May 17, 2024   9:51:55 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 27/04/2007 @ 10:56:19
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ที่มา : K.KRAZIP

SET Index วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2550 ปิดที่ดัชนี 690.79 จุด +0.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,502 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,644.69 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 27.34 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,617.34 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ระดับ 695.91 จุด +5.61 จุด และ Low ที่ระดับ 690.79 จุด +0.49 จุด เขียวชะอุ่มกันไปทั่วโลก ดัชนีตลาดหุ้นวานนี้บวกทุกตลาดทั้งตลาดสหรัฐยุโรปและภูมิภาค กอปรกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นอีก ส่งผลให้ดัชนีวานนี้ของตลาดหุ้นไทยยืนบวกได้ตลอดวันทำการซึ่งมีแรงซื้อมากในกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงค์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน

กลุ่มธนาคารที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ปรับลงมาก่อนหน้านี้ ส่วนหุ้นกลุ่มเก็งกำไรตัวเดิม ๆ ยังคงร้อนแรงใส่
เสก็ตวิ่งในกระดานกันฝุ่นตลบ สภาพตลาดรวมของวานนี้จึงมีทั้งแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มหลัก และแรงเทรดแบบเก็งกำไรสั้น ๆ ในหุ้นขนาดเล็ก ด้วยมูลค่าการซื้อขายของตลาดที่ยังคงสามารถยืนเหนือระดับหมื่นล้านบาทได้

PTTEP ราคาเปิด 92 บาท ราคาปิด 91 บาท มูลค่าการซื้อขาย 314.47 ล้านบาท คาดว่ากำไรสุทธิใน Q1/50 ของ PTTEP จะลดลง 15% YoYแต่เพิ่มขึ้น 9% QoQ อยู่ที่ประมาณ 6.65 พันล้านบาท

มีสาเหตุหลักมาจากการแข็งค่าของเงินบาทและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้รับรู้ลดลง ซึ่งเป็นการลบล้างปัจจัยบวกทั้งหมดในQ1/50 ที่มาจากราคาขายปิโตรเลียมสูงขึ้นและปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากการเริ่มส่งมอบก๊าซจำนวน 80 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันที่แหล่งภูหอม ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2549 และการเริ่มขายก๊าซ และคอนเดนเสท ที่โอมาน ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2550 รายการพิเศษตัดจำหน่ายหลุมแห้ง ในโครงการเวียดนาม 9-2 ในQ 1/50เทียบกับที่ไม่มีรายการดังกล่าวเกิดขึ้นในไตรมาส 1 ปี 2549 เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างแรงกดดันให้กำไรลดลงเมื่อเทียบปีต่อปี กำไรที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสมีสาเหตุหลักมาจากการตัดจำหน่ายหลุมแห้งจำนวนลดลง

K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับที่ 90 บาท แนวต้าน 94 บาท
SCC ราคาเปิด 236 บาท ราคาปิด 234 บาท มูลค่าการซื้อขาย 482.94 ล้านบาท กำไรสุทธิของ SCC ใน Q1/50 เท่ากับ 8.21 พันล้านบาท ลดลง 14%YoY แต่เพิ่มขึ้นถึง 76%QoQ เนื่องจากทุกธุรกิจมีการฟื้นตัวจาก Q4/49 และมีกำไรจาก Cementhai Holdings เพิ่มขึ้นเป็น 1.19 พันล้านบาท ซึ่งการฟื้นตัวเป็นเพราะได้รับปันผลจากบริษัทร่วม Michelin Siam Group และไม่มีผลขาดทุนใน Thai CRT ซึ่งปิดดำเนินการและบันทึกผลขาดทุนใน Q4/49 แนวโน้มระยะสั้นไม่สดใสนัก เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองทำให้เศรษฐกิจในประเทศยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง ยังส่งผลให้ความต้องการใช้ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างยังคงต่ำ สำหรับธุรกิจปิโตรเคมี คาดว่า Spread ยังอยู่ในระดับดี กำไรจากธุรกิจกระดาษคาดว่าจะทรงตัว
โดยการประหยัดต้นทุนจากการติดตั้งบอยเลอร์ใหม่ชดเชยกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่วนในระยะยาวมีแนวโน้มจะกระเตื้องขึ้นหลังมีการเลือกตั้งทั่วไปในปลายปี 2550 K.KRAZIPมองว่า SCC มี Downside risk
ค่อนข้างต่ำ เพราะเป็นบริษัทที่มั่นคง จ่ายเงินปันผลสูง ประมาณ 15 บาทต่อหุ้น (จ่ายปีละ 2 ครั้ง) ดังนั้น
K.KRAZIPแนะนำ " ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 232 บาท แนวต้าน 242 บาท
CK ราคาเปิด 7.30 บาท ราคาปิด 7.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 97.53 ล้านบาท CK
ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาลลาว เพื่อศึกษาและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โดยผ่านทางบริษัท SEAN ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ CK จะใช้เวลาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการราว 18 เดือน

สำหรับโครงการน้ำบาก 1 และน้ำบาก 2 จะผลิตกระแสไฟฟ้าได้ราว 1.08 พันกิโลวัตต์/ปี มูลค่าโครงการรวมประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ มีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี ระยะก่อสร้าง 5 ปี โดย CK จะเป็นผู้ก่อสร้างโครงการนี้ โครงการน้ำบากยังช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่โครงการน้ำงึม 2 ได้อีกราว 250 กิโลวัตต์/ปี โดยการผันน้ำจากโครงการมาลงที่อ่างน้ำงึม 2 ในเบื้องต้น SEAN เห็นว่าโครงการนี้น่าสนใจ และจะสามารถพัฒนาศักยภาพของโครงการให้เกิดผลสูงสุดได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในปี
2556 นอกจากนั้นกรณีที่รัฐบาลยืนยันว่าจะประมูลรถไฟฟ้าสายสีแดงและสีม่วงได้ในเดือนสิงหาคมนี้อย่างแน่นอน เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ CK จะประมูลได้ในบางส่วน แม้ว่าจะเลื่อนมาหลายครั้งแล้วก็ตาม
เพราะรถไฟฟ้าจำเป็นต้องเกิดขึ้นในปีนี้ เพื่อที่จะได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ K.KRAZIP แนะนำ " ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับที่ 7.20 บาท แนวต้าน 7.50 บาท
DEMCO ราคาเปิด 3.82บาท ราคาปิด3.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 50.17ล้านบาท

คาดการของบริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะขยายตัวได้ 40-50% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้ที่แน่นอน รวมทั้งยังมี Backlog ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 1,700 ล้านบาท ในขณะเดียวกันยังมีงานที่อยู่ระหว่างการยื่นประมูลอีกหลายโครงการ โดยมีทั้งงานภาครัฐและภาคเอกชน คาดว่าในปีนี้ตัวของDEMCOเองจะมีกำไรและขยายตัวมากยิ่งขึ้นและจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงสี้นปี อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะสามารถเข้าประมูลโครงการไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตที่มากกว่าเดิมที่เคยประมูลได้เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทฯ มีการเพิ่มศักยภาพของกำลังการผลิตจากเดิมที่เคยเข้าร่วมประมูลแต่ปัจจุบันกำลังจะยื่นประมูลโครงการไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิต 230 KV และจากการที่บริษัทได้ออกมาประกาศว่าขณะนี้ไม่มีแผนที่จะหาพันธมิตรรายใหม่เข้าร่วมลงทุน

หรือถือหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากไม่มีความจำเป็น อีกทั้งพนักงานมีศักยภาพอยู่ในเกณฑ์ดีที่จะรับงานโครงการขนาดใหญ่ เนื่องจากยังมีกระแสเงินสดอยู่ในมือค่อนข้างมาก ซึ่งไม่เป็นอุปสรรคหากในอนาคตต้องรับงานโครงการใหม่ๆ เข้ามาดำเนินการ ทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทนั้นมีความเข็งแกร่งและมีเงินทุนที่สามารถทำโครงการขนาดใหญ่ได้ K.KRAZIP มองจากพื้นฐานทางการเงินและงานที่จะได้รับตลอดปี แนะนำ " ซื้อ "
โดยมีแนวรับที่ 3.76 บาท แนวต้าน4.04 บาท
[/size:1996f7ed87">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com