May 17, 2024   8:54:55 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > คุณกระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 18/05/2007 @ 12:21:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม 2550 ปิดที่ดัชนี 724.37จุด +2.71จุด มูลค่าการซื้อขาย 18,813 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,748.29 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 292.96 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,455.32 ล้านบาท ดัชนีเปิดทำการที่ระดับ 725.78 จุด แถว ๆ แนวต้านที่ K.KRAZIP
ได้ให้ไว้เมื่อวานนี้แล้วก็ดีดตัวทำ High ของรอบเช้าได้ที่ระดับ 726.49 จุด +4.83 จุด แล้วก็ต้องอ่อนตัวลงเมื่อแรงซื้อที่มีไม่อาจฝ่าแนวต้านสำคัญนี้ไปได้ ด้วยแรงขายถ่วงดัชนีที่มีออกมาจากหุ้นกลุ่มพลังงานสื่อสารและปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลงในช่วงกลางของการซื้อขายระหว่างวัน ซึ่งส่งผลให้ดัชนีย่อลงไปแกว่งตัวในแดนลบแตะระดับต่ำสุดของวันที่ 720.57 จุด -1.09 จุด แต่ SET ก็ยังมีแรงซื้อหุ้นธนาคาร หลักทรัพย์ และ อสังหาฯ คอยพยุงดัชนีไว้ไม่ให้ปรับลดลงมาก ซึ่งโดยเฉพาะหุ้นหลุ่มหลักทรัพย์ที่บวกกลับขึ้นพร้อมกับวอลุ่มที่เหือดหายไปนาน วานนี้กลับมาเทรดกันคึกคักทีเดียวโดยเฉพาะโบรกฯ ใหญ่นามกิมเอ็งทำ High ในรอบเกือบ 3 เดือน สุดท้ายปลายๆ ตลาดหุ้นน้ำมันก็ได้มีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนดัชนีให้ Reboundและทำแตะจุดสูงสุดของวันที่ดัชนี 726.78 จุด +5.12 จุด และอ่อนตัวลงจาก highเล็กน้อยก่อนปิดตลาดไป

PLE
ราคาเปิด6.50 บาท ราคาปิด6.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย58.47 ล้านบาท จากการที่ในกลุ่มรับเหมา PLE
มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นบริษัทเดียวซึ่งมีผลการดำเนินงานโดยรวมในไตรมาสที่1/50 ออกมาดีกว่าคาดโดยรายได้สูงกว่าที่คาดไว้ 18%เพิ่มขึ้น 15% YoYโดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นงานในประเทศที่ทำต่อเนื่องมารวมกันคิดเป็นสัดส่วน 50% นอกจากนั้นตัวของGPM ยังดีขึ้นเป็น 14.9% ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการรับงานต่างประเทศมากขึ้นนอกจากนี้กำไรสุทธิก่อนรายการพิเศษทำได้ในไตรมาสที่1/50คิดเป็น 19% และต้องจับตาการเติบโตในช่วงไตรมาสที่2/50 ที่คาดว่าจะ Peak เพราะงาน CU-HiTECH มีกำหนดเสร็จพ.ย.นี้ ส่วนบ้านเอื้ออาทรกว่าครึ่งก็มีกำหนดส่งมอบภายในปีนี้เช่นกันและส่วนความคืบหน้าของลูกหนี้โบ๊เบ๊ยังคงเหลือหนี้ค้างชำระ 733 ล้านบาทก็ยังจะเป็นรายรับในอนาคตและส่วนลูกหนี้จังซีลอนยังคงเหลือ 250 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับคืนภายไตรมาสที่2/50เช่นกันเมื่อดูจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดแล้วยังมีการรับรู้รายได้ในไตรมาสต่อไปอีกอย่างแน่นนอน ดังนั้น K.KRAZIP จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับ6.55 บาท แนวต้าน 7.10บาท

GLOW
ราคาเปิด - ปิด30.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย252.45 ล้านบาท จากการที่บริษัทได้ประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่1/50 มีกำไรสุทธิ 1,350 ล้านบาท จากการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าระยะสั้นของ GLOW IPP และ SPP3 ทำให้รายได้ค่าขายไฟฟ้าลดลงและค่าซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้นอีกทั้งได้รับผลลบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเมื่อมองดูจากกำไรปกในไตรมาสที่1/50 คิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปีที่ 4,476 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิปี
50-51 จะไม่โดดเด่นเนื่องจากยังไม่มีโครงการใหม่เข้ามาแต่แนวโน้มกำไรยังเติบโตได้ในระยะยาวจากการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้า IPP ในเดือน มิ.ย.50 ซึ่ง GLOW มั่นใจว่าจะชนะประมูลในครั้งนี้อย่างน้อย 700 เมกะวัตต์และจะเริ่มผลิตได้ในปี 55 และโครงการเพิ่มกำลังผลิตใหม่ประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเริ่มทยอยผลิตขายให้กับกลุ่มลูกค้าปิโตรเคมีขั้นปลายเมื่อดูจากโครงการต่างๆภายในปีนี้แล้วก็น่าจะทำให้บริษัทมีการรับรู้รายได้ที่มากกว่าในไตรมาสที่แล้วอย่างแน่นนอน ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 30.25 บาท แนวต้าน 31.50บาท

BAFS
ราคาเปิด 9.85 บาท ราคาปิด 10.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 41.29 ล้านบาท ผลประกอบการใน Q1/50 ดีเกินคาดยอดขายเพิ่มขึ้น 92% YoY เป็น 565 ล้านบาท กำไรสุทธิเท่ากับ 163 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 28% YoY และ 30% QoQ อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น จาก 71% เป็น 74% อัตรา EBITDA margin เพิ่มขึ้นจาก 55% เป็น 63% เนื่องจากปริมาณการเติมน้ำมันเพิ่มขึ้น 7% เป็น 1,168 ล้านลิตร และอัตราค่าบริการเติมน้ำมันเครื่องบินที่สุวรรณภูมิเพิ่มจาก 2.74 เซ็นต์/แกลลอน เพิ่มเป็น 5 เซ็นต์/แกลลอน คาดว่าคู่แข่งขันยังไม่เข้ามาในระยะสั้นทำให้กำไรดีกว่าQ1/50 เฉลี่ยคาดว่าจะมีกำไรไตรมาสละ 200 ล้านบาท จากปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินที่ดอนเมืองเฉลี่ย 20-22 ล้านลิตรต่อเดือน บริการเติมน้ำมัน 6 เซ็นต์ต่อแกลลอนในขณะที่ค่าเสื่อมราคาส่วนใหญ่ถูกตัดหมดไปแล้ว ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับที่ 10 บาท แนวต้าน 10.50 บาท

PHATRA
ราคาเปิด 36 บาท ราคาปิด 37.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 334.31 ล้านบาท ในภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึงแนวโน้มการเปิดเสรีในธุรกิจหลักทรัพย์ในอีก 5 ปีข้างหน้า PHATRA เป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่มีการเตรียมพร้อม และให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าใหม่ และมุ่งเน้นในธุรกิจพอร์ตลงทุน
รวมถึงธุรกิจวาณิชธนกิจเพื่อเป็นการกระจายโครงสร้างรายได้ให้กว้างขึ้น ส่งผลให้โครงสร้างรายได้ของ PHATRA กระจายตัวขึ้น นอกจากนี้จากข้อได้เปรียบของการที่มีเงินสดในมือสูงคิดเป็น 71% ของสินทรัพย์รวม ถือเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้จากการลงทุนอีกแหล่งหนึ่งในอนาคต ดังนั้นจากโครงสร้างรายได้ที่กระจายตัว บวกกับความสามารถในการเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ๆ เข้ามาช่วยเสริม รวมถึงประสิทธิภาพในการทำกำไรอยู่ในระดับสูง จาก ROE ปี 49 อยู่ในระดับสูงที่ 22% และ Netprofit margin ที่ 37% ซึ่งสูงกว่าโบรกเกอร์ในระดับเดียวกัน
K.KRAZIP จึงแนะนำ ?ซื้อ? โดยมีแนวรับที่ 36.50 บาท แนวต้าน 40 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:48cbef6e9d">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com