May 17, 2024   12:35:36 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 16/07/2007 @ 11:22:41
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index
วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม 2550 ปิดที่ดัชนี 859.14 จุด +15.27 จุด มูลค่าการซื้อขาย 33,178 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,330.24 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,081.98 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,412.22 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 861.77 จุด +17.90 จุด และ Low ที่ดัชนี 847.47 จุด +3.60 จุด New High อีกแล้ว SET เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังการดีดตัวขึ้นของดัชนีสหรัฐฯ จากตัวเลขยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเรื่องของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ได้เข้ามาเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ต่างปรับขึ้น บวกกับที่ทาง BOJ ประเทศญี่ปุ่นคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิมไว้ก็เป็นอีกแรงหนุนที่ทำให้ต่างชาติสนใจลงทุนในตลาดหุ้นแอเชีย โดยดัชนีของตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ได้เคลื่อนตัวอยู่ในกรอบที่ไม่กว้างนัก เคลื่อนตัวแบบ Sidewayในกรอบ 856 ? 861 จุด ซึ่งกลุ่มพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และธนาคารยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่นำดัชนีให้ไต่ระดับขึ้น ทิศทางของตลาดสัปดาห์นี้ K.KRAZIP มองว่า SET Indexจะยังขยับขึ้นต่อได้จากเม็ดเงินนอกที่ยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะได้ลุ้น SET Indexแถว ๆ 885 จุด

HMPRO
ราคาเปิด 5.55บาท ราคาปิด 5.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย 33.52ล้านบาท ขึ้นต้นกันวันนี้ขอเสนอHMPRO จากการคาดการกำไรของไตรมาส 2/50 ที่ คาดว่าจะลดลง 6% yoy เนื่องจากยอดขายที่ลดลงจากผลกระทบของความเชื่อมั่นผู้บริโภค แต่อย่าตกใจที่แน่ๆ ยอดขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11% yoy จากการมีสาขาเพิ่มขึ้น 7 แห่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนนอกจากนั้นบริษัทยังมียอดขายเพิ่มเติมจากงาน Home Pro Expo อีกราว 200 ล้านบาท แนวโน้มของบริษัทยังคงสดใสจากการที่คาดว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อยอดขายต่อสาขาเดิมให้เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งจะมีการเปิดสาขาใหม่ 1 แห่งในครึ่งปีหลังและ 4 สาขาในปีหน้านี้ นอกจากนั้นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงยังคาดว่าจะช่วยผลักดันการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคและความต้องการซื้อบ้าน HMPRO ยังมีรายได้เสริมที่สม่ำเสมอจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่และงาน Expo ว่ากันว่างานดีเงินก็จะดีตามไปด้วย ดังนั้น K.KRAZIPแนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับ5.40 บาท แนวต้าน5.90บาท

TCAP
ราคาเปิด16.50 บาท ราคาปิด 16.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 198.44ล้านบาท หลังจากที่มีข่าวว่า TACP จะขายหุ้นของบริษัทย่อยทั้ง 8 นั้นมีการอนุมัติจาก ธปท สามารถขายให้กับ ธ. ธนชาติคาดว่าบริษัทจะทำกำไรจากการขายได้ประมาณ700-800 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เข้ามาในไตรมาส 3 ปีนี้ และจะเป็นผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นและ ธปท . ได้ไฟเขียวให้TCAP ขายหุ้นTBANK ให้กับธนาคารโนวาสเทีย เอเชีย ลิมิเต็ดและคาดว่าจะดำเนินการภายในเดือนนี้และต้องติดตามข่าวกันต่อไปดูแล้วอนาคตจะสดใสเนื่องจากแนวโน้มทางธุรกิจระยะยาวที่มีบริษัทต่างชาติมาเป็นพันธมิตรโดยปัจจัยแรกในระยะสั้นคือการเข้ามาบริหารสภาพคล่องที่เป็นจุดอ่อน คาดว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ " ซื้อ" โดยมีแนวรับ 16.30บาท แนวต้าน 17บาท

BSBM
ราคาเปิด 1.27 บาท ราคาปิด 1.29 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.28 ล้านบาท คาดการณ์ว่า Q2/07 ปริมาณขายลดต่อเนื่อง 18.9% QoQ 52.3%YoY มาอยู่ที่ระดับ 25,000 ตัน เพราะความต้องการเหล็กเส้นเพื่อการก่อสร้างในปัจจุบันยังไม่ฟื้นตัว ส่วนกำไรสุทธิคาดอยู่ที่ 32 ล้านบาท ลดลง 69.8%YoY แล 32.8% QoQ เนื่องจากนโยบายในการขายที่เน้นความสามารถในการทำกำไรมากกว่ายอดขาย ผลจากสต็อกวัตถุดิบเก่าที่มีราคาต่ำกว่าราคาตลาดเฉลี่ย สำหรับใช้ในการขายได้ถึงไตรมาส 3 ซึ่งจะช่วยให้ผลประกอบการออกมาทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปรับประมาณการกำไรสุทธิใน FY07E ลง 26.3% จากประมาณการเดิมมาอยู่ที่ระดับ 101 ล้านบาท จากผลของนโยบายในการขายที่เน้นกำไรมากกว่ายอดขาย คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.05 บาท /หุ้น เนื่องจากบริษัทไม่มีภาระหนี้สินทั้งระยะสั้นและระยะยาว อีกทั้งยังไม่มีโครงการลงทุนใหม่ๆ และมีเงินสดอยู่ในมือมาก ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ " ซื้อ" โดยมีแนวรับ 1.27 บาท แนวต้าน 1.35 บาท

RRC
ราคาเปิด 21 บาท ราคาปิด 21.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,637.95 ล้านบาท แนวโน้มผลประกอบการปี2550 มีแนวโน้มทำได้ดีกว่าต้นปี ผลจากค่าการกลั่นที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่ผลประกอบการสูงสุดของปี แนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นปี 2550-2551 ยังสดใส จากความต้องการน้ำมันโลกที่เติบโตต่อเนื่อง และภาวะตึงตัวของอุปทานโรงกลั่น สำหรับโครงการร่วมลงทุนกับ ATC ยังเป็นไปตามแผน การควบรวมกิจการกับ ATC การแบ่งผลประโยชน์จากโครงการร่วมลงทุนของ RRC กับ ATC ใน 4Q51-54 ผู้บริหารประเมินว่า สำหรับการลงทุนในเฟส 1 ค่าการกลั่นรวม ของธุรกิจ RRC กับ ATC จะเพิ่มขึ้นเป็น 15-18 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งแบ่งเป็นผลประโยชน์จะคิดตามสัดส่วนการลงทุนของ RRC 51% คาดว่าจะประกาศรูปแบบการรวมกิจการในเดือน ก .ค .-ส. ค.50 และดำเนินการควบรวมเสร็จในปลายปีนี้หรืออย่างช้าใน Q1/51 ซึ่งยังคงให้น้ำหนักในการควบรวมโดยวิธี Amalgamation (A+B = C) น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจาก RRC ATC รวมถึง PTT ผู้ถือหุ้นใหญ่จะได้รับประโยชน์สูงสุดทั้งในเชิงธุรกิจและสิทธิประโยชน์ทางภาษี K.KRAZIP แนะนำ " ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับ 20.80 บาท แนวต้าน 24 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:e56e813864">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com