May 17, 2024   11:24:16 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 13/07/2007 @ 12:24:20
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม 2550 ปิดที่ดัชนี 843.87 จุด -2.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 31,672 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,667.39 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,312.85 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,354.54 ล้านบาท ดัชนีตลาดเมื่อวานสามารถ Rebound ขึ้นได้ในตลาดเช้ารอบสั้น ๆ ซึ่งเป็นระดับ High ของวันที่ดัชนี 852.77 จุด +6.49 จุด จากนั้นดัชนีก็ทิ้งตัวลงสู่แดนลบและแม้ว่าจะพยายามดีดตัวขึ้นแตะที่แดนบวกแต่ก็ไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนได้พราะจากแรงขายหุ้นบิ๊กแคปที่มีออกมามากส่งผลให้ก่อนปิดตลาดเช้าโดนซ้ำกระหน่ำขายออกมาอีก ดัชนีจึงหล่นแตะ Low ที่ 837.84 จุด - 8.44 จุด หลังเปิดตลาดครึ่งวันบ่ายดัชนีดีดตัวขึ้นเป็นบวกได้เนื่องจากมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสารและขนส่ง แต่ดัชนีไม่อาจทานแรงขายที่มีมากจากกลุ่มพลังงานและแบงค์ได้ทำให้ดัชนีกลับลงไปเป็นลบอีกจนกระทั่งปิดทำการ ซึ่งตลาดเมื่อวานของบ้านเราสวนทางกับตลาดต่างประเทศและปรับตัวลงมา 2 วันแล้ว แต่ K.KRAZIP มองว่าวันนี้ก็อาจยังปรับฐานต่ออีกเพราะพรุ่งนี้ก็หยุดด้วยและข่าวการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของบ .แบร์ สเตรินส์ก็ถ่วงการลงทุนเมื่อวาน อีกทั้งการที่ตลาดขึ้นมาขนาดนี้ได้มีเงินนอกไหลเข้ามามากจนทำให้ค่าเงินในขณะนี้เรียกได้ว่าแข็งโป๊กเลยส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่าทางแบงค์ชาติจะออกมาตรการใดมาสกัดกั้นอีกหรือปล่าว

PTTEP
ราคาเปิด 124 บาท ราคาปิด 123 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,017 ล้านบาท PTTEP และกลุ่มผู้ร่วมประมูล สามารถชนะการประมูลและได้รับสัมปทานปิโตรเลียมในบริเวณออฟชอร์ เกรท เซ้าท์ เบซิน ตั้งอยู่นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของเกาะใต้ ประเทศนิวซีแลนด์ จำนวน 3 ชุด รวม 6 แปลง ซึ่ง PTTEP ร่วมประมูลสัมปทานในครั้งนี้ ในสัดส่วน 36% นับเป็นปัจจัยบวกต่อ PTTEP ความสำเร็จในการประมูลครั้งนี้ของ PTTEP ถือว่าเป็นการขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ถือว่า PTTEP และกลุ่มฯ ได้พื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง กอปรกับยังอยู่ในพื้นที่ที่เคยมีการเจาะพบร่องรอยน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติมาแล้วในอดีต หากประสบความสำเร็จในการค้นพบปิโตรเลียมที่สามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้จะเป็นการสร้างฐานรายได้ให้มั่นคงยิ่งขึ้นในอนาคตจากแหล่งภายนอกประเทศ ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ " ซื้อ" โดยมีแนวรับ 119 บาท แนวต้าน 127 บาท

FORTH
ราคาเปิด 8.55 บาท ราคาปิด 8.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 34.71 ล้านบาท จากที่ FORTH ได้งานจอ LED มูลค่า 411 ล้านบาท เชื่อว่าจะสร้างอัตราส่วนกำไรขั้นต้นราว 30% ซึ่งจะมาทดแทนในส่วนของรายได้จากการผลิต PCBA ให้แก่ WD ที่ 1.2 พันล้านบาท คาดว่าผลการดำเนินงานของ FORTH ใน Q2/50 จะเติบโตเบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 35-37 ล้านบาท เทียบกับ Q2/49 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 28 ล้านบาท และประมาณการรายได้ในปี 2550 ของ FORTH เพิ่ม 4.4% เป็น 5.0 พันล้านบาท เพื่อให้สะท้อนงานใหม่ที่ได้รับ และมีผลให้กำไรเพิ่มขึ้น 7.5% เป็น 339.3 ล้านบาท จึงคาดว่าผลการดำเนินงานของ FORTH มีกำไรในปี 2550 เติบโตก้าวกระโดดถึงกว่า 87% ในช่วงครึ่งหลังของปี หลังจากที่จะเริ่มรับรู้รายได้จากการผลิตแผงวงจรฮาร์ดดิสก์ให้กับ WD ซึ่งเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์เมื่อกลางเดือน มิ .ย . ที่ผ่านมา ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ " ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับ 8.35 บาท แนวต้าน 9 บาท

HEMRAJ
ราคาเปิด1.22 บาท ราคาปิด 1.19 บาท มูลค่าการซื้อขาย 71.66 ล้านบาท จากการที่ผลประกอบการปี 51 ยังมีแนวโน้มลดลงแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความน่าสนใจ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ K.KRAZIP ยังมองว่าการลงทุนในหุ้น HEMRAJ แม้ว่าจะยังมีความเสี่ยงในแง่ของอัตราเติบโตของรายได้ที่ลดลง แต่บริษัทได้ซื้ออาคารสำนักงาน UM Tower ซี่งสามารถรับรู้เป็นรายได้ได้ทันที และจะมีการจากส่วนเพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าและการเข้าซื้อหุ้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประมูลไฟฟ้า IPP ที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ซึ่งรวมถึง HEMRAJ อีกด้วย ซึ่งคาดว่าอัตราตอบแทนเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 50 และ 51 เท่ากับ 4.9% และ 3.3% ต่อปีตามลำดับถ้ามองดูกำไรจากผลตอบแทนแล้วมีความน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว K.KRAZIP แนะนำ " ซื้อ" โดยมีแนวรับ 1.18บาท แนวต้าน 1.30บาท

LH
ราคาเปิด8.10 บาท ราคาปิด8 บาท มูลค่าการซื้อขาย259.18 ล้านบาท เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโครงการ Home Savingเป็นโครงการเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าของบริษัทฯ ลงชื่อเพื่อจองสิทธิในการซื้อคอนโดเมื่อโครงการดังกล่าวเปิดรับจอง ตามโครงการดังกล่าวลูกค้าของ LH จะต้องฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์กับ LH Bank เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยที่พิเศษ โครงการนี้ได้รับความสำเร็จอย่างสูง โดยบริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้อยางมากนับเป็นโครงการที่โดนใจลูกค้าอยู่ไม่น้อย และช่วงนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูดีไปหมดแม้กระทั่งการคาดการของผลประกอบการของ LH Bank จะเริ่มเป็นบวกในครึ่งหลังของปี 50 เมื่อรวมกับประโยชน์ที่ได้จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากโครงการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์เชื่อว่า LH จะเป็นผู้ประกอบการที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างผลประกอบการที่ดีในครึ่งหลังของปี 50 ฮ้าดูเหมือนว่าโครงการของLH ออกมาดีทีเดียวและยังมีกำลังหนุนโดยรัฐอีกอย่างนี้จะไม่กำไรได้อย่างไร ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ " โดยมีแนวรับ 7.90 บาท แนวต้าน8.90 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:132e151aa8">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com