Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 16/07/2007 @ 11:28:09 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ซื้อ PRINเป้าหมาย 4.60 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด แนะนำ ซื้อ PRIN ประเมินว่าปี 2551 จะเป็นปีที่ PRIN กลับมามีความโดดเด่นอีกครั้ง ทั้งด้านผลประกอบการที่คาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัว 76% จากปีก่อนเป็น 768 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ที่เติบโต 49% จากปีก่อนเป็น 5,126 ล้านบาท โดยมีการโอนคอนโดฯ 2 แห่งที่คาดว่าจะแล้วเสร็จคือ ที่พหลโยธิน37 และราชปรารภเข้ามาสนับสนุน กอปรกับคอนโดฯ มี GPM ไม่ต่ำกว่า 35% สมมติฐาน GPM จึงปรับตัวขึ้นมาเป็น 32% ขณะที่ด้านฐานะการเงินนั้น ภายหลังการเพิ่มทุนแบบ PO ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3/2550 จะทำให้บริษัท มีแหล่งเงินทุนเพื่อให้การก่อสร้างคอนโดฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อโครงการแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ กระแสเงินสดรับจำนวนมากที่เข้ามาจะเพิ่มสภาพคล่องแก่ PRIN ซึ่งสามารถนำไปใช้ลงทุนต่อ หรือชำระคืนหนี้ได้ ทั้งนี้คาดการณ์สัดส่วนหนี้สินต่อทุนปี 2550 และปี 2551 ที่ปรับตัวดีขึ้นเป็น 0.6 และ 0.5 เท่า ตามลำดับ ภายหลังการเพิ่มทุนเสร็จสิ้น แนะนำ ซื้อ ประเมินมูลค่าเหมาะสม 4.60 บาท
ถือ MAJORเป้าหมาย 19.80 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด แนะนำ ถือ MAJOR คาดผลประกอบการไตรมาส 2/2550 ของ MAJOR จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการรับรู้กำไรในการโอนสินทรัพย์ให้กับ MJLF ประมาณ 740 ล้านบาท (ก่อนหักส่วนที่ MAJOR เข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 1 ใน 3) ส่วนกำไรปกติคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่เติบโต 39% จากปีก่อน เนื่องจากรายได้จากตั๋วและโฆษณาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรปี 50-51 ของ MAJOR โดยปี 50 คาดว่าจะมีกำไรปกติ 743 ล้านบาท Norm EPS 1.70 บาท เพิ่มขึ้น 8.1% จากปีก่อนหน้า ส่วนปี 51 คาดว่าจะมีกำไรปกติ 868 ล้านบาท Norm EPS 0.99 บาท เพิ่มขึ้น 16.6% จากปีก่อนหน้าจากประมาณการรายได้ 6,690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% จากปีก่อนโดยรายได้จากตั๋วคาดว่าเติบโต 10.7% สมมติฐานจำนวนโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น 30 จอ แต่ Revenue/Screen ลดลงประมาณ 5% จากปีก่อนเนื่องจากภาพยนตร์ในปี 51 คาดว่าทำรายได้ไม่มากเท่ากับปี 50 รายได้จากค่าเช่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 45% ประเมิน Fair Value 19.80 บาท (ราคาปี 51) อิง P/E 20 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในอดีต ราคาหุ้นยังต่ำกว่า Fair Value 5.4% และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลปี 50 ในอัตรา 1.50 บาท คิดเป็นอัตราปันผลตอบแทนสูงถึง 8% คงคำแนะนำ ?ถือ?
ซื้อเมื่ออ่อนตัว HMPROเป้าหมาย5.8บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว HMPRO ในครึ่งหลังปี 50 HMPRO เตรียมเปิดสาขาใหม่ในต่างจังหวัดเพิ่มอีก 1 สาขา ทำให้ในปี 50 จะมีสาขาทั้งสิ้น 30 สาขา จาก 26 สาขา ในปี 49 ประกอบกับจะเดินหน้ากระตุ้นกำลังซื้อด้วยการนำเสนอโปรโมชั่นใหม่ๆ ต่อเนื่อง รวมถึงการจัดงาน Hompro Expo ในช่วงไตรมาส 4/2550 ฝ่ายวิจัยเห็นว่ากลยุทธ์ขยายสาขาใหม่ต่อเนื่อง และการผลักดันยอดขายสาขาเดิมให้เติบโต ถือเป็น Key success ของธุรกิจนี้ จึงคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 50 ของ HMPRO จะมีกำไรสุทธิ 680 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.34 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน แนะนำ ?ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว? แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิใน 3 ปีข้างหน้า (CAGR) เฉลี่ย 12% จากกลยุทธ์ขยายสาขาต่อเนื่อง เพื่อผลักดันยอดขายและอำนาจต่อรองที่เพิ่ม ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 50 ของหุ้น HMPRO เท่ากับ 5.80 บาท ตามวิธี DCF (WACC 8%) แม้ปัจจุบันราคาหุ้น HMPRO มี upside จำกัดเพียง 6% จากราคาเหมาะสมปี 50 ที่ 5.80 บาท จึงแนะนำ ?ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว?
ถือ BECเป้าหมาย 25.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด แนะนำ ถือ BEC ผลประกอบการไตรมาส 2/2550 ของ BEC จะโดดเด่นกว่า MCOT...โดยคาดกำไรของ BEC เพิ่ม 11.6% ไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ MCOT เพิ่มเพียง 1.8% ปัจจัยบวกในระยะสั้นคือผลประกอบการไตรมาส 2/2550 ของ BEC ยิ่งน่าจะโดดเด่นกว่า MCOT มาก เพราะโดยปกติแล้ว ไตรมาส 2 จะเป็น Peak season ของ BEC แม้ว่ากำไรในไตรมาส 1/2550 จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/2550 จะเพิ่มขึ้น 11.6% ไตรมาสก่อนหน้าเป็น 603.9 ล้านบาท เพราะได้รับผลบวกจากการขยายเวลาออกอากาศของละครหลังข่าวจากเดิม 1 ชั่วโมงครึ่ง เป็น 2 ชั่วโมงเต็ม เต็มไตรมาส (เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค.) นอกจากนี้ จะเห็นว่าเม็ดเงินโฆษณาที่ผ่านสื่อทีวีในช่วงเดือน เม.ย. ? พ.ค. ของ BEC เพิ่มขึ้น 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นสูงที่สุดเมื่อเทียบกับสถานีอื่น ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาของ MCOT ลดลงถึง 20.1% จากปีก่อน ซึ่งสาเหตุหลักน่าจะมาจากเม็ดเงินโฆษณาจากภาครัฐลดลง ทั้งนี้ คาดว่ากำไรในไตรมาส 2/2550 ของ MCOT จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยคือ 1.8% ไตรมาสก่อนหน้าเป็น 235.0 ล้านบาท ดังนั้นจึงแนะนำ ?ถือ?
ที่มา ทันหุ้น[/color:dcd9e51510">
|
