แม้สถานการณ์ตลาดหุ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา จะมีการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ปรับตัวขึ้นเป็นลำดับ ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ดัชนียืนที่ระดับ 673.71 จุด และมาอยู่ที่ระดับ 699.16 จุด ปลายเดือนเมษายน และดูเหมือนจะแสดงให้เห็นว่าภาวะตลาดหุ้นมีแนวโน้มสดใสมากขึ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนการลงทุน อาทิ แบงก์ชาติประกาสดอัตราดอกเบี้ยอาร์พี 1 วัน 0.50% และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมา
หากมองในเชิงลึก เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะมีผลต่อภาวะตลาดมากนัก เนื่องจากการลงทุนส่วนใหญ่ยังกังวล อยู่กับปัญหาการเมืองเช่นเคย และเมื่อดูมูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันที่อยู่ที่ระดับ ไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทน่าจะเป็นตัวยืนยันได้เป็นอย่างดี ประกอบกับเดือนดังกล่าวนักลงทุนบางส่วนได้ชะลอการลงทุน เพราะเห็นว่าเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว
ทั้งนี้แม้การซื้อขายหุ้นทั้ง 445 ตัว จะมีหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 245 ตัว และมีหุ้นที่ปรับตัวลดลง 174 ตัว ส่วนที่เหลืออีก 26 ตัว เป็นหุ้นที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งหมดนี้ไม่น่าจะมีนัยสำคัญอะไร เพราะเมื่อสังเกตหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาล้วนแต่เป็นหุ้นขนาดเล็ก ที่เป็นหุ้นเก็งกำไรแทบทั้งสิ้น
โดยเฉพาะเมื่อสังเกตราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นสูงสุด 50 อันดับแรก เดือนเมษายน ในตารางประกอบ จะเห็นได้ชัดว่า หุ้นที่ขึ้นไปอยู่อันดับต้นของตารางส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ราคาไม่ถึง 10 บาททั้งนั้น โดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่มีเพียง 9 ตัว เท่านั้น ที่เข้ามาติดในจำนวนหุ้น 50 อันดับ คือ ATC,CP7-11,BH,TTA,PSL,CPN,ADVANC,TOP และ AMATA สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังไม่พร้อมที่จะเข้ามาลงทุนระยะยาวอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าในเดือนนี้ หุ้นกลุ่มเดินเรือจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเป็นพิเศษ เพราะทั้ง TTA PSL ปรับตัวขึ้นแรงทั้งคู่ สาเหตุเนื่องมาจากดัชนีค่าระวางเรือเทกอง(Baltic Dry Index) ปรับตัวขึ้นแรง ส่งผลให้หุ้นทั้งสองได้รับผลดีตามไปด้วย
สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงเป็นอันดับ 1 คือ EVER หรือ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นหุ้นขนาดเล็ก ที่มีข่าวการเข้ามาไล่ซื้อหุ้น ของนักลงทุนรายย่อย และรายใหญ่ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 2.20 บาท (เม.ย.) จากเดิม1.24 บาท(มี.ค.) หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 77.42%
สาเหตุที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากนักลงทุนก่อนหน้านี้ EVER ได้ประกาศจะมีการเพิ่มทุน เพื่อนำไปลงทุนทำโครงการของบริษัท แต่เนื่องจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ผู้ถือหุ้นบางส่วนไม่อนุมัติ ซึ่งหลังจากที่มีการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 26 เม.ย.50 ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติไม่อนุมัติแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 300 ล้านบาท เป็น 600 ล้านบาท จึงทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาเก็งกำไรหุ้นรายนี้