May 2, 2024   12:01:33 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > รอความหวังรัฐ
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 14/05/2007 @ 09:14:19
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ว่า ปัจจัยที่นักลงทุนจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดได้แก่ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 50 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะรายงานเป็นสัปดาห์สุดท้าย มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ที่ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กำลังซื้อของประชาชน และสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ และตลาดหุ้นจะเริ่มตอบรับกับการคาดการณ์การประชุมธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในวันที่ 23 พ.ค. ที่คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก ส่วนปัจจัยต่างประเทศ การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมันในตลาดโลก ดังนั้นดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ ดัชนีจะมีแนวรับที่ 685 จุด และ 698 จุด แนวต้านอยู่ที่ 710 จุด และ 718 จุด ตามลำดับ

นักวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย ประเมินแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในประเทศว่า มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากในช่วงครึ่งแรกของปี 50 โดยเฉพาะในด้านการบริโภค และด้านการลงทุน ความล่าช้าของการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล ในขณะที่ภาคการส่งออกเป็นเพียงภาคเดียวเท่านั้นที่มีการขยายตัวในระดับดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจึงเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 4 หลังจากปัจจัยการเมืองมีความชัดเจน รวมถึงได้รับประโยชน์จากการลดอัตราดอกเบี้ย ผลกระทบด้านเศรษฐกิจจะทำให้กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน ปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี ในกลุ่มของ ธนาคารพาณิชย์ วัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง ส่วนกลุ่มที่เติบโตได้ดีในครึ่งแรกของปี ได้แก่ พลังงาน ปิโตรเคมี เดินเรือส่งออก

ทางด้านนักวิเคราะห์จาก บล.ทรีนิตี้ เผยถึง การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ ใช้มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ ฉบับที่ 39 (ไอเอเอส) ซึ่งไตรมาส 2 นี้ จะครบเกณฑ์ที่จะต้องใส่สำรองครบเต็ม 100% เป็นเหตุให้ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบต้องใส่สำรองอีกในงวดนี้อีก 20,000 ล้านบาท จากที่มีการกันสำรองไว้แล้ว 40,000-50,000 ล้านบาท ซึ่งมีธนาคารพาณิชย์ 6 แห่งที่มีภาระต้อง สำรองเพิ่ม กลุ่มแรก 3 แห่ง คือธนาคารทหารไทย กรุงไทย และกรุงศรีอยุธยาเป็นกลุ่มเสี่ยงสุด เพราะมีภาระสำรองที่ยังตั้งไม่ครบมากสุด ส่วนธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย และไทยพาณิชย์มีภาระต้องเพิ่มสำรอง เพราะมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เกิดใหม่เข้ามาในงวดไตรมาส ที่ 1 และ 2

สำหรับ บล. ฟินันซ่า คาดหมายว่า พ.ร.บ. สถาบันประกันเงินฝากจะนำมาใช้ภายในสิ้นปีนี้ โดยยกเลิกการค้ำประกันเงินฝากทั้ง 100% ธนาคารจะเสียค่าธรรมเนียมจ่ายสมทบให้แตกต่างกันขึ้นอยู่กับฐานะการเงินและความแข็งแกร่ง ธนาคารขนาดใหญ่จ่ายค่าธรรมเนียมน้อยกว่า จึงเสนอดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าธนาคารอื่น เพราะต้นทุนต่ำลง ลูกค้าบางส่วนจะโยกเงินมาฝากธนาคารใหญ่ด้วยเหตุผลของความมั่นคง เป็นแรงบีบทางอ้อมให้เกิดการควบรวมกิจการของธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก.




 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 14/05/2007 @ 09:16:13 :
The Stock Exchange of Thailand
ปิด 706.90 จุด ณ 11 พ.ค. 50


ภายหลังจากที่ดัชนีสามารถฝ่า Tweezers Top บริเวณ 695 จุด เมื่อสองสัปดาห์ก่อนแล้วนั้น การฟื้นตัวก็เป็นไปอย่างต่อเนื่อง กระทั่งดีดตังถึงระดับ 717 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับแนวเคลื่อนตัวของ Down Trend Line ที่ 720 จุด การดีดตัวครั้งนี้ ยังไม่อาจฝ่าแนวต้านระยะกลางไปได้ อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดการปรับฐานตามมา รูปแบบของแท่งเทียนรายวันเกิดลักษณะ Dark Cloud Cover ขณะเดียวกัน Stochastic ก็เกิดสัญญาณขายด้วย เหตุการณ์ข้างต้นแสดงถึงโอกาสของการอ่อนตัวของดัชนีในสัปดาห์นี้ อีกทั้งยังบ่งบอกถึงการฟื้นตัวระยะ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมิใช่การกลับตัวเข้าสู่ขาขึ้นของแนวโน้มระยะกลาง

อนึ่ง แม้ดัชนีจะปรับฐานในสัปดาห์นี้แต่ก็จะเป็นการปรับลดลงไม่มาก คาดว่าแนว Tweezers Top เดิมและเส้นค่าเฉลี่ย 10 สัปดาห์ ที่ 695 จุด จะสามารถยับยั้งการอ่อนค่าได้ การปรับลงของดัชนีน่าจะนำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เงินทุนหลักทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง และปิโตรเคมี ขณะเดียวกันกลับมีสามกลุ่มอุตสาหกรรมที่โดดเด่น คือ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร และอีเล็กทรอนิกส์ โดยมีหุ้นที่น่าสนใจดังนี้ ITD, STEC, SYNTEC, EMC, UNIQ, SEAFCO, CNT, AMATA, HEMRAJ, ADVANC, TRUE, UCOM, CCET, DELTA, EIC และ SVI


แนวรับ: 695-698 จุด
แนวต้าน: 713-715 จุด[/color:09c25dbb54">


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 14/05/2007 @ 10:13:01 :
[b:4a5ac51f9e">SET50 : สัปดาห์ก่อนดัชนีได้ปรับตัวขึ้นในช่วงต้นเท่านั้น โดยปรับขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้านแถว ๆ 507 จุดแล้วปรับตัวลงเกือบตลอดทั้งสัปดาห์ แม้ว่าระหว่างวันจะมีดีดกลับบ้าง แต่ในช่วง ท้ายสัปดาห์ดัชนีเกือบที่จะปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ดังนั้นในช่วงต้นสัปดาห์นี [/b:4a5ac51f9e">

SET50 : สัปดาห์ก่อนดัชนีได้ปรับตัวขึ้นในช่วงต้นเท่านั้น โดยปรับขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้านแถว ๆ507 จุดแล้วปรับตัวลงเกือบตลอดทั้งสัปดาห์ แม้ว่าระหว่างวันจะมีดีดกลับบ้าง แต่ในช่วงท้ายสัปดาห์ดัชนีเกือบที่จะปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ดังนั้นในช่วงต้นสัปดาห์นี้เปรียบเสมือนไฟท์บังคับที่ดัชนีจะปรับตัวลงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยตั้งจุดถอยไว้ถ้าดัชนีต่ำกว่า494-493 จุดลงไป ต่ำกว่านี้ขาย ยืนเหนือแถว ๆ นี้ได้ในช่วงต้นสัปดาห์ มีลุ้นแค่ดีดกลับในระหว่างสัปดาห์เท่านั้น โอกาสที่จะผ่านหรือปิดเหนือ 507-510 จุดขึ้นไปยังมีโอกาสน้อยอยู่ ทั้งนี้เป็นเพราะกลุ่มที่แข็งกว่าตลาดเหลือเพียงกลุ่มพลังงานเท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงแนะนำขายทำกำไรต่อไปหากดัชนีดีดกลับไม่ผ่านแนวต้านแถว ๆ 507-510 จุดอีก และจะรอซื้อกลับเมื่อดัชนีอ่อนตัวกลับลงมาที่แนวรับแถว ๆ 485-480 จุดต่อไป

S50H07 : สัปดาห์นี้ถ้าไม่รีบขึ้นไปยืนเหนือ 502-503 จุดอีก มีโอกาสอ่อนตัวลงก่อนเพราะฉะนั้นในช่วงต้นสัปดาห์ถ้าขึ้นไปยืนเหนือ 503 จุดได้ มีลุ้นดีดกลับไปแถว ๆ 506-507จุดก่อน ไม่ผ่านแถว ๆ นี้ขึ้นไปได้ น่า short มากกว่าน่า long ในทางกลับกันถ้าในช่วงต้นสัปดาห์ยังดีดกลับไม่ผ่านแนวต้านแถว ๆ 503 จุดอีก ก็น่า short เพื่อหวังผลอ่อนตัวลง ปิดต่ำกว่า 498-497 จุดลงไป มีโอกาสลงต่อที่แนวรับแถว ๆ 491-490 จุด ซึ่งเป็นระดับที่น่า long เพื่อหวังผลดีดกลับ


ข่าวหุ้น

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com