May 2, 2024   5:53:30 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธงหุ้นไทยยังวิ่งฉิว
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 19/07/2007 @ 18:11:55
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เจพีมอร์แกน ฟันธง ตลาดหุ้นไทยยังวิ่งต่อได้ เหตุปัจจัยบวกทางศก.ยังรออีกเพียบ ส่วนปัจจัยการเมืองมองไม่มีปัญหา เชื่อประชาชนลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญเพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งได้แน่ในสิ้นปี อีกทั้งราคาหุ้นยังถูกกว่ากว่าตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ขณะที่ ธปท. ทานกระแสกดดันไม่ไหว ยอมลดดบ. อาร์/พี ลง 0.25% เชื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจขยายตัวได้ และมีผลชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งส่งสัญญาณดบ.ใกล้ถึงจุดทรงตัวแล้วเช่นกัน ด้านโบรกฯ ประสานเสียง ธปท.ลดดอกเบี้ย กลุ่มอสังหาฯ ได้รับอานิสงส์มากที่สุด เชียร์ซื้อ SPALI-PRIN-PS-AP

บทวิเคราะห์การลงทุนโดยเจพีมอร์แกนวันที่ 17 กรกฎาคม 2550 ระบุตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้นและผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ขณะที่ปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจเริ่มปรากฎให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความต้องการในประเทศที่มีเสถียรภาพ สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย ไปจนถึงนโยบายทางการเงินการคลังที่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
โดยเจพีมอร์แกนระบุว่า นอกจากตลาดหุ้นไทยจะได้รับปัจจัยดังได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว ประเด็นทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะมีการปรับลดลงอีกยังเป็นอีกปัจจัยดึงดูดให้เม็ดเงินลงทุนทั้งในและต่างประเทศไหลเข้าตลาดหุ้นไทย และเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ความต้องการบริโภคในประเทศขยายตัวอีกด้วย
นอกจากนี้ การลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 19 สิงหาคมนี้ที่มีแนวโน้มว่าจะผ่านการลงประชามติยังเป็นการปูทางไปสู่การเลือกตั้งซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะทำให้เกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้ยังเป็นปัจจัยที่จะช่วยให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยหนุนให้การใช้จ่ายและการลงทุนของภาคธุรกิจกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย
ขณะเดียวกันเจพีมอร์แกนระบุว่า แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นมาแล้ว 30% จากสิ้นปี 2006 แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดเกิดใหม่อื่นๆยังนับว่าหุ้นไทยมีราคาถูก โดยค่า PE ตลาดหุ้นไทยยังคงต่ำกว่าดัชนี MSCI ตลาดเกิดใหม่อยู่ถึง 30%
ส่วนหุ้นที่เจพีมอร์แกนเลือกแนะนำลงทุนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ ได้แก่ SCB BBL SCC ITD LH TOP และPTT และกลุ่มหุ้นขนาดกลางได้แก่ BECL,
HEMRAJ, HMPRO, IT, KK, KSL, MAJOR, ROBINS, SAT, SATTEL, SIM และ TCAP ซึ่งทั้งหมดราคายังปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก


*ธปท.ทานกระแสกดดันไม่ไหว ลดดบ.0.25%
นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันลง 0.25% จาก 3.50% เป็น 3.25% โดยให้มีผลในทันที เนื่องจากเห็นว่าความเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจยังมีอยู่ โดยเฉพาะการใช้จ่ายภาคเอกชนยังต้องการแรงกระตุ้นให้ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อลดลง และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ภายในช่วงเป้าหมายตลอด 8 ไตรมาสข้างหน้า โดยในไตรมาส 2/50 อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.8% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.9%
ในขณะที่นโยบายการเงินก็สามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อเอื้อต่อการปรับตัวของภาคเศรษฐกิจ และสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยไม่สร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ
" อัตราเงินเฟ้อในครึ่งแรกของปีต่ำกว่าที่คาด ทั้งที่ราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้น เพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการใช้จ่ายของภาคเอกชนที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ด้วย ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ จึงมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืน" ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. กล่าว
ส่วนสัญญาณอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไปจากนี้ เป็นช่วงที่ใกล้ถึงจุดทรงตัวแล้ว ดังนั้นจึงหวังว่าในภาคเศรษฐกิจจะรับลูกต่อ และจะช่วยผลักดันให้มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไปได้
ที่ผ่านมาเราก็ทยอยลดอัตราดอกเบี้ยลงมา 0.50% มา 4 ครั้งแล้ว เพราะฉะนั้นในครั้งนี้จึงคิดว่าการลดอีก 0.25% จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไปได้นางสุชาดา กล่าว
อย่างไรก็ดี ในขณะนี้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงอยู่ที่ 0.23% ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 5% ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้ลดลง เพราะฉะนั้นการลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% นั้นจะส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกิจของผู้ประกอบการลดลงได้


*เชื่อช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้ระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ ได้มีการหารือถึงปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งก็หารือถึงมาตรการต่างๆที่มาดูแลค่าเงินบาท โดยที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่า ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่ามีผลกระทบกับส่วนรวม เพราะฉะนั้นหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันทำงานให้ภาคธุรกิจเดินต่อไปได้
มาตรการที่หลายฝ่ายเสนอในการดูแลค่าเงินบาทนั้น เราไม่ได้รับข้อมูลมาโดยตรง แต่ก็มีการพิจารณาบ้างเท่านั้น ซึ่งการพิจารณาก็ต้องดูให้เศรษฐกิจค่อยๆ ปรับตัวไปได้เพื่อให้ภาคธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ด้วยนางสุชาดา กล่าว
นางสุชาดา กล่าวว่า ในส่วนของค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้น เชื่อว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยลง จะมีผลในทางอ้อมที่จะทำให้การชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะไม่ได้เป็นการป้องกันค่าเงินเท่าไรนัก แต่สามารถช่วยเหลือในเรื่องของการชำระหนี้ต่างประเทศได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้เสนอแพ็กเกจเรื่องการแก้ปัญหาค่าเงินบาทให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว โดยแพ็คเกจที่จะเสนอไม่เกี่ยวกับมาตรการกันสำรอง 30% แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินทุนไหลออกหรือ outflow เป็นส่วนใหญ่ โดยยืนยันว่า ธปท. จะยังไม่ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30%


*โฆสิต ชี้ ดบ.ลงเป็นไปตามคาด ช่วยกระตุ้นการบริโภคในปท.ได้
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การที่วันนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็นสิ่งที่ประเมินไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ ซึ่งย่อมจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศได้ และทำให้เศรษฐกิจของไทยโดยรวมจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ทางรัฐบาลกำหนดไว้ได้สะดวกขึ้น
" ปัจจุบันดอกเบี้ยแม้จะอยู่ในระดับต่ำแล้วหากเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่โอกาสที่จะลดลงไปกว่าระดับปัจจุบันก็มีความเป็นไปได้ แต่เรื่องดังกล่าวไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่ควรจะเป็นเรื่องนโยบายด้านการเงินที่มีความชัดเจนมากกว่า ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงกับทุกฝ่าย อีกทั้งโดยปกติการพิจารณาว่าควรจะปรับขึ้นหรือลงของอัตราดอกเบี้ยจะมีการประเมินทุกๆ 6 สัปดาห์ เพื่อรอดูผลดีและผลเสียที่เกิดขึ้นจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งปัจจุบัน" นายโฆสิต กล่าว


* BBL เล็งปรับลด ดบ.กู้-ฝาก ภายใน 1-2 วันนี้
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) กล่าวว่า การที่ กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ถือว่าเหมาะสมแล้ว เพราะจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และนับเป็นการส่งเสริมการลงทุนให้มากขึ้นได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีต่อการพัฒนาศักยภาพของประเทศ
โดยธนาคารอาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของ กนง. ซึ่งจะพิจารณาทั้งด้านเงินกู้และเงินฝาก โดยเรื่องดังกล่าวคาดว่าใน 1-2 วันนี้จะมีการพิจารณากันเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดต่อไป


* TMB ส่งสัญญาณพร้อมลดดบ. ตามธปท.
นายไกรทิพย์ ไกรฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฎิบัติการ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่า ธนาคารพร้อมที่จะลดดอกเบี้ยตามการส่งสัญญาณธปท. ที่ได้ปรับลดลง 0.25% แต่ทั้งนี้ธนาคารจะไม่เป็นผู้นำในการปรับลดดอกเบี้ย โดยจะขอรอดูสถานการณ์ก่อนว่าธนาคารจะได้รับผลกระทบอะไรจากการที่ ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่ และหากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ปรับลดดอกเบี้ยลง TMB ก็พร้อมที่จะปรับลดลงตามในทันที


* SCIB ยังไม่กล้าฟันธงจะลดดบ. ขอดูรายละเอียดอีกครั้ง
นายระเฑียร ศรีมงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานบริหารเงินและต่างประเทศ ธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) กล่าวว่า ธนาคารยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงได้อีกในระดับเท่าใด และช่วงไหน แม้ว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในครั้งล่าสุดก็ตาม แต่ธนาคารจะขอกลับไปดูในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
"เชื่อว่าการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ของแบงก์ชาติคงมีทั้งสองมุมมอง คือ ลด กับไม่ลด อยู่ที่กรรมการว่าจะมองด้านไหนอย่างไร และข้อมูลไหนน่าเชื่อถือมากกว่า" กล่าว


* โกลเบล็ก ชี้ หุ้นอสังหาฯ รับอานิสงส์มากสุด หลังธปท.ลดลด ดบ.
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า กรณีที่ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 025% ถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่ทั้งนี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวไม่มีผลต่อการช่วยแก้ปัญหาการแข็งค่าของค่าเงินบาทในขณะนี้ เนื่องจากเงินทุนที่เข้ามานั้นมาจากนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งไม่ได้มีความสนใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งมองว่าเงินทุนที่ไหลเข้ามาเป็นเม็ดเงินที่เข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาท ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะยังแข็งค่าขึ้นได้อีก
" การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ น่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นบ้างเล็กน้อยในการที่นักลงทุนอาจจะโยกเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามกนง.และเป็นผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดลง ซึ่งจะทำให้ได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น" นายวรุตม์ กล่าว
ทั้งนี้การที่ธนาคารพาณิชย์จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามกนง.หรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคารว่าต้องการที่จะลดต้นทุนของธนาคารจากการปล่อยสินเชื่อเร็วมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตามมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้กลุ่มหลักทรัพย์ทุกกลุ่มน่าจะได้รับประโยชน์จากการที่ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง แต่เชื่อว่ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์น่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากได้รับประโยชน์ 2 ทาง คือนอกจากจะได้รับประโยชน์เรื่องต้นทุนทางการเงินแล้วยังน่าจะได้รับประโยชน์จากการที่อัตราดอกเบี้ยต่ำช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและการกู้เงินเพิ่มขึ้นได้


*ฟาร์อีสท์ เชื่อ ธปท.ลดดบ.ไม่ช่วยค่าบาทอ่อนค่าลง
นายณาศิส ประเสริฐสกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในครั้งนี้ เป็นไปตามที่ได้มีการคาดหมายกันไว้ แต่ในเรื่องของจิตวิทยาการลงทุนนั้นหลังจากที่มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นให้ปรับอัตราดอกเบี้ยลง 0.5-1% ในการช่วยควบคุมค่าเงินให้มีการอ่อนค่าลงนั้นถือว่าเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในระดับที่น้อยกว่าคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลให้ดัชนีฯในช่วงบ่ายนั้นมีการปรับตัวลดลง
โดยมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ในครั้งนี้เป็นการยืนยันว่า ธปท. จะไม่ใช้อัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการดูแลค่าเงิน เนื่องจากหากธปท.จะใช้ดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการควบคุมค่าเงินก็น่าจะปรับลดในอัตราที่แรงกว่านี้ ดังนั้นจึงมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่ค่อยจะมีผลในการช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนลง แต่จะเป็นตัวที่ช่วยในการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ซึ่งในระยะต่อไปน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นและความเชื่อมั่นในประเทศได้
"มองว่าธนาคารพาณิชย์ในระยะสั้นๆอาจจะยังคงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทันทีตามกนง. เนื่องจากยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรหากไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่เชื่อว่าในระยะต่อไปน่าจะได้เห็นเพราะหากไม่ลดก็อาจจะเกิดการเก็งกำไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยได้" นายณาศิส กล่าว


* เชื่อหุ้นอสังหาฯ คึกคักแน่ เชียร์ซื้อ PS-AP
ทั้งนี้มองว่าการปรับลดอัตราดอกบี้ยลงในครั้งนี้หลักทรัพย์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับประโยชน์ในเชิงจิตวิทยาการลงทุนมากที่สุด แต่ในเชิงพื้นฐานจะช่วยให้ยอดขายปรับตัวดีขึ้นหรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ ต้องรอดูว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการบริโภคและช่วยฟื้นคืนความมั่นใจของผู้บริโภคได้มากน้อยแค่ไหน โดยแนะนำให้ซื้อ PS และ AP เนื่องจากเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีลูกค้าในระดับพรีเมี่ยม ซึ่งจะไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย


*เอเซียพลัส หนุนซื้อ SPALI-PRIN
ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.เอเซียพลัส ระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเป็นการดึงดูดให้เกิดการกู้ยืมเงินในประเทศ และลดการกู้ยืมจากต่างประเทศ (หากรัฐเสนอให้จัดเก็บภาษีนำเข้าของเงินกู้ยืมจากต่างประเทศ) อีกทั้งเป็นการช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศด้วย แนะนำซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์ จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง ได้แก่ กลุ่มอสังหาฯ ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัย SPALI , PRIN , HMPRO , CP7-11



:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com