พาณิชย์ส่งสัญญาณบีบโออิชิฯลดราคาชาเขียว หลังพบต้นทุนไม่ต่างกับโค้กหรือเป๊ปซี่ แต่ส่วนผสมน้อยกว่า ขณะที่ตัน ภาสกรนที

ประกาศไม่ยอมลดราคาแน่เดินหน้าแจงต้นทุน เชื่อขวดละ 20 บาท เหมาะสมแล้ว

นายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีการหาทางปรับลดราคาจำหน่ายของเครื่องดื่มชาเขียวว่า

ขณะนี้กระทรวงกำลังพิจารณาอย่างเต็มที่โดยเห็นว่า การนำค่าการตลาดมาบวกเป็นต้นทุนสินค้าแล้วผลักภาระให้ผู้บริโภค ด้วยการ

จำหน่ายสินค้าในราคาแพงไม่สามารถทำได้ทั้งหมด เพราะจะทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นและกระทบต่อผู้บริโภค

กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าในส่วนของชาเขียวนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าอื่นๆ เช่นเป๊ปซี่ โคล่าหรือนม ต่างก็มีต้นทุนทางการตลาดที่

เท่าๆกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขวดบรรจุค่าแพ็กเกจจิ้ง ค่าขนส่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบขนาดต่อขนาดยังสามารถขายได้ ในราคาที่ถูกกว่า

และที่สำคัญชาเขียวยังไม่มีต้นทุนในเรื่องของน้ำตาล ซึ่งต้องไปดูว่าจำหน่ายแพงเพราะอะไร

ในฐานะที่กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ในการดูแลภาวะราคาสินค้าจึงอยากจะขอปลุกจิตสำนึกของผู้บริโภคในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นจาก

ภาวะน้ำมันแพงโดยขอให้ดูว่าสินค้าอะไรมีราคาแพงเกินเหตุต้องตัดสินใจในการบริโภค ถ้าแพงมากก็อย่าไปบริโภคและการจะบริโภค

อะไรควรดูปริมาณดูคุณภาพด้วย

นายตัน ภาสกรนที ประธานกรรมการ OISHI ให้สัมภาษณ์ว่าการทำธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่มไม่ได้มีต้นทุนสำคัญที่ค่าขวดหรือน้ำชาเขียว

เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีต้นทุนอื่นๆรวมอยู่ด้วย อาทิค่าขนส่ง ค่าจัดวางสินค้า ค่าขายสินค้าหรือเปอร์เซ็นต์จำหน่ายที่ให้กับร้านค้าและตัว

แทนจำหน่าย รวมถึงกำไรที่ให้กับร้านค้า ค่าโฆษณาและอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งราคา 20 บาท ถือเป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว

เรามั่นใจว่ากรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จะยังคงยืนราคาขายปลีกอยู่ที่ขวดละ 20 บาทเพราะผู้ประกอบธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่ม

กำลังจะยื่นต้นทุนที่แท้จริงให้ภาครัฐรับทราบ และเมื่อภาครัฐรับทราบก็คาดว่าจะเข้าใจค่าใช้จ่ายที่มากกว่าค่าขวดแน่นอน ขณะนี้ยังมีอีก

หลายเจ้าที่ขาดทุนไม่ใช่กำไรอย่างที่หลายคนคิด เพราะตลาดแข่งขันรุนแรงมีการดัมพ์ราคาขายถูกแล้วนายตัน

โดยต้นทุนการผลิตชาเขียวพร้อมดื่มไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับต้นทุนการผลิตน้ำอัดลม เพราะขวดน้ำอัดลมสามารถนำขวดกลับมา

บรรจุน้ำอัดลมได้อีกถึง 20 ครั้งขณะที่ขวดชาเขียวพร้อมดื่มไม่สามารถนำขวดกลับมาใช้ได้ใหม่ ถือว่าเป็นต้นทุนต่อขวดเพราะ 1 ขวดใช้

ได้เพียงครั้งเดียว

แหล่งข่าวจากวงการเงิน กล่าวว่ากรณีภาครัฐมีแนวโน้มจะควบคุมราคาจำหน่ายปลีกชาเขียวพร้อมดื่มขวดละไม่เกิน 15 บาทจาก

ปัจจุบันขวดละ 20 บาทว่า ระยะยาวน่าจะถือเป็นข่าวดีต่อบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ OISHI เนื่องจากกรณีดังกล่าวน่า

จะทำให้ OISHI ลดความเสี่ยงต่อการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่มที่ยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภค

ถือเป็นไอเดียดีที่รัฐบาลจะเข้ามาดูแล เพราะต้นทุนการผลิตชาเขียวไม่กี่บาทเช่นค่าขวดอยู่ที่ 4-5 บาทขณะที่ค่าผลิตฉลากไม่ถึง 50

สตางค์ แต่คิดว่ารัฐบาลเข้ามาจัดระเบียบช้าไปหน่อยหรือเปล่า เพราะโออิชิขายดิบขายดีจนกลายเป็นผู้นำตลาดไปแล้วเพิ่งมาควบคุมราคา

มันน่าจะส่งผลกระทบกับผู้เล่นรายใหม่มากกว่า ที่นอกจากจะมีแบรนด์เดิมที่แข็งแกร่งยึดตลาดอยู่แล้ว ยังจะขายได้กำไรน้อยอีกนัก

วิเคราะห์กล่าว

ทั้งนี้ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเกิดวิกฤติต่อบริษัทหรือตลาดชาเขียวพร้อมดื่มอย่างไรผู้บริหารOISHI ก็สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้ทั้งสิ้น อาทิ

ช่วงเดือนเมษายน 2548 ที่ผ่านมาพบกรดเกลือในขวดชาเขียวโออิชิ ทำให้กลายเป็นข่าวดังทั่วเมือง แต่ผู้บริหาร OISHI ก็สามารถใช้

ไหวพริบ และแก้ไขสถานการณ์จนผ่านพ้นได้ด้วยดี สังเกตได้จากส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.ไซรัส ยังแนะนำซื้อเนื่องจากประเมินผลกระทบจากข่าวดังกล่าวต่อ OISHI ว่า หากภาครัฐควบคุมราคา

จำหน่ายปลีกชาเขียวพร้อมดื่ม ขวดละไม่เกิน 15 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 48 อยู่ที่ 702.4ล้านบาท

จากเดิมที่ตั้งไว้ 724.5 ล้านบาท หรือลดลง 3.1% และกำไรสุทธิในปี 49 อยู่ที่ 706.4 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ 813.5 ล้านบาท ลดลง

13.2%

ราคาหุ้นน่าจะลดลงในระยะสั้น โดยราคาตามปัจจัยพื้นฐานจะลดเหลือ 34.4 บาทจากเดิม 39 บาท แต่คาดว่าโออิชิยังเป็นผู้นำตลาด

ต่อไป ด้วยกำลังการผลิตที่เหนือกว่าคู่แข่งและความเป็นผู้นำตลาดที่กำแชร์ถึง 67.7% บวกกับฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง แต่คาดว่ารายได้

ไตรมาส 3/48 อาจชะลอตัว เพราะผลของฤดูกาลและกลับมาดีอีกครั้ง ช่วงไตรมาส 4/48 ที่เป็นช่วงเทศกาลและมีการออกผลิตภัณฑ์

ใหม่

ที่มา:
ข่าวหุ้น

.0004 .0004 .0004 .0004

.0007 .0007 .0007 จะลดไม่ลด ฮึ ฟฟฟฟ2 ฟฟฟฟ2 ฟฟฟฟ2

มาๆ ยอมลดซะดีๆ อิอิ .0008 .0008