SET
ภายหลังจากที่ฝ่า Down Trend Line บริเวณ 780 จุดเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ดัชนีก็ได้ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันเป็นฐาน กระทั่งทำจุดสูงสุดที่ 868 จุดวานนี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนีไม่อาจยืน ณ จุดสูงดังกล่าวได้ อีกทั้งยังเกิดการปรับฐานตามมา ส่งผลให้แท่งเทียนเกิดรูปแบบ Doji ขณะที่สัญญาณ Stochastic เริ่มอ่อนค่าลง สันนิษฐานว่าดัชนีอาจเกิดการปรับฐานระยะสั้นโดยมีเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ทำหน้าที่แนวรับดังเดิม

มุมมองระยะกลาง - TSTH
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
TSTH เคลื่อนตัวเข้าสู่ขาลงตั้งแต่ปี 47 และเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยการฝ่า Down Trend Line บริเวณ 1.00 บาทได้สำเร็จ ภาพระยะกลางเชิงบวกยังเด่นชัดมากขึ้นเมื่อราคายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ที่ 1.30 บาทได้อย่างมั่นคง อนึ่งการอ่อนตัวที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เป็นผลสืบเนื่องจากภาวะการซื้อมากเกินไปเท่านั้น คาดว่าราคาจะสามารถทรงตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 สัปดาห์บริเวณ 1.50 บาทได้เป็นอย่างดี

หุ้นเด่น เล่นสั้น - UV
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายสัปดาห์มี Golden Cross เกิดขึ้นพร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern อยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 สัปดาห์ นอกจากนั้นยังสามารถฝ่า downtrend line ซึ่งเป็นการยืนยันการจบแนวโน้มขาลง และเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ neckline บริเวณ 4.30-4.50 บาท อีกทั้งยังเป็นกรอบแนวต้านตาม Fibonacci @ 261.8 ด้วย จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้แนวรับที่ 3.10-3.30 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 3.00 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 5 สัปดาห์

หุ้นเด่น เล่นสั้น - APURE
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวันมี Golden Cross เกิดขึ้นพร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern ในขาขึ้นอย่างชัดเจน เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.30 และ 6.20 บาท ตามลำดับ อีกทั้งยังเป็นกรอบแนวต้านตาม Fibonacci @ 161.8 และ 261.8 ด้วย จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้แนวรับที่ 3.50-3.70 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 3.30 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน

Z-Strategy
คาดดัชนีอาจพักฐาน เคลื่อนไหวในกรอบ 850-860 จุด รอข้อสรุปมาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท รอซื้อหุ้นกลุ่มหลักเมื่อดัชนีอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ

Technical Analysis
ดัชนีสามารถปรับขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 768 จุดวานนี้ ก่อนที่จะปรับตัวลง ซึ่งการปรับลงนี้ส่งผลให้แท่งเทียนเกิดรูปแบบ Doji ทั้งยังทำให้ Stochastic เริ่มอ่อนค่าลง คาดว่าดัชนีจะเริ่มปรับฐานระยะสั้นอีกครั้ง โดยมีแนวรับ คือ เส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน บริเวณ 747 จุด
ฦ TSTH: เคลื่อนตัวในแนวโน้มขาลงมานานหลายปี ในที่สุดสามารถกลับตัวสู่ขาขึ้นได้ เมื่อฝ่า Down Trend Line และเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์สำเร็จ การอ่อนค่าเร็วๆนี้ เป็นเพียงการปรับฐานย่อย เพื่อดีดตัวต่อในโครงสร้างระยะกลางเท่านั้น
ฦ UV: รูปแบบ Tower Bottom ที่เกิดขึ้น แสดงถึงช่วงเริ่มต้นภาวะกระทิงครั้งใหม่ของ UV ทั้งนี้ ระหว่างการดีดตัวอาจมีการพักฐานเป็นระยะๆ นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อได้ โดยเฉพาะเมื่อราคาอ่อนตัวลงถึงเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน แถว 3.20 บาท
ฦ APURE: สามารถฝ่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 75 และเส้น 200 สัปดาห์ได้ด้วยสัญญาณแท่งเทียนต่อเนื่อง ขณะที่ RSI ยังพบสัญญาณซื้อ การดีดตัวรอบปัจจุบันมีเป้าหมายหลักทดสอบแนว Dead Cross บริเวณ 6.00 บาท

Z-SCAN
Quarterly Preview
ฦ LALIN: คาดกำไรไตรมาส 2/50 ยังไม่สดใส - ขาย

Statistic Info
ปฏิทินหุ้น, รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร
NVDR, Commodities Move, Warrants


LALIN: คาดกำไรไตรมาส 2/50 ยังไม่สดใส - ขาย

ยังแนะนำขาย ราคาปัจจัยพื้นฐานปี 51 เท่ากับ 4.2 บาท (P/E 14 เท่า)
เนื่องจากปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 50 ที่ 20.7 เท่าและ 15.7 เท่า ในปี 51 สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่พักอาศัย 16.7 เท่าและ 14 เท่า ตามลำดับ ขณะที่การฟื้นตัวของยอดขายบริษัทซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ชานเมืองเป็นหลักมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นสูงมากกว่าโครงการในเมือง
คาดกำไรไตรมาส 2/50 ยังลดลง
คาดกำไรไตรมาส 2/50 เท่ากับ 30 ล้านบาทลดลง 72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายลดลง 54% ผลจากความมั่นใจผู้บริโภคตกต่ำทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยแนวราบอย่างต่อเนื่อง
เริ่มเดินหน้าเปิดโครงการใหม่หลังจากชะลอมาตั้งแต่ต้นปี
บริษัทชะลอการเปิดโครงการใหม่มาตั้งแต่ต้นปี จากภาวะการเมืองที่ไม่แน่นอนและความมั่นใจผู้บริโภคที่อยู่ระดับต่ำ ล่าสุดผู้บริหารวางแผนจะเปิดโครงการ 3-4 โครงการ มูลค่า 2-3 พันล้านบาท ในปี 50 โดยเริ่มทยอยเปิดตั้งแต่ ก.ค. 50 เป็นต้นไป
ปรับลดประมาณการปี 50-51ลง 32-39%
ปรับลดประมาณการปี 50-51 ลง 32-39% เพื่อสะท้อนยอดขายที่ชะลอตัวกว่าคาด และอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่า คาดจากการแข่งขันในตลาดบ้านเดี่ยว และ ทาวน์เฮาส์ที่รุนแรงขึ้น

คาดกำไรลดลง 51% ก่อนฟื้นตัวปี 51
เราคาดว่าปี 50 กำไรสุทธิจะเท่ากับ 193 ล้านบาท EPS 0.23 บาทลดลง 51% และคาดว่าปี 51 กำไรสุทธิจะฟื้นตัวเติบโต 26% เป็น 243 ล้านบาท EPS 0.30 บาท ตามการฟื้นตัวของยอดขาย


:lol: