*ทันทีที่ดัชนีกระชากขึ้นแรงสวนทางกับข่าวการปรับลดความน่าเชื่อถือประเทศไทยของS&P ก็เล่นเอาผู้ออกคำแนะนำหน้าหงายไปตามๆ กัน เพราะภาพที่ปรากฎออกมาสู่สายตาสาธารณชนฟ้องว่า นักลงทุนไม่ได้แยแสกับคำแนะนำของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายนี้เลยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ

*แถมการกระชากขึ้นแรงคราวนี้เกิดจากแรงผลักดันของหุ้นกลุ่มบลูชิพอย่าง แบงก์ไฟแนนซ์ พลังงาน ปิโตรเคมี และอสังหาริมทรัพย์ ยิ่งทำให้ดัชนีมีโอกาสกระชากขึ้นทะลุแนวต้าน 740 จุดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

*เนื่องจากสถานการณ์ของตลาดหุ้นเป็นใจให้ดัชนีไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ "โมนิก้า"ถึงพยายามเชียร์ให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นตุนไว้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการลงทุนยามนี้ไม่มีอะไรจะต้องกลัวอีกไป เพราะหุ้นบางตัวที่เห็นว่าแพงมากๆ เอาเข้าจริงยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายในอนาคตอีกนะจะบอกให้

*งานนี้ถึงไม่ต้องสนใจใยดีกับสถาบันจัดอันดับเครดิตจะเม้าท์กันว่าอย่างไร เพราะตราบใดที่นักลงทุนต่างชาติยังเข้าซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง และตลาดหุ้นไม่มีข่าวร้ายชิ้นใหม่เข้ามาซ้ำเติม "โมนิก้า" ก็ยังเชื่อว่าดัชนีมีโอกาสพลิกแนวต้าน 740 จุดให้กลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในไม่ช้า

*เมื่อท้องฟ้าแจ่มใส และบรรยากาศการลงทุนเป็นใจสุดๆ หุ้นเก็งกำไรยอกนิยมทั้งหลายแหล่ก็เลยฉวยโอกาสบวกแรงๆ เกาะกระแสไปกับเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นในรายของEWC EMC APURE ASL AMC หรือแม้แต่ TRAF ก็ยังปรับขึ้นแรงหน้าตาเฉยแบบนี้..."โมนิก้า" คงไม่มีอะไรคอมเม้นท์แล้วหล่ะ

*เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า พระเดชพระคุณ เหล่านี้เป็นหุ้นประเภทตีหัวเข้าบ้านคนเล่นต้องวัดดวงกันเอาเอง เพราะไม่สามารถใช้สัญญาณทางอ่านค่าได้ แถมปัจจัยพื้นฐานก็ไม่ซับพอร์ต เดี๊ยนถึงไม่มีอะไรจะพูดให้เมื่อยปาก หลังเห็นกันจะจะว่า ข้างนอสุกใสข้างในตะติ๊งโหน่ง...อิอิอิ

*เช่นเดียวกับในรายของ THL "โมนิก้า" ได้ข่าวว่าการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ล่าสุดเจอต้นชิ้นเบ่อเร้อใช่ไหมเอ่ย...ถึงได้เลื่อนผลตรวจสอบความผิดครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งวานนี้เจอเจ๊เกษรี ณรงค์เดช นายกสภาวิชาชีพบัญชี และเป็นผู้เซ็นรับรองงบการเงินบริษัทนี้ ตอกหน้าตลาดหลักทรัพย์แรงๆ ว่า ทำอะไรไม่เข้าท่า และเป็นต้นทำให้นักลงทุนตื่นตกใจเกินกว่าเหตุแบบนี้ "โมนิก้า" เชื่อว่าวันนี้คงได้เห็นการแลกหมัดระหว่างสองหน่วยงานอย่างถึงพริกถึงขิงพะยะค่ะ

*น่าสนใจก็คือ! ถ้าตลาดหลักทรัพย์หามูลความผิดตามข้อสงสัยดังกล่าวไม่ได้ ก็เท่ากับเป็นการประจานประสิทธิภาพที่หย่อนหยานในการตรวจสอบ และคนที่ต้องออกมารับผิดชอบเรื่องนี้เต็มๆ น่าจะเป็นชายที่มีชื่อว่า ศักรินทร์ เพราะเป็นคนประโคมข่าวเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียวนะซี

*งานนี้ไม่ว่าบทสรุปจะจบแบบเลือดท่วมจอ หรือจะจูบปากกันทั้งสองฝ่าย คนที่รับผลกรรมเต็มๆ ก็ยังเป็นพวกแมงเม่าวัยละอ่อนอยู่ดี เพราะไม่รู้เรื่องราวอะไรกับเขาบ้างเลยและเพียงแค่เห็นราคาหุ้นพุ่งขึ้นแรง ก็ยกโขยงตามกันไปเล่นหน้าตาเฉย "โมนิก้า" ถึงไม่เคยนึกสงสารไงหล่ะ

*สวนทางกับหุ้นกลุ่มอิเลคโทรนิคส์อย่าง DELTA ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจnew economy ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตัวธุรกิจอย่างโดดเด่นด้วยการกระชากขึ้นมาปิดที่ 18.20 บาท บวกไป 0.80 บาท พร้อมด้วยวอลุ่มที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบหลายสัปดาห์ น่าเป็นการส่งสัญญาณว่าหุ้นจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ นะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ HANA พยายามวิ่งทะลุแนวต้าน 27 บาทมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยสำเร็จสักที และนี่ก็ล่วงเลยเวลามาเกือบ 3 เดือนแล้ว ราคาหุ้นก็ยังไม่มีทีท่าจะกระชากขึ้นได้สักทีแบบนี้ "โมนิก้า" ขอแนะนำให้โยกเงินไปเล่นรายแรกจะคุ้มกว่า เพราะทิศทางอยู่ในช่วงขาขึ้นพอดี...ส่วนรายนี้ คงจมปลักอยู่ที่ฐานแนวรับบริเวณนี้ไปอีกนานแสนนานพะยะค่ะ

*ส่วนหุ้นกลุ่มแบงก์ที่น่าจับตามมองมากสุด คงเป็นในรายของ KTB เพราะครั้งนี้กระชากขึ้นมาพร้อมกับแรงซื้อที่หนาแน่น เป็นการส่งสัญญาณขาขึ้นรอบใหม่อย่างไม่ต้องสงสัยและหากสังเกตให้ดีๆ จะพบว่าสัญญาณทางเทคนิคทั้งในส่วนของ Bollingers Bands ,RSIและ Modified Stochastic บอกว่าหุ้นกลับทิศเป็นขาขึ้นอย่างเต็มตัวพะยะค่ะ

*แต่มีข้อแม้ว่าหุ้นต้องวิ่งทะลุแนวต้าน 11.50 บาทไปให้ได้เสียก่อน ราคาหุ้นถึงมีโอกาสกระชากขึ้นไปหาแนวรับเก่าครั้งก่อนบริเวณ 12.00-12.50 บาท เพราะตอนนี้ตัวธนาคารปลอดจากปัญหามารบกวนนะซี

*ตบท้ายกันที่ หุ้นสื่อสาร ก็แล้วกัน เพราะเห็นผู้จัดการกองทุนร้องโอดครวญกันระงมหลังจากผู้คุมกฎเล่นปรับเปลี่ยนเรื่องสัญญาสัมปทานกันรายวัน หุ้นกลุ่มสื่อสารถึงเกิดอาการเดี้ยงขึ้นมาอย่างกระทันหัน ผู้จัดการกองทุนก็เลยต้องตัดขายขาดทุนกันยกใหญ่ และเป็นเหตุให้ NAV ลดลงกันถ้วนหน้า...อิอิอิ