SET
ดัชนีเกิดการปรับฐานในช่วงเช้าของการซื้อขายวานนี้โดยมีจุดต่ำสุดที่ 848 จุดใกล้เคียงกับแนวเคลื่อนตัวของเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ณ 847 จุดอย่างมาก ซึ่งในเวลาต่อมา ดัชนีก็สามารถดีดกลับได้ แสดงให้เห็นถึงนัยสำคัญต่อการเป็นแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ดัชนีอาจทรงตัวช่วง 845-855 จุดสักระยะ ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นทดสอบ 880 จุด อันเป็นเป้าหมายที่ได้จาก Points & Figures

มุมมองระยะกลาง - INET
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
แนวโน้มขาลงระยะยาวของ INET ที่เริ่มตั้งแต่ พ.ย. 47 ณ 13.00 บาทได้จบสิ้นลงบริเวณ 1.30 บาทราว ธ.ค. 49 หลังจากนั้นกว่าหกเดือนที่ราคาได้สร้างฐานช่วง 1.30-2.00 บาทส่งผลให้การดีดกลับครั้งล่าสุดเป็นไปอย่างมั่นคงโดยสามารถฝ่าเส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์ขึ้นมาได้ การที่พบสัญญาณซื้อทั้งจาก RSI และ Stochastic รายสัปดาห์นั้นบ่งบอกถึงโอกาสการดีดตัวต่อเนื่องของแนวโน้มระยะกลาง คาดว่าราคาหุ้นจะสามารถทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์บริเวณ 3.00 บาทได้ในที่สุด

หุ้นเด่น เล่นสั้น - MME
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
จากกราฟรายวัน ราคามีรูปแบบการกลับตัว (Reversal pattern) ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน พร้อมกับการสะสมกำลังมาระยะหนึ่ง เพื่อรอการ break up ของราคา นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic อีกด้วยราคาจึงน่าจะปรับขึ้น โดยมีแนวต้านที่ gap ที่เปิดไว้บริเวณ 4.30-4.40 บาท อีกทั้งยังเป็นกรอบแนวต้านตาม Fibonacci @ 161.8 ด้วย โดยมีแนวรับที่ 3.10-3.20 บาท และควร Stop loss เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ณ บริเวณ 3.08 บาท

หุ้นเด่น เล่นสั้น - BLAND
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวันมี Golden Cross เกิดขึ้นพร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern ในขาขึ้นอย่างชัดเจน เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.06 และ 1.28 บาท ตามลำดับ อีกทั้งยังเป็นกรอบแนวต้านตาม Fibonacci @ 161.8 และ 261.8 อีกด้วย จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้แนวรับที่ 0.95-0.98 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 0.94 บาท เมื่อหลุดค่า parabolic

Weekly Strategy

ตลาดปรับฐาน จากมาตรการชะลอบาทแข็ง
เงินบาทแข็งค่าขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี จนเกรงกันว่าอาจกระทบภาคส่งออก และการเติบโตเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมเสนอมาตรการชะลอการแข็งค่า อาจส่งผลให้มีการขายทำกำไรตลาดหุ้น

คาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ยที่ 3.50%
แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น จากความผันผวนของราคาน้ำมัน และแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากรัฐดำเนินนโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลายที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ที่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม หลังปัจจัยการเมืองคลี่คลาย มีแนวโน้มที่ กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.50% แต่หากพลิกโผ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะหวังช่วยค่าเงินบาทอีกทาง จะเกิดการเก็งกำไรในกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย และการใช้จ่ายในประเทศ อย่างรับเหมาก่อสร้าง สินเชื่อรายย่อย และพาณิชย์

กำไรกลุ่มธนาคารไตรมาส 2/50 ชะลอตัว
ธนาคารอาจพักฐานระยะสั้น หลังปรับตัวขึ้นโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา เพราะผลประกอบการไตรมาส 2/50 ยังชะลอตัว และธนาคารบางแห่งยังต้องตั้งสำรองในระดับสูง อย่างไรก็ดี คาดว่า ผลการดำเนินงานน่าจะผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสนี้ และมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี 50 ต่อเนื่องถึงปี 51

เก็บหุ้นผลประกอบการไตรมาส 2/50 เด่น
ดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับฐาน โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 845 - 860 จุด น่าจะเป็นโอกาสในการสะสมหุ้น โดยเน้นกลุ่มที่คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/50 โดดเด่นอาทิ กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี เป็นหลัก


:lol: