 ล้านบาท กำไรสุทธิ 53.46 ล้านบาท,อัตรากำไรสุทธิ 12.10%,กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.30 บาท, ROE อยู่ที่ 32.91% และROA 23.34%

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2550(ส.ค.49-ต.ค.49) มีรายได้อยู่ที่ 223.73 ล้านบาท และกำไร 33.88 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.67 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 8 สตางค์ เป็น 19 สตางค์ต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 190.28% จะว่าไปแล้วก็เป็นส่วนผลักดันให้หุ้นในกระดานทะยานขึ้นขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคาจองซื้อที่ 1.75 บาท เป็น 8.85 บาท (ณ วันที่ 24 เม.ย.50)
หรือเพิ่มขึ้นถึง405%
โบรกแนะ?ซื้อ?ราคาเหมาะสม9.90บ.

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา ยังคงคำแนะนำ?ซื้อ?โดยคาดว่าผลการดำเนินงาน
ไตรมาส 2/2550(พ.ย.49-ม.ค.50) จะเติบโตโดดเด่น หรือเพิ่มขึ้น 180% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 22 ล้านบาท และ คาดการณ์ว่า TNH จะเป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มฯ
และมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่สูงสุดในกลุ่มฯที่ 37% ปัจจุบัน TNH ซื้อขายระดับ PE เพียง 12 เท่า
ต่ำกว่าเฉลี่ยของกลุ่มฯ ที่ 16 เท่า และมี Upside 23% จาก Fair Price ปี 2550 ที่ 9.90 บาท

รวมทั้งอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจ 4.9% ในปี 2550 ยังเป็นหุ้นที่ถูกและไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

หากจะว่าไปแล้วยังมีหลักทรัพย์อีกหลายบริษัทในตลาดmai ที่ยังมีราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง ขณะที่ผลประกอบการยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรียกได้ว่าไม่ได้แพ้บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน
SET เลย