May 17, 2024   9:03:39 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กลยุทธ์ลงทุนหุ้นSmallCap
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 23/05/2007 @ 14:04:25
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เผดิมภพ สงเคราะห์?ผู้บริหาร บล.บัวหลวง เผยเคล็ดลับลงทุนหุ้น Small Cap แนะจับรายอุตสาหกรรมเป็นหลักทั้งพลังงาน เคมีและโรงพยาบาล ชู?UMS-UEC-TNH-ETG?ยังน่าสนหากมีอยู่ในมือแนะ?ถือ?ส่วนนักลงทุนหน้าใหม่?รอซื้อเมื่ออ่อนตัว?พร้อมมองธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า,ส่งออกอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์อนาคตผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนหุ้นที่อิงกับการเมืองแนะ?เก็งกำไร?เน้นติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด(มหาชน)หรือBLS เปิดเผยถึงสูตรการลงทุนหุ้น Small Cap ว่าหากนักลงทุนสนใจที่จะลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ควรจะพิจารณาอุตสาหกรรมนั้นๆ เป็นหลักว่าอุตสาหกรรมนั้นมีทิศทางดีขึ้นหรือแย่ลง โดยสังเกตหากอุตสาหกรรมใดเป็นดาวเด่นใน SET หลักทรัพย์ในกลุ่มนั้นจะปรับตัวขึ้น ซึ่งมีทั้งกลุ่มพลังงาน,กลุ่มเคมีและโรงพยาบาล ซึ่งหุ้นในตลาดmai ที่น่าสนใจและมีอัตราการเติบโตตามอุตสาหกรรรมคือ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด(มหาชน)หรือUMS และบริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน)หรือ UEC ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มพลังงานและเคมี ส่วนหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล คือ โรงพยาบาลไทยนครินทร์ จำกัด(มหาชน)หรือ TNH

นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ทางฝ่ายแนะนำ บริษัท อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติกส์ จำกัด(มหาชน) หรือ ETG ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าหลักทรัพย์ทั้ง 4 บริษัทนี้ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีหากนักลงทุนมีอยู่แนะนำ?ถือ? หรือหากไม่มีแนะนำ?รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว?

สำหรับแนวโน้มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องใช้ไฟฟ้า,ส่งออกอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ ทางฝ่ายคาดว่าผลประกอบการต่อจากนี้จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหลักทรัพย์ที่อิงกับการเมืองแนะนำ?เก็งกำไร?โดยแนะนำให้ติดตามข่าวว่าจะมีการประมูลหรือจะผุดโครงอะไรในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เมื่อซื้อได้หากหุ้นขึ้นแนะขายทันที อย่างไรก็ตามอยากจะเตือนนักลงทุนว่าหากจะซื้อลงทุนหุ้นควรจะพิจารณาจากอุตสาหกรรมในอนาคตไม่ใช่P/E เนื่องจากP/E หลักทรัพย์บางบริษัทที่แนะนำถือว่าค่อนข้างสูง

นายเผดิมภพกล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวอยากให้นักลงทุนมองอนาคตของบริษัทนั้นๆ เป็นหลัก เนื่องจากบางบริษัทอดีตอาจจะไม่ดี แต่ปัจจุบันกำลังจะดีหรือหุ้นที่ดีอยู่แล้วกำลังจะดีมากขึ้น สาเหตุที่แนะนำให้ลงทุนหุ้นขนาดเล็ก โดยเฉพาะในตลาดmai เนื่องจากหากพิจารณาผลตอบแทนคือ กำไรจากการลงทุน,อัตราการจ่ายเงินปันผลถือว่าให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง และความเสี่ยงมีไม่มาก แต่ข้อเสียของหุ้น Small Cap คือบทวิเคราะห์มีค่อนข้างน้อยซึ่งในส่วนนี้นักลงทุนต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม

ทั้งนี้หากพิจารณาจากการอัตราการเติบโตของกำไรของบริษทที่จดทะเบียนอยู่ใน SET และตลาดmai จะพบว่าโดยธรรมชาติบริษัทขนาดเล็กจะมีการขยายตัวของกำไรและราคามากกว่าบริษัทที่มีขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณาคือไปดูเบื้องลึกหรือใส้ในแง่ของราคาหุ้นและกำไรว่าเติบโตมาจากกำไรพิเศษ-กำไรแบบชั่วคราวหรือไม่ หรือเป็นการเติบโตแบบวัฏจักร ซึ่งต้องไปเจาะลึกถึงโครงสร้างของกำไรว่าเติบโตเพียงใด หรือไปดูเสริมในเรื่องของงบการเงินต่างๆ หากมีหมายเหตุ*จากผู้ตรวจสอบบัญชีควรพิจารณาให้มากๆ

นอกจากนี้แนะนำให้ดูในเรื่องของเงินปันผลหากบริษัทใดจ่ายในอัตราที่สูงแต่ภาคการลงทุนไม่มี เพราะเอาเงินไปจ่ายปันผล100% ของกำไร ดูเหมือนจะเป็นเพียงเอาปันผลมาล่อใจ จึงอยากแนะนำว่าควรเลือกบริษัทที่จ่ายอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลไม่ต้องมากนัก หากจ่ายในอัตราครึ่งหนึ่งของกำไรแสดงว่าบริษัทนั้นมีโอกาสขยายตัวได้ในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกบริษัทจะเหมือนกันหมด อีกทั้งให้ไปดูโครงการในอนาคตที่บริษัทนั้นๆ จะทำว่าใช่หรือไม่ถ้าใช่ก็ตัดสินใจลงทุนได้เลย สิ่งที่เน้นคือพิจารณาจากงบการเงิน,ดูวิธีการจ่ายเงินปันผลและโครงการในอนาคต

อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Index mai ปรับตัวขึ้นมา 9% แต่Index set ขึ้นมาเพียง 4% ดังนั้นถือว่าตลาด mai ยังมีความน่าสนใจอยู่จากช่วงแรกวอลุ่มการซื้อขายมีพียงวันละ 10-50 ล้านบาท แต่รอบนี้ขึ้นหลัก 100 ล้านบาท-1,000 ล้านบาท ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่คาดหมายในอนาคต หรืออดีตที่ผ่านมาโดยแต่ละบริษัทอัตราการทำกำไรเติบโตมากราคาหุ้นจะตอบสนองในเชิงบวกเอง ดังนั้นจึงมองว่าหุ้นในmai ยังน่าสนใจ






[/color:1300d1c23b">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com