May 17, 2024   9:04:25 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 24/05/2007 @ 11:24:40
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ที่มา : K.KRAZIP
SET Index วันพุธที่ 23 พฤษภาคม 2550 ปิดที่ดัชนี 731.22จุด -1.55จุด มูลค่าการซื้อขาย 15,420 ล้านบาท นัก
ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,986.34 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,042.12 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 944.21 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 736.18 จุด +3.41 จุด และ Low ที่ดัชนี 730.04 จุด -2.73 จุด SET วานนี้ยืนทั้งแดนบวกและลบแต่ค่อนไปในในแดนลบซะส่วนใหญ่ ดัชนีขึ้นลงไม่รุนแรงนัก การอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันส่งผลให้หุ้นพลังงานมีแรงขายออกมาถ่วงดัชนีตลาดเล็กน้อย กอปรกับหุ้นกลุ่มแบงค์และอสังหาริมทรัพย์ก็มีแรงขายออกมาด้วยเช่นกัน ทำให้ดัชนีตลาดเมื่อวานปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ในการเทรดระหว่างวันแม้จะค่อยคึกคักเท่าใดนักเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า แต่หุ้นเก็งกำไรก็ยังคงสร้างสีสันให้กับตลาดได้อยู่ไม่น้อย โดยทีเด็ดยังคงเป็นหุ้นตระกูลวอแรนท์เช่นเดิม เหมือนว่าช่วงนี้จะซื้อง่ายขายคล่องอย่างไรไม่รู้
รู้แต่ว่าแม้หุ้นแม่จะไม่แรงเท่าไหร่แต่หุ้นลูกยังคงเด็ดสะระตี่ โดยหุ้นวอแรนท์สีเขียวสดใสวิ่งกันเต็มกระดานแต่เช้า TKS-W1, EASON-W2 และ AMC-W1 ก็ไม่น้อยหน้าขอแรงต่ออีกครึ่งวัน เพราะครึ่งวันเช้าบวกได้ขึ้นต่อเนื่องแต่ตกบ่ายคงเริ่มเหนื่อยทำให้ราคาตกลงไปเป็นสีแดง อีกตัวปิดท้ายช่วงปลายตลาดวิ่งขึ้นมาแรง บมจ. สยามสตีล อินเตอร์ฯ SIAM วิ่งแรงแซงโค้งปิดตลาดปรับตัวขึ้นกว่า 12%
CK ราคาเปิด8.20 บาท ราคาปิด8.15 บาท มูลค่าการซื้อขาย 326.96 ล้านบาท คาดการณ์ผลประกอบการทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q50เนื่องจากไตรมาสนี้คาดว่า CK จะไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจากการลงทุนในบริษัทร่วมเหมือนกับที่เกิดขึ้นใน 1Q50 ทั้งนี้เป็นเพราะส่วนแบ่งขาดทุนที่เกิดขึ้นใน1Q50 ส่วนหนึ่งมาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทน้ำประปาซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวขณะที่ส่วนแบ่งกำไรที่รับรู้จาก BECL และนำประปาไทย จะทำให้ CK มีส่วนแบ่งการลงทุนที่เป็นบวกหรืออาจขาดทุนเล็กน้อยเนื่องจากยังรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก BMCL ขณะเดียวกันงานก่อสร้างก็มีทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากความสามารถในการทำกำไรปรับตัวสูงขึ้นจาก
2.2% งานสร้างเขื่อนในประเทศลาวเพิ่มมูลค่างานในมือรองรับการขยายตัวของรายได้ในอนาคตได้บันทึกข้อตกลงกับรัฐบาลลาวเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างเขื่อนพลังน้ำจำนวนสองโครงการ ซึ่งหากสำเร็จจะทำให้ CK
มีมูลค่างานก่อสร้างเพิ่มขึ้นและการเปิดประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ามีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีแดงหลังจากครม.อนุมัติเงินลงทุนในการก่อสร้างดูจากผลประกอบการที่คาดว่าทยอยฟื้นตัวตั้งแต่
2Q50 และจะทำให้ผลประกอบการโดยรวมเป็นไปตามที่คาดไว้ ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 8.05บาท แนวต้าน8.50บาท
RS ราคาเปิด 4.66บาท ราคาปิด 4.72บาท มูลค่าการซื้อขาย22.39 ล้านบาท หลังจากที่ RS ได้เปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจโดยลดการออกจำนวนอัลบั้มของศิลปินลงแต่ยังคงจะมีการปล่อยเพลงของศิลปินออกไปจำนวนหนึ่งในลักษณะเป็น singleแต่จะไม่กระทบต่อธุรกิจดิจิตอลในการ download เพลง ทั้งนี้ RS ได้มีการตั้งเป้ารายได้ในส่วนธุรกิจดิจิติอลไว้สูงถึง 400 ล้านบาทโดย RS จะเน้นการทำธุรกิจกับบริษัทเอกชนมากขึ้น โดยขณะนี้มีงานอยู่ประมาณ 30 งาน ทางด้านธุรกิจ showbiz กำลังจะมีคอนเสิร์ต Christina Aguilera ในปลาย 2Q50 นี้ คาดว่ารายการดังกล่าวจะทำกำไรให้กับ RS ได้ และทางด้านธุรกิจภาพยนตร์ใน 2Q50 จะมีรายได้จากภาพยนตร์เรื่อง ?เมล์นรกหมวยยกล้อ? ซึ่งทำรายได้ประมาณ 78 ล้านบาท และกำลังจะมีภาพยนตร์เรื่อง ?รักนะ 24 ชั่วโมง? ซึ่งคาดว่ารายได้จะเข้า
2Q50 ส่วนธุรกิจสื่อคาดว่า 2Q50 น่าจะดีขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง high season พร้อมกับมีการปรับคลื่น MAX 88.5 เป็น ดิจิตอล เรดิโอ คือสามารถฟังเพลงพร้อมกับการ download เพลงได้ทันทีส่วนการเซ็นสัญญากับ Football Euro คาดว่าจะได้เซ็นสัญญาในเร็วๆนี้ เมื่อดูจากแผนงานที่คาดว่าจะได้รับก็อาจจะเป็นผลดีกับบริษัทเป็นอย่างมากในไตรมาสที่2/50นี้ ดังนั้น K.KRAZIPแนะนำ โดยมีแนวรับที่ 4.62 บาท แนวต้าน 4.94 บาท
IRPC ราคาเปิด - ปิด 6.05บาท มูลค่าการซื้อขาย 121.66 ล้านบาท IRPC ระบุว่าตามที่ คณะกรรมการ ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 5/50 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2550 อนุมัติให้ IRPC เสนอขายหุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน และไม่ด้อยสิทธิ สกุลเหรียญสหรัฐ จำนวน 200-250 ล้านเหรียญสหรัฐ อายุ 10 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ย ของหุ้นกู้ 6.375% ต่อปี อัตราผลตอบแทนนักลงทุน 6.468% ต่อปี ซึ่งจัดสรร ให้แก่นักลงทุนเอเชีย 68% ยุโรป 28% และนักลงทุนสหรัฐ (off shore) 4% มี Barclays Capital และ Citigroup Global Markets เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Moody และ S&P ที่ระดับ Baa3 และ BBB-ตามลำดับ สำหรับIRPCมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับประโยชน์ในด้านการลดต้นทุนการดำเนินการจากการร่วมดำเนินการกับบริษัทในกลุ่ม PTT ในด้านการจัดหาน้ำมันดิบและการขายและแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ระหว่างบริษัทในกลุ่ม ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 5.95 บาท แนวต้าน 6.30 บาท
HMPRO ราคาเปิด 5.30 บาท ราคาปิด 5.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 10.88 ล้านบาท HMPRO ตั้งเป้ารายได้ปี50 เติบโต 20% จากปีก่อน จะมีรายได้รวม 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตตามสาขาเพิ่มขึ้น ในปีนี้เปิดไปแล้ว 3 สาขา และในไตรมาส4/50 คาดว่าจะเปิดอีก1-2 สาขา แม้ว่าในต้นปีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะลดลงส่งผลต่อกำลังซื้อ แต่สินค้าในบ้านยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ และ HMPRO เป็นผู้นำธุรกิจศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่ ที่จำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร มีผู้ถือหุ้นใหญ่ได้แก่ LH ถือหุ้นราว 29% และ QH ถือหุ้น 21% ในปีที่ผ่านมา HMPRO มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 12% ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็นประมาณ 14% ในขณะนี้ HMPRO อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการไปเปิดสาขาในต่างประเทศ หลังจากที่ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ติดต่อมา ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง และ HMPRO มีแผนออกหุ้นกู้ มูลค่า 2 พันล้านบาท เพื่อนำไปคืนหนี้ระยะยาวที่ดอกแพงกว่า เพื่อลดภาระดอกเบี้ย คาดว่าจะออกได้ในปีนี้ ดังนั้นK.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 5.20 บาท แนวต้าน 5.60 บาท[/size:a005650917">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com