May 17, 2024   11:24:09 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นรับเหมาสวยเด้งทันตาเห็น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 22/05/2007 @ 23:46:50
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ครม.ปล่อยผี อนุมัติก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง รังสิต-บางซื่อ-ตลิ่งชัน มูลค่า 6.5 หมื่นลบ.แล้ว คาดขายแบบTOR ได้ต้น ก.ค. เปิดประมูลแบบอีอ๊อกชั่นได้ ภายใน ส.ค.-ก.ย. กูรูประสานเสียง 3 ยักษ์รับเหมารายใหญ่ STEC-CK-ITD ได้ประโยชน์ เหตุมีความพร้อมทั้งเทคโนโลยี เม็ดเงินและประสบการณ์ ขณะผู้รับเหมาส่งซิกรอบนี้ถ้าราคาต้นแบบสูงกว่าราคากลางไม่เล่นด้วยแน่ เหตุไม่คุ้มกับการลงทุน ส่วนเซียนเทคนิค ส่งสัญญาณเตือน STEC-ITD อัพไซด์ เหลือน้อยแล้ว ส่วน CK ยังพอมีแก๊ปทำกำไร

วานนี้ (22 พฤษภาคม 2550 ) นายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงเรียบร้อยแล้ว มูลค่ารวม 6.5 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จะสามารถขายแบบทีโออาร์ได้ประมาณต้นเดือน ก.ค. 2550 และจะสามารถประกาศลงนามได้ประมาณปลายปีนี้ (พ.ย.-ธ.ค.) ส่วน เส้นบางซื่อ-รังสิต คาดว่าจะสร้างแบบได้ในปลายปี และเสนอวงเงินงบประมาณเข้าครม.อีกครั้ง

ส่วนนายบัญชา คมนคร รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติการก่อสร้างโครงการรถไฟชานเมือง สายสีแดง รังสิต-บางซื่อ-ตลิ่งชัน วงเงินงบประมาณรวม 6.5 หมื่นล้านบาท แยกออกเป็น 2 ช่วงคือ บางซื่อ-ตลิ่งชัน งบประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท จะใช้เงินกู้ภายในประเทศทั้งหมด โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหา และช่วงรังสิต-บางซื่อ งบประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาท เป็นงบประมาณกู้ภายในประเทศส่วนหนึ่ง และกู้จากต่างประเทศส่วนหนึ่ง โดยจะใช้แหล่งเงินกู้คือธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (เจบิก)

ทั้งนี้ ในรูปแบบการประมูลจะประมูลแบบอีอ๊อกชั่น และขายแบบต้นเดือน ก.ค. นี้ ส่วนการเปิดประมูลคาดว่าจะสามารถทำได้ตามกำหนดเดิม คือในเดือนส.ค. -ก.ย. 2550
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ ครม.อนุมัติก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงดังกล่าว ทางผู้ประกอบการรับเหมาหลายรายก็ได้ออกมายืนยันเจตนาจะเข้าร่วมประมูลงาน

- STEC เผยพร้อมเข้าประมูล แต่งานนี้พร้อมถอยหากพบราคาต้นแบบสูงกว่าราคากลาง
นายวรพันธ์ ช้องทอง กรรมการรองผู้ตัดการสายการเงินและบริหาร บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน)(STEC) เปิดเผยกับ eFinanceThai.comว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่มั่นใจว่าทางภาครัฐจะสามารถเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงได้ตามที่บอกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาภาครัฐเลื่อนกำหนดการประมูลมาโดยตลอด

อย่างไรก็ดี หากภาครัฐเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงจริง ทางบริษัทก็พร้อมที่จะเข้าประมูล เบื้องต้นหากทางภาครัฐยังยึดหลักการเดิมคือแยกงานโยธาและงานระบบจากกัน บริษัทก็จะเข้าประมูลเดี่ยวโดยไม่ร่วมกับพันธมิตรรายใด

?เมื่อเราซื้อแบบโครงการมาคงเอามาประเมินราคาค่าก่อสร้างของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงก่อน แต่หากราคาต้นแบบสูงกว่าราคากลางก็คงไม่หั่นราคาสู้คู่แข่งเหมือนที่ผ่านมา เพราะยอมรับว่ามันไม่คุ้ม งานนี้หากมาร์จิ้นไม่ถึง 12-15% ก็คงไม่สู้ ซึ่งเชื่อว่าผู้รับเหมาหลายรายก็มีแนวทางเป็นเช่นนี้เช่นกัน?นายวรพันธ์กล่าว

- ASCON เตรียมจับมือพันธมิตรจากเยอรมัน ร่วมประมูล
นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASCON เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าจากกรณีที่วันนี้ (22 พ.ค.50) คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง มูลค่ารวม 6.5 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จะสามารถขายแบบทีโออาร์ได้ประมาณต้นเดือน ก.ค. 2550 บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีประสบการณ์และมีศักยภาพ นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรจากประเทศเยอรมัน ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนในด้านของเทคโนโลยีที่ทันสมัยอีกด้วย ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้บริษัทฯ ได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่นๆ

แน่นอนทาง ASCON ก็คงจะต้องเข้ามร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งจะจับมือพันธมิตรจากประเทศเยอรมันเข้าร่วมประมูล ตอนนี้ก็เตรียมความพร้อมแล้ว นอกจากนี้รถไฟฟ้าทุกสายที่ภาครัฐจะเปิดประมูล ASCON ก็จะเข้าประมูลทุกงาน ซึ่งจะมีพันธมิตรเข้ามาร่วมประมูลด้วย ไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน หรือญี่ปุ่นก็ยินดีจะเข้าร่วมประมูลด้วย นายพัฒนพงษ์ กล่าว

- SAM ยิ้มรับ เชื่อหนุนยอดขายท่อ 18 นิ้วกระฉูด

นายพัชวัฎ คุณชยางกูร ประธานกรรมการ บมจ.สามชัย สตีล อินดัสทรี (SAM) กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่า เชื่อว่าบริษัทฯจะได้รับผลดีจากการที่ ครม.อนุมัติรถไฟฟ้าสายสีแดง เพราะจะส่งผลให้ยอดขายท่อเหล็กขนาด 18 นิ้ว ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าขนาดพิเศษและคู่แข่งน้อยราย อีกทั้งยังทำให้มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น เพราะมาร์จิ้นท่อเหล็ก 18 นิ้วจะอยู่ในระดับ 8-10% ขณะที่ท่อเหล็กขนาดเล็กมีมาร์จิ้นเพียง 5-8% เท่านั้น

- PYLON ระบุมีลุ้นคว้างานฐานรากโครงการรถไฟฟ้ากว่า 50%

นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON กล่าวถึงโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าของภาครัฐ ว่า หากโครงการรถไฟฟ้าเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้จริง ก็จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการรับเหมาอย่างชัดเจน เพราะจะทำให้งานในตลาดมีมากขึ้น การแข่งขันด้านราคาที่เกิดขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงที่ในตลาดมีงานค่อนข้างน้อย ก็จะลดลง ซึ่งจะส่งผลดีโดยตรงต่อรายได้และกำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ซึ่ง PYLON มีความพร้อมเป็นอย่างมาก สำหรับการรองรับงานที่จะมีเข้ามาในอนาคต ทั้งด้านพันธมิตร กำลังคน เครื่องจักรและงบประมาณ

ทั้งนี้ คาดปีหน้าอาจมีรถไฟฟ้าเริ่มก่อสร้างถึง 2 สาย คือ สายสีแดง และสายสีม่วง โดยรถไฟฟ้าทั้งสองสายคาดว่าจะมีค่าแรงรับเหมาก่อสร้างฐานรากรวมกันที่ประมาณ 1,400 ลบ. อย่างไรก็ตาม หากบริษัทพันธมิตรของ PYLON ได้รับงานประมูลดังกล่าว และส่งงานรับเหมาก่อสร้างฐานรากให้กับผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญเชื่อว่า PYLON น่าจะได้รับงานดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 50% ของมูลค่างานทั้งเหมา เช่นเดียวกับในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ครั้งที่ผ่านๆ มา

เราจะได้รับงานฐานรากจากโครงการรถไฟฟ้ามากหรือน้อยแค่ไหนก็คงขึ้นอยู่กับว่าใครประมูลได้ด้วย แต่ถ้าดูจากประสบการณ์ที่ผ่านมาๆ ก็คงเหมือนกัน คือ เราในฐานะรายใหญ่ก็จะได้งานก่อสร้างฐานมากไม่น้อยกว่า 50% ของงานฐานรากทั้งหมด ส่วนที่เหลือก็เป็นผู้รับเหมารายอื่น และที่เราได้รับงานมากขนาดนี้ก็เพราะเราเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีกำลังคน-เครื่องจักรเพียงพอ เรามีประสบการณ์ในโครงการขนาดใหญ่มาเป็นอย่างดี ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในตลาดค่อนข้างมาก และประการสำคัญเราพร้อมจะลงทุนเพื่อให้รองรับงานได้อย่างคล่องตัว สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เราได้รับงานในโครงการขนาดใหญ่เสมอนายบดินทร์กล่าว

เขากล่าวอีกว่า หากในปีหน้ามีการก่อสร้างรถไฟ้า 2 สาย ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ก็เชื่อว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ไม่น้อยกว่า 30% จากรายได้ในปี 2550 ตามจำนวนงานที่เพิ่มมากขึ้น และการแข่งขันทางด้านราคาที่คาดว่าจะเบาบางลง โดยไม่รวมงานภาคเอกชนที่บริษัทอาจจะเข้าไปรับงานได้มากขึ้นด้วย



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 22/05/2007 @ 23:48:22 :
- ITD-STEC-CK ควงแขนดี๊ด๊า รับข่าวดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก ครม.มีมติอนุมัติการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง รังสิต-บางซื่อ-ตลิ่งชัน วงเงินงบประมาณรวม 6.5 หมื่นล้านบาท ในช่วงที่ตลาดฯปิดการซื้อขายภาคเช้า ปรากฎว่าทันทีที่ตลาดฯ เปิดการซื้อขายในภาคบ่าย ราคาหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวทันที
โดย ณ เวลา 14.31 น.(22 พ.ค.50) ราคาหุ้น ITD อยู่ที่ 6.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.48% มูลค่าการซื้อขาย 43.30 ล้านบาท หุ้น STEC อยู่ที่ 5.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ 0.92% มูลค่าการซื้อขาย 99.34 ล้านบาท และหุ้น CK อยู่ที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ 0.62% มูลค่าการซื้อขาย 94.63 ล้านบาท

- เซียนเทคนิคเชื่อ สิงห์เดย์เทรดเก็งกำไรหุ้นรับเหมาฯแน่ แต่ให้ระวัง ITD - STEC อัพไซด์เหลือน้อย
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากการที่ คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้สายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) นั้นน่าจะส่งผลให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะกลุ่มผุ้รับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งมีศักยภาพในการเข้าร่วมประมูล อาทิ บมจ.ช.การช่าง (CK) บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) และบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD)

แต่ทั้งนี้การเข้าเก็งกำไรในหุ้น ITD และ หุ้น STEC ต้องระมัดระวังด้วย เนื่องจากราคาหุ้นทั้ง 2 ตัว ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ราคาเป้าหมายที่ให้ไว้แล้ว ที่ 6.39 บาท และ 5.56 บาท ตามลำดับ ประกอบกับตลาดฯได้รับรู้ข่าว ว่าจะมีการนำโครงการรถไฟฟ้าเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แนะนำ ซื้อ หุ้น CK เนื่องจากยังมีอัพไซด์อยู่ถึง 17% โดยให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 9.43 บาท

ผู้รับเหมาขนาดใหญ่มีศักยภาพที่จะได้งานประมูลโครงการรถไฟฟ้า เพราะสามารถไปเจรจาร่วมทุนกับต่างชาติได้รวมถึงมีประสบการณ์ในการก่อสร้างจากเดิมอยู่ แต่ยังตอบไม่ได้ว่าใครน่าจะได้รับงานดังกล่าวไป เพราะเรายังไม่รู้ว่าใครจะเสนอราคาต่ำสุด นักวิเคราะห์รายเดิม กล่าว

- กูรูเชื่อระยะยาวหุ้นรับเหมายังลงทุนได้
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี เปิดเผยว่า หลังจาก ครม.อนุมัติก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง แม้ว่าหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้มีแรงเทขายออกมาหรือ Sell on Fact แต่หากนักลงทุนจะซื้อเพื่อลงทุนในระยะยาวก็สามารถเข้าไปลงทุนได้ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนตลอดเวลา นอกจากนี้ยังคาดว่าในช่วงที่เปิดยื่นซองประมูลราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวคงจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาอีกรอบ

ส่วนหุ้นที่มีความโดดเด่นและคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการก่อสร้างดังกล่าวมากที่สุด ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เนื่องจากมีประสบการณ์รวมทั้งเป็นผู้รับเหมาขนาดใหญ่ โดย CK ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 6 บาท/หุ้น และ CK ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 10 บาท/หุ้น

ขณะที่นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) นั้น บริษัทฯที่น่าจะได้รับประโยชน์จากเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็น บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) เนื่องจากเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีแดงนั้น เชื่อมโยงกับเส้นทางของแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ที่ทาง STEC นั้นเป็นผู้ที่ได้รับงานก่อสร้างอยู่ ดังนั้นทาง STEC จึงน่าจะมีสิทธิที่จะชนะการประมูลการก่อสร้าง

ส่วนทางด้าน บมจ. ซีฟโก้ (SEAFCO) นั้นก็น่าจะมีสิทธิในการที่ได้รับงานก่อสร้างทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจาก SEAFCO มีความถนัดในเรื่องดังกล่าวมากที่สุด ขณะที่ราคาหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมารับข่าวดังกล่าวไปบ้างแล้ว ดังนั้นนักลงทุนระบยะสั้น จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยง ส่วนระยะยาวนั้นให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัว

อย่างไรก็ตาม มองว่าหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังคงมีความน่าสนใจในการลงทุนอยู่ เนื่องจากยังมีงานก่อสร้างที่รออยู่อีกจำนวนมาก นอกจากเรื่องการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้ว ยังมีเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต รวมถึงการก่อสร้างโรงปิโตรเคมีระหว่างบมจ. ปูนซีเมนต์ไทย และบมจ. ปตท. ซึ่งมีมูลค่าค่อนข้างสูง แต่บริษัทฯ หรือผู้ประกอบการรายใดจะได้รับงานดังกล่าวนั้นก็ขึ้นอยู่กับการบริหารต้นทุนของตัวเอง ซึ่งรายไหนมีการบริหารที่ดี ก็จะมีโอกาสมากกว่า

- บล.ฟินันซ่า แนะนำ ?ซื้อเก็งกำไร? ITD

บทวิเคราะห์จาก บล.ฟินันซ่า ระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า ยังแนะ ?ซื้อเก็งกำไร? ITD เนื่องจากพบว่าศักยภาพสูงในการรับงานรถไฟฟ้า โดยราคาหุ้น ITD พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง 19% จากต้นปี หลังเริ่มเห็นความชัดเจนจากภาครัฐในการเปิดประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้ารวมถึง Mega projects อื่นๆ โดยจุดเด่นของ ITD คือ มีความได้เปรียบที่สามารถทำงานก่อสร้างได้ทุกประเภท และมี Track Record ต่อเนื่องยาวนาน เราประเมินราคาที่เหมาะสมสิ้นปี 07 ที่ 6.33 บาท/หุ้น Upside อีก 6% ยังให้ ?ซื้อเก็งกำไร? ทั้งนี้ITD จะยังมีความเสี่ยงในเรื่องการตรวจสอบสนามบิน ทั้งเรื่อง CTX และ Runway

- บล.ทรีนีตี้ แนะนำ ?ซื้อ? STEC ที่ราคาเหมาะสม 5.90 บาท
บทวิเคราะห์จาก บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการของ STEC จะปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจาก STEC มีนโยบายเพิ่มสัดส่วนงานภาคเอกชนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) สูง เช่นโรงไฟฟ้า และโรงงานปิโตรเคมี ประกอบกับบริษัทฯ มี Tax Shield อยู่อีกประมาณ 1.78 พันล้านบาท คาดสามารถใช้ลดภาระภาษีได้อีกอย่างน้อย 3 ปี

STEC มีนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนงานภาคเอกชนที่มี Gross Margin สูง ทำให้บริษัทฯไม่สนใจโครงการรถไฟฟ้ามากนัก หากโครงการรถไฟฟ้ามี GM ต่ำกว่า 8% โดย STEC วางแผนจะยื่นเสนอราคางานต่างประเทศหลายโครงการ โดยเน้นงานที่มี GM มากกว่า 10% เช่น โครงการโรงงานปิโตรเคมีที่สิงคโปร์ มูลค่า 2-3 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการเสนอราคาใน 3Q2550

แนะนำ ?ซื้อ? ที่ราคาเหมาะสม 5.90 บาท ภายใต้สมมติฐาน PER 20x โดยใช้จำนวนหุ้นทั้งหมดหลังการแปลงสภาพวอแรนท์จำนวน 1,350 ล้านหุ้น ทำให้ได้มูลค่าเหมาะสมที่ 5.90 บาทต่อหุ้น แม้มี Upside เพียง 8.3% แต่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีโอกาสเติบโตในปีหน้าจากโครงการก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้า แนะนำ ?ซื้อ?

- บล.โกลเบล็ก แนะนำซื้อ CK ราคาเหมาะสมที่ 10.40 บาท
บทวิเคราะห์จาก บล.โกลเบล็ก ระบุว่า การเปิดประมูลงานภาครัฐคาดผลักดันมูลค่างานในมือและราคาหุ้น :การเปิดประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ามีทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ หากมีการเปิดประมูลจริงเราคาดว่า CK จะเป็นหนึ่งตัวเต็งที่จะชนะการประมูลเนื่องจากมีความพร้อมด้านเงินทุนและประสบการณ์อยู่แล้วซึ่งหากชนะการประมูลจะช่วยเพิ่มมูลค่างานในมือรองรับการเติบโตของรายได้ในอนาคตและคาดว่าจะมีการเก็งกำไรราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง

คงแนะนำ ?ซื้อ? เป้าหมายปี 50 : 10.40 บาท เราประเมินมูลค่าเหมาะสมของ CKโดยใช้วิธี DCF ที่ WACC 11% จะได้ราคาเหมาะสมของปี 50 ที่10.40 บาท




[/color:8f04f306c1">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com