Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 22/05/2007 @ 11:01:22 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ที่มา : K.KRAZIP
SET Index วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2550 ปิดที่ดัชนี 728.22จุด -0.54จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,530 ล้านบาท กลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,317.94 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 904.58 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,413.35 ล้านบาท ดัชนีวานนี้ไต่ระดับ High ของรอบนี้ได้ที่ระดับ 733.78 จุด +5.02 จุด ซึ่งไม่สามารถผ่านไปถึงแนวต้านที่ 735 จุด ก็ถูกแรงขายออกมาก่อนแล้วดัชนีก็ปรับตัวลดลงแตะดัชนี Low ที่ระดับ 725.72 จุด -3.04 จุด เกิดการปรับฐานทันทีหลังดัชนีไปไม่ถึงแนวต้านซึ่งหากไปถึงและยืนได้จะกลายเป็นจุดซื้อสำคัญที่จะทำให้ดัชนีดีดตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่องเพราะเม็ดเงินจากต่างชาติยังไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นบ้านเราอยู่ แต่ตลาดเรายังไปไม่ได้ โดยมีแรงขายออกมามากจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยี และหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่หุ้นพลังงานและหุ้นหลักทรัพย์ยังพอมีแรงซื้อเข้ามาพยุงดัชนีให้กลับขึ้นยืนเป็นบวกได้บ้างในระหว่างวัน ส่วนทางด้านหุ้นเล็กเก็งกำไรก็โผล่หน้ามาให้เห็นกันเป็นพัก ๆ เหมือนกันซึ่งนำทีมโดย NEP-W1, SVI-W2, และหุ้นวอแรนท์น้องใหม่แกะกล่องอีกตัวที่พึ่งเข้าเทรดวันแรก EASON-W1 ซึ่งฟอร์มดูดีไม่น้อยแม้จะเป็น Free warrant ก็ตาม
PSL ราคาเปิด 26.25 บาท ราคาปิด 26 บาท มูลค่าการซื้อขาย 80.28 ล้านบาท ผู้บริหาร เปิดเผยว่า ในปีนี้ PSLอาจพิจารณาซื้อเรือ 10 ลำหรือมากกว่า หากราคาเรือปรับลดลงต่ำกว่า 32-34 ล้านเหรียญสหรัฐต่อลำ และอายุเรือน้อยกว่า 10 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสที่ตลาดค่าระวางเรือจะปรับลดลงตามซีซั่น ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเดือนมิ.ย. ถึง ส.ค. ซึ่งหากเป็นเหมือนในอดีตก็จะพิจารณาซื้อเรือแต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับราคาที่เหมาะสม คาดการณ์ว่าค่าระวางเรือในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 11,000 -13,000 เหรียญต่อวันต่อลำ ซึ่งมากกว่าปีก่อนที่เฉลี่ยอยู่ที่ 11,387 เหรียญต่อวันต่อลำ พิจารณาจากงวดไตรมาสแรก ค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12,874 เหรียญต่อวันต่อลำ ซึ่งค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น ในปัจจุบันอัตราค่าระวางเรืออยู่ที่ 12,874 เหรียญต่อวันต่อลำ ได้ทำสัญญาระยะยาวทั้งหมด 84% ทำให้เหลือเพียง 15% ที่อาจจะผันผวนจากค่าระวางเรือ ดังนั้น PSLจะไม่ได้รับผลกระทบมากจากค่าระวางเรือที่ผันผวน ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 25.50บาท แนวต้าน 29 บาท
SC ราคาเปิด 10.60 บาท ราคาปิด 10.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 66.28 ล้านบาท ราคาหุ้น SCถือว่าอยู่ในระดับที่ยังต่ำ เมื่อเทียบกับแนวโน้มธุรกิจที่แข็งแกร่ง หลังประกาศผลประกอบการQ 1/50 มีกำไรสุทธิ 222.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 219% QoQ ที่มีกำไรสุทธิ 69.76 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการQ2/50 ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก และขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าทั้งปีรายได้จะเติบโต 30% จาก 1.98 พันล้านบาทในปีก่อนหน้า นอกจากยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ ยังมียอดขายจากปีก่อนหน้ายกมารับรู้อีกมากกว่า 1 พันล้านบาท SC อยู่ระหว่างเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม ย่านสุขุมวิท 64 มูลค่า 600 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังเตรียมเปิดอีก 2 โครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง มูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านบาท และ SCยังหาซื้อที่ดินทำเลใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในส่วนของวงแหวนรอบใน และแนวก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งทั้งปีตั้งงบลงทุนไว้ 1 พันล้านบาท
และได้มีการทยอยซื้อบ้างแล้วตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นK.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับที่ 10.20 บาท แนวต้าน 11.10 บาท
HEMRAJ ราคาเปิด 0.99บาท ราคาปิด0.98 บาท มูลค่าการซื้อขาย5.71 ล้านบาท จากที่ในไตรมาสที่1มีกำไรลดลงถึง 36% YoYแต่เมื่อเปรียบเทียบไตรมาสที่1/49 มีกำไรจากการปรับหนี้ 86 ล้านบาท และกำไรขายเงินลงทุน 5 ล้านบาท แต่หากไม่นับรายการเหล่านี้กำไรปกติลดลงประมาณ 19% แต่คาดว่าในช่วงเวลาที่เหลือของปี กำไรสุทธิจะทยอยปรับตัวดีขึ้นเนื่องแนวโน้มที่สดใสและข้อดีของบริษัทคือมียอดขายรอรับรู้รายได้ที่สูงจากการขายพื้นที่นิคมที่มาบตาพุดตอนปลายปี 49 ที่จะทยอยรับรู้ตามความคืบหน้าการก่อสร้างตั้งแต่ไตรมาสที่1-4ในปี 50 และจากยอดขายพื้นที่ใน 1Q50 เป็น 114 ไร่ แต่ในไตรมาสที่2/50 คาดว่ายอดขายจะสูงเป็น 375-475 ไร่ โดยลูกค้าเป้าหมายสำคัญอยู่ในกลุ่มเคมีภัณฑ์และยานยนต์หากพิจารณาอัตราการเติบโตของกำไรปกติทั้งปี ซึ่งปีนี้ที่สูงเป็น31% ก็ยังน่าสนใจและมีกำไรคอนโด The Park เข้ามามากตามการรับรู้รายได้ ดังนั้น K.KRAZIPจึงแนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 0.96บาท แนวต้าน1.04บาท
PTT ราคาเปิด244 บาท ราคาปิด246 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,246.03ล้านบาท จาการที่PTT มุ่งปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มกำไรและมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นโดยมีการควบรวมกิจการ Aromatics กับ Rayong Refinery ซึ่งมีความก้าวหน้าตามแผน ATC, RRC และ PTT เตรียมที่จะส่งแผนการควบรวมกิจการให้คณะกรรมการของแต่ละบริษัทอนุมัติภายในเดือนนี้ SPRC เป็นอีกความเป็นไปได้ที่ บมจ.ปตท มีแผนจะขายส่วนการลงทุนใน PRC
เป็นเงินสดหรือสินทรัพย์ในการดำเนินงานอื่นและจากการเจรจาปรับค่าผ่านท่อมีความก้าวหน้าในขณะเดียวกัน การเจรจาปรับค่าผ่านกับกระทรวงพลังงานมีความก้าวหน้าตามลำดับ เนื่องจากมีการเซ็นสัญญาข้อตกลงเรียบร้อยแล้วและรัฐมนตรีว่าการฯ คนปัจจุบัน ซึ่งมีความเข้าใจในสาระสำคัญของสัญญาดังกล่าวเป็นอย่างดีมีส่วนร่วมในการเซ็นสัญญา จากแนวโน้มที่ดีขึ้นในธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีจากกำไรที่คาดว่าจะเพิ่มอย่างคงที่ในอีก 2 ปีข้างหน้า ดังนั้น K.KRAZIP จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับ242 บาท แนวต้าน254 บาท[/size:736786b283">
|
