May 17, 2024   8:54:21 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นพลังงานที่น่าเล่น++++++++++++++
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 21/05/2007 @ 09:21:14
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นพลังงานหอมหวลชวนเล่นได้ทุกตัว เครือปตท.โดดเด่นทั้งกลุ่ม TOP-RRC รับผลโดยตรงราคาน้ำมันโลกกำลังขาขึ้น ดันค่ากลั่นเกินทะลุเพดาน 9.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่PTT-PTTEP-ATC สัญญาณเทนนิคสวยแถมอัพไซด์ 10% ส่วน KSL-LANNA โอกาสทองเบนซินจ่อทะลุ 35 บาทดันยอดขายแก๊สโซฮอล์พุ่ง ส่งผลเอทานอลขายดีตามไปด้วย "เพิ่มศักดิ์"ได้ทีพ่วง ATC-PTT โรดโชว์อังกฤษ ดัชนีสัปดาห์นี้ลุ้นแนวต้าน 740 จุด

:หุ้นTOP-RRCทีเด็ดสุด
จากประเด็นราคาน้ำมันตลาดโลกปรับขึ้นต่อเนื่อง กลายเป็นผลดีกับหุ้นพลังงาน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)หรือ TOP และบริษัท โรงกลั่นระยอง จำกัด(มหาชน)หรือ RRC ที่มีแนวโน้มว่าค่าการกลั่นไตรมาส 2/50 จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากล่าสุดค่าการกลั่นล่าสุดยืนอยู่ระดับสูงต่อเนื่อง จากไตรมาส 1/50ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก โดยตัวเลขค่าการกลั่นเฉลี่ยไตรมาสแรกอยู่ที่ประมาณ8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

นอกจากนี้ยังมีหุ้นพลังงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆอาทิ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)หรือ PTTบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หรือ PTTEP และบริษัท อะโรเมติกส์(ประเทศไทย)หรือ ATC มีแนวโน้มปรับขึ้นตามหุ้นโรงกลั่นด้วยและที่สำคัญราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวยังมีอัพไซด์ได้อีกประมาณ 8-10%

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัยบริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัส ระบุว่าแนวโน้มค่าการกลั่นเฉลี่ยไตรมาส 2/50 อยู่ที่ 9.84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เติบโตถึง 44% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและ 11% เทียบกับปีก่อน โดยคาดว่าทรงตัวระดับสูงเช่นนี้ต่อไป หลังจากเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐและมีโรงกลั่นบางแห่งทั่วโลกมีแผนหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุง

โดยหุ้น TOP มีความโดดเด่นมากที่สุด เพราะมีโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ส่งผลต่อค่าการกลั่น ที่อยู่ในระดับที่สูงมากและยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่โรงกลั่นเข้ามาช่วยเสริมรายได้อีกทางหนึ่ง ได้แก่ รกิจโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี ทำให้ TOP มีความน่าสนใจมากสุดส่วน RRC จะได้รับผลดีจากค่าการกลั่นที่ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันและมีข่าวการควบรวมกิจการกับบริษัท อะโรเมติกส์(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน) หรือ ATC ถือว่าเป็นข่าวดีอีกข่าวที่เป็นสตอรี่ที่นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาเล่นหุ้นดังกล่าวได้ต่อเนื่อง:โอกาสทอง KSL-LANNA

พร้อมกันนี้มีส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 มีระดับกว่า 30.39 บาทและหลายฝ่ายมองว่าอาจขึ้นไปถึง 35 บาท นั่นหมายถึงเป็นผลดีต่อบรรดาผู้ประกอบการเอทานอลโดยเฉพาะบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด(มหาชน)หรือ KSL และบริษัท ลานนารีซอสเซส จำกัด(มหาชน)หรือ LANNA เพราะผู้ใช้จะหันมาใช้แก๊สโซฮอล์ 95 มากขึ้น เนื่องจากมีส่วนต่างกันมากถึง 3.30 บาทต่อลิตรทำให้ความต้องการใช้เอทานอลมากขึ้นตามไปด้วย

นายชลัช ชินธรรมิตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด(มหาชน)หรือ KSL เปิดเผยกับ"ข่าวหุ้นธุรกิจ"ว่า ราคาน้ำมันเบนซินที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาแตะอยู่ที่ระดับ 30.39 บาทต่อลิตร ส่งผลให้แนวโน้มธุรกิจเอทานอลดีขึ้นเนื่องจากความต้องการใช้เอทานอลในการผลิตแก๊สโซฮอล์จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3-4 แสนลิตรต่อวัน อาจปรับขึ้นเป็น 5-6 แสนลิตรต่อวัน

"หากราคาน้ำมันเบนซินเกิน 30 บาทต่อลิตร ไม่ต้องถึงขนาด 35 บาทต่อลิตร และราคาอยู่ในช่วงนี้นานๆ เชื่อว่าปริมาณการใช้แก็สโซฮอล์ จะเพิ่มขึ้นเอง รวมทั้งส่วนต่างระหว่างเบนซิน 95 กับแก็สโซฮอล์ 95 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 3.30 บาทต่อลิตรยิ่งส่งผลให้จูงใจประชาชนเพิ่มขึ้นด้วย"นายชลัชกล่าว
ทั้งนี้มั่นใจว่าแนวโน้มธุรกิจเอทานอลจะกลับมาดีขึ้น ทั้งปริมาณการจำหน่ายเอทานอลทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะต่างประเทศ ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันต่างประเทศ เริ่มหันมาให้ความสนใจในการผลิตแก็สโซฮอล์มากขึ้นรวมทั้งเห็นว่าในอนาคตผู้ผลิตเอทานอลจะหันมาส่งออกเพิ่มขึ้น

ส่วนกรณีภาครัฐยืนยันว่าจะไม่ยกเลิกหัวจ่ายเบนซิน 95 นั้น เห็นว่าหากจะไม่ยกเลิกจริงๆควรพิจารณาเพิ่มสัดส่วนผสมเอทานอลเพิ่มจาก 5-10% เป็น 15-20% เหมือนกับต่างประเทศ รวมทั้งการพิจารณาเพิ่มค่าการตลาดในส่วนแก็สโซฮอล์ให้กับผู้ค้าน้ำมัน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เปลี่ยนมาจำหน่ายแก็สโซฮอล์เพิ่มขึ้นด้วย เพื่อแก้ปัญหาเอทานอลล้นตลาด และลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ นอกจากนี้ควรส่งเสริมการนำเข้ารถยนต์ที่สามารถใช้เชื้อเพลิงทั้งแก๊สโซฮอล์และแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ได้

นายชลัช กล่าวว่า KSL จะหันมาส่งออกเพิ่มมากขึ้น โดยมุ่งเจาะตลาดเอเชีย เป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่นและเกาหลี ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาด้านการส่งออกคาดว่าจะสามารถส่งออกได้ภายในเดือนมิ.ย.50 นี้

"บริษัทเคยส่งออกเอทานอล 3.5 แสนลิตรไปประเทศฟิลิปปินส์แล้ว 1 ครั้ง ในช่วงเดือนพ.ย.49 ที่ผ่านมา ต้นทุนการผลิตเอทานอลของเราสามารถสู้ราคาตลาดโกลได้ โดยเฉพาะบราซิล ที่มีต้นทุนสูงกว่าเราด้านค่าขนส่ง"นายชลัชกล่าว

นายชลัช กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทมีสต๊อกเอทานอลประมาณ 6 ล้านลิตร แบ่งเป็นรูปแบบแอลกอฮอล์ 99% จำนวน 1 ล้านลิตร และแอลกอฮอล์ 95% จำนวน 5 ล้านลิตร โดยปริมาณการจำหน่ายในประเทศปัจจุบันอยู่ที่ 2 ล้านลิตรต่อเดือน ส่วนที่เหลือส่งออกต่างประเทศ

ด้านนายวีระพล จิรประดิษฐ์กุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโนบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า สนพ.จะไม่ปรับเพิ่มส่วนต่างราคาเบนซิน 95 กับแก๊สโซฮอล์ 95 ที่ขณะนี้อยู่ที่ 3.30 บาทต่อลิตรอีก เนื่องจากเห็นว่าระดับราคาดังกล่าวเต็มลิมิตของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วและเชื่อว่าระดับราคาดังกล่าวน่าจะจูงใจประชาชนได้รวมทั้งจะเร่งขยายปั๊มแก๊สโซฮอล์จากปัจจุบันมีอยู่ 4,000 แห่ง โดยตั้งเป้าใช้เอทานอลให้ได้ 8 แสนลิตร ภายในสิ้นปีนี้:PTT-ATCสบช่องโรดโชว์

นายเพิ่มศักดิ์ ชีวาวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน)หรือ ATC กล่าวว่า วันนี้(21พ.ค.)บริษัทจะนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน(โรดโชว์)ที่ประเทศอังกฤษ โดยจะใช้เวลา 2 วัน เพื่อพรีเซ็นต์ข้อมูลให้กับบรรดากองทุนทั้งหมด 7-8 ราย มีทั้งกองทุนหน้าเก่าที่เคยลงทุนกับบริษัทอยู่แล้วและกองทุนใหม่ที่สนใจจะเข้าลงทุนธุรกิจอะโรเมติกส์

"สิ่งที่เราจะนำเสนอต่อนักลงทุนเหล่านี้คือภาพรวมบริษัท วิสัยทัศน์ กลยุทธ์แผนธุรกิจในอนาคต ผลประกอบการและเม็ดเงินลงทุนต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนหุ้น ATC มากขึ้น เพราะธุรกิจปิโตรเคมีสามารถที่จะต่อยอดออกไปได้มากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบันและมีอนาคตไปไกลกว่านี้"นายเพิ่มศักดิ์กล่าว

นายเพิ่มศักดิ์ กล่าวอีกว่า การไปโรดโชว์ครั้งนี้ บริษัทจะไปพร้อมกับบริษัทกลุ่มบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน)หรือ PTT โดยปัจจุบันมีปริมาณนักลงทุนต่างชาติ ที่ถือหุ้น ATC อยู่ประมาณไม่ต่ำกว่า 20.8% ส่วนเพดานนักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าถือหุ้นได้ไม่เกิน 24% นั่นก็หมายถึงต่างชาติยังเข้าถือได้ 2-3%

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 น่าจะดีกว่าไตรมาสแรกเนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ประเภท พาราไซลีนและเบนซีนปรับเพิ่มขึ้น โดยพาราไซลีนอยู่ที่ 1,300 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนเบนซีนอยู่ที่ระดับ 1,100 เหรียญสหรัฐต่อตัน และถือว่าปรับตัวขึ้นประมาณ 15%เทียบกับไตรมาสแรก:ดัชนีลุ้นแนวต้าน740จุด

นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า สัปดาห์นี้ดัชนีตลาด ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นทำนิวไฮได้อีกครั้ง หลังจากมีข่าวดีที่มากระตุ้นให้ดัชนียังอยู่ในแดนบวกหลายประเด็น เริ่มจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งภาษีอสังหาริมทรัพย์ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมถึงประเด็นการปรับลดดอกเบี้ยอาร์พี 1วัน ที่มีแนวโน้นจะปรับตัวลงอีก โดยมีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ย จะปรับลงอีกประมาณ0.25-0.50%

ส่วนเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้ามาตลอด 3 วันติดต่อกัน จากข้อสันนิษฐานเบื้องต้น เป็นเม็ดเงินเก่าที่ถูกโยกจากตลาดอื่น เพื่อมาลงทุนตลาดหุ้น เพราะทิศทางค่าเงินบาทยังอ่อนค่าอยู่ตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยแนวรับดัชนีสัปดาห์นี้อยู่ที่ระดับ 720 จุดแนวต้านอยู่ที่ระดับ 740 จุด

ตารางแสดงตัวเลขการเงินที่สำคัญหุ้น BV(บาท) P/BV(เท่า) P/E(เท่า) เป้าหมาย(บ.)ATC 23.60 2.55 9.09 62.50PTT 110.64 2.15 7.00 250.00TOP 33.61 1.99 8.24 73.00RRC 2.26 1.59 10.27 20.10PTTEP 27.44 3.59 12.00 108.00KSL 4.23 2.13 22.19 12.20LANNA 4.19 2.34 10.38 13.10ที่มา : ข่าวหุ้นธุรกิจรวบรวม



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com