ผู้บริหาร EMC ส่งซิก ถูกแบ็กดอร์หรือไม่ลุ้นกันวันนี้ ในการประชุมผู้ถือหุ้น หลังกลุ่มใหม่ยืนยันกุมหุ้นมากกว่า 30% และขอส่งตัวแทนบอร์ด 3 ที่นั่ง ขณะที่ "โกมล วงศ์พรเพ็ญภาพ" ไม่แน่ใจจะได้ต่อวาระเอ็มดีหรือไม่ พร้อมยืนยันไม่มีการแย่งหุ้น แม้ต้องการถือ 10% เพื่อรักษาเก้าอี้บอร์ด วงการเตือนระวังงานนี้แย่งไปแย่งมา ราคาอาจหล่นวูบซ้ำรอย ASL
การประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.อีเอ็มซี (EMC) ในวันนี้ ถือเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายให้ความสนใจและจับตามอง เนื่องจาก EMC เป็นอีก 1 บริษัทที่ถูกผู้ถือหุ้นรวมตัวกันด้วยจำนวนหุ้นที่มากกว่า 30% พร้อมกับขอส่งตัวแทนเข้าเป็นกรรมการถึง 3 คน ในขณะที่ผู้บริหารเดิมที่ตอนนี้เป็นเพียงอดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ ต้องแก้เกมด้วยการประกาศขอเก็บหุ้นให้ได้ 10% เพื่อรักษาเก้าอี้การบริหาร ทำให้เกิดการตีความในหมู่นักลงทุนว่างานนี้มีการแย่งหุ้นกันเกิดขึ้นแน่นอน ส่งผลให้ราคาหุ้น EMC เคลื่อนไหวอย่างค่อนข้างหวือหวาในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ EMC เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นและราคาวิ่งแรงตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่บริษัทประกาศเลื่อนประชุมผู้ถือหุ้นอย่างกระทันหัน จากวันที่ 27 เม.ย.เป็นวันนี้ (11 พ.ค.) เนื่องจากพบว่ามีกลุ่มผู้ถือหุ้นจำนวนหนึ่งเข้ามาถือหุ้นของบริษัทฯ โดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน โดย ราคาหุ้น EMC ปิดการซื้อขายวันที่ 26 เม.ย. ที่ 2.86 บาท ก่อนจะวิ่งกระฉูดในวันที่ 27 จากนั้นในวันจันทร์ที่ 30 เม.ย. ราคายังวิ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 3.84 บาท หรือเพิ่มขึ้น 34.26% ใน 2 วันทำการ
ซึ่งภายหลังก็เฉลยออกมาว่าเป็นกลุ่มของนักลงทุนรายใหญ่ คนรวยตัวจริง คือ นายชนะชัย ลีนะบรรจง ที่ควงเพื่อนๆในก๊วนเข้ามาถือหุ้นใหญ่ใน EMC ไม่ว่าจะเป็น นางฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ นายชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล และ นายอภินันท์ ปัญญากรโดยตัวนายชนะชัยเองถือหุ้น 6.963% รองจากธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในสัดส่วน 15.76%
ขณะที่ ณ วันปิดสมุดทะเบียนล่าสุดของ EMC วันที่ 9 เม.ย. 2550 พบว่า นายอภินันท์ ปัญญากร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 สัดส่วน 4.76% นายชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 สัดส่วน 4.59% และ น.ส. ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ ถือหุ้น 4.30%
ส่วนกลุ่มผู้บริหารเดิมได้แก่ นายโกมล วงศ์พรเพ็ญภาพ เหลือสัดส่วนการถือหุ้น 4.22% นายสุทธิศักดิ์ โล่ห์สวัสดิ์ เหลือสัดส่วนถือหุ้น 2.52%
**แบ็กดอร์หรือไม่ลุ้นกันวันนี้
นายโกมล วงศ์พรเพ็ญภาพ กรรมการผู้จัดการ EMC เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า การประชุมผู้ถือหุ้นในวันนี้ไม่มีวาระพิเศษ โดยจะขออนุมัติในวาระที่เคยแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว วาระสำคัญคือ การตั้งนายชนะชัย ลีละบรรจง เป็นกรรมการ แทนตำแหน่งที่ว่างลง พร้อมทั้งตั้ง 3 กรรมการใหม่ประกอบด้วย นาย เคนชิโระซุเกะ โอชิสิ นายไพบูลย์ ทองระอา และนายพิษณุ เกิดลาภผล ซึ่งเป็นตัวแทนจากลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ ที่ขอที่นั่งกรรมการ 3 ตำแหน่งโดยให้ข้อมูลว่ามีจำนวนหุ้นเกินกว่า 30% อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูอีกครั้งว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นดังกล่าวมีสัดส่วนหุ้นตามที่แจ้งมาจริงหรือไม่ หากมีหุ้นน้อยกว่าที่แจ้งจำนวนกรรมการก็ต้องลดลงตามสัดส่วน
"ต้องรอดูจำนวนหุ้นพรุ่งนี้ แต่เท่าที่คุยนอกรอบผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ ยืนยันว่ามีหุ้นเกิน 30%"
ส่วนประเด็นข่าวลือว่ากลุ่มของนายชนะชัยมีเป้าหมายจะเข้ามาเทคโอเวอร์ EMC เพื่อเข้าตลาดหุ้นทางอ้อมหรือแบ็กดอร์นั้น นายโกมลกล่าวว่า ในวันนี้นอกจากการแต่งตั้งกรรมการใหม่แล้ว ยังมีวาระต่ออายุการเป็นกรรมการของตนเองด้วย ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะได้รับการต่อวาระ แต่หากผู้ถือหุ้นใหม่ไม่ต่อวาระให้อาจเรียกได้ว่าเป็นการเข้ามา เทคโอเวอร์เพื่อยึดอำนาจการบริหารอย่างเบ็ดเสร็จ
"ประเด็นการเทคโอเวอร์วันนี้ยังไม่มี แต่ต่อไปก็ไม่แน่ เพราะอาจมีใครเข้ามาก็ได้ ซึ่งในการประชุมวันนี้จะมีวาระต่ออายุกรรมการของของผมด้วย เท่าที่คุยกันก็น่าจะต่อให้ แต่ถ้าไม่ต่อวาระก็แสดงว่าเราถูกเทคโอเวอร์"นายโกมลกล่าว
**"โกมล" ยันไม่แย่งหุ้น ขณะที่วงการหวั่นซ้ำรอย ASL
นายโกมลกล่าวอีกว่า ขณะที่มีหุ้น EMC ในมือประมาณ 6-7% และมีนโยบายจะถือให้ถึง 10% เพื่อรักษาอำนาจในการบริหาร ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีการเจรจาซื้อจากธนาคารกรุงเทพ แต่จะเข้าไปเก็บหุ้นในกระดานช่วงที่ราคาปรับตัวลง ซึ่งประเด็นการแย่งหุ้นกันคงไม่มี เพราะโดยส่วนตัวไม่มีความคิดที่จะเข้ามาไล่หุ้นในกระดานแต่จะเป็นในลักษณะรอซื้อมากกว่า ส่วนทางด้านของนายชนะชัย ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีการเจรจาซื้อหุ้นจากแบงก์กรุงเทพหรือไม่
ด้านแหล่งข่าวในวงการหลักทรัพย์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า หุ้น EMC เป็นเกมของนักลงทุนรายใหญ่ ที่ไม่แนะนำให้รายย่อยเข้ามายุ่งเกี่ยว เนื่องจากที่ผ่านมามีการปล่อยข่าวในเรื่องของการแย่งหุ้นเพื่อชิงอำนาจการบริหาร แต่ไม่มีใครรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร ซึ่งหากดูจากราคาหุ้นในกระดานแล้วเมื่อวิ่งขึ้นแตะ 3.68 บาท ก็จะมีการแจกของออกมาทำให้ราคาปรับตัวลดลง ซึ่งผิดวิสัยของการแย่งหุ้น และอาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยบล.แอ๊ดคินซัน (ASL) ที่มีข่าวการแย่งหุ้นกันระหว่างตระกูลเตชะอุบล และคิ้วคชา แต่ราคาหุ้นกลับถูกทุบลงมาต่อเนื่อง และสุดท้ายกลับกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู เพราะมีการเจรจาจับมือระหว่างคิ้วคชาและเตชะอุบล เพื่อกุมอำนาจใน ASLต่อไป ขณะที่คนของเสี่ยสองถูกปลดออกจากกรรมการ
อย่างไรก็ตามหากมองในแง่ของธุรกิจแล้ว EMC อาจดูมีอนาคตมากกว่า ASL เพราะธุรกิจรับเหมาก่อสร้างยังมีงานเมกะโปรเจ็กรออยู่ ขณะที่นายชนะชัยซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มผุ้รับเหมาญี่ปุ่นโดยเฉพาะกลุ่มโอชิสิ ซึ่งจะสามารถต่อยอดธุรกิจได้เป็นอย่างดี ดังนั้นคงต้องดูการบริหารงานของผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ว่ามีความจริงใจแค่ไหน และจะบริหารกิจการไปรอดหรือไม่ ที่สำคัญคือจะเข้ามาเพียงเพื่อหากำไรจากราคาหุ้นหรือไม่
นอกจากนี้ปัจจุบันมีนักลงทุนรายใหญ่ที่ติดหุ้นกันเป็นจำนวนมาก จากการหักหลังกันเอง โดยเฉพาะเมื่อล่อรายย่อยเข้ามาติดกับไม่ได้ก็จะกลายเป็นงูกินหางซึ่งสุดท้ายแล้วก็เป็นพวกเดียวกันเองที่ติดหุ้นในราคาสูง ซึ่งหากจบเกมแล้วก็จะไม่มีใครสนใจหุ้นตัวนั้นอีก และแม้ว่าจะเกิดความขัดแย้งกันในกลุ่มแต่เมื่อมีหุ้นตัวใหม่ที่ตกลงผลประโยชน์กันลงตัวก็จะมีการกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เรียกได้ว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร
"ตอนนี้หุ้นตัวไหนที่มีรายใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง นักลงทุนรายย่อยไม่ควรยุ่ง เพราะมันเป็นเกมการสร้างราคา เมื่อไปไม่รอดหรือเกิดการหักหลังกันก็เกมโอเวอร์ หุ้นก็จะถูกทิ้งอย่างไม่เหลียวแล"