May 2, 2024   8:01:45 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ราคาน้ำมันดิบ ทะลุ $75 แต่จะไปถึง $100 คงต้องรออีกหลายปี
 

neoeasy
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 80
วันที่: 21/07/2007 @ 02:49:10
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ราคาน้ำมันดิบ ทะลุ $75 ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่จะไปถึง $100 คงต้องรออีกหลายปี

วันนี้น้ำมันดิบ NYMEX spot ซึ่งเป็นตัวหลักที่เราดูๆกัน ปิดไปที่ราคา 75.92 หรือ เป็น New High รอบ 11 เดือน และเกือบจะทำลาย High เดิม 14 July 2006 อีกแค่ ดอลล์เศษๆ
และดูแนวโน้มยังขึ้นได้ต่อ เนื่องจากปัจจัยหลักดังนี้

1.1 ความต้องการน้ำมันดิบ ของประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงๆ อย่าง จีน อินเดีย และ ประเทศจากยุโรปตะวันออก มีปริมาณสูงขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีแน้วโน้มจะลดแต่อย่างใด
2.1 การจำกัดปริมาณการส่งออกน้ำมัน ของกลุ่ม OPEC ซึ่ง OPEC ก็พยายามคุมให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง โดยเมื่อราคาลดต่ำลงก็จะลดจำนวนการส่งออกทันที
2.2 กำลังการผลิตน้ำมันดิบและการกลั่นทั่วโลก คาดว่าตอนนี้ใช้อยู่มากกว่า 85 % แล้ว
การปิดซ่อม การก่อการร้าย ภาวะโลกร้อนที่ อัลกอร์มาเตือน และทำให้ทอร์นาโดรุนแรงขึ้นที่พร้อมจะเข้าถล่มแท่นขุดเจาะ
เหตุการณ์ไม่สงบในแต่ละประเทศอย่าง อิรัก หรือ ไนจีเรีย ฯลฯ ที่จะทำให้แท่นขุดเจาะหรือโรงกลั่น ต้องหยุดการผลิต
จะเกิดผลทางจิตวิทยาอย่างแรงต่อ Supply น้ำมันซึ่ง เกือบเต็มกำลังการผลิตอยู่แล้ว
2.3 น้ำมันดิบใช้แล้วหมดไป ปริมาณน้ำมันจาก แหล่งน้ำมันในปัจจุบันกำลังหมดไป โดยหลายๆ แห่งมีกำลังการผลิตที่ลดลงมาก
2.4 ต้นทุนในการขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบใหม่ๆ ซึ่งอยู่ไกลจากชายฝั่งขึ้น ลึกขึ้น ทำให้ ต้นทุนในสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันสูงขึ้นมาก รวมถึงต้องใช้เวลาในการสร้างนานอย่างน้อย 1-2 ปีด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน
2.5 รัฐบาลหลายๆประเทศ โดยเฉพาะในอเมริกาใต้ เช่น เวเนสุเอล่า เปรู โบลิเวีย เอกวาดอร์ ประกาศขึ้นภาษีรายได้จากการขุดเจาะน้ำมันของบริษัทต่างชาติ ทำให้ต้นทุนน้ำมันดิบที่จะส่งออก มีต้นทุนสูงขึ้นมาก
3 ค่าเงินสหรัฐอ่อนค่าลงมามาก ทำให้ราคาน้ำมันดิบ ต่อ $ สหรัฐ มีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย

จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ทำให้โอกาสที่ราคาน่าจะผ่าน $75 และสูงเกินกว่า $80 ก็เป็นไปได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อ 3)
แต่อย่างที่เขียนถึงราคาน้ำมันเมื่อปีที่แล้วโดยคาดว่าจะไม่สามารถทรงตัวเกิน $80 ได้ใน 5 ปีนี้ ก็เพราะ

1 ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม OPEC เช่น สหรัฐ รัสเซีย หรือหลายๆประเทศจากอ่าว เม็กซิโก และ ทะเลเหนือ ยังเป็นตัวแปรสำคัญต่อ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วย
เพราะ OPEC ผลิตน้ำมันคิดเป็นร้อยละประมาณ 44% ของปริมาณการผลิตทั้งหมดเท่านั้น
2.1 แม้ประเทศต่างๆทั่วโลกจะใช้ กำลังการผลิตน้ำมันในปัจจุบัน เกินกว่า 85% ไปแล้ว แต่พลังงานจาก Carbon เช่น ถ่านหิน ถ่านน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และแหล่งน้ำมันดิบที่ยังไม่ได้ขุดขึ้นมาใช้ จากหลายๆแห่งของโลก ทั้ง
สหรัฐและจีน และอีกหลายๆที่ ยังมีปริมาณสูงมากๆ เพียงแต่ต้นทุนสูงไม่คุ้มค่าในการ นำมาใช้
แต่ที่ราคาน้ำมันเกินกว่า $70 ต่อ บาร์เรล
ทำให้คุ้มค่าต่อการก้าวออกไปต้องแท่นขุดเจาะน้ำมันในบริเวณที่ไกลขึ้นหรือต้นทุนสูงขึ้นทำเมื่อก่อนไม่คุ้ม
นำถ่านน้ำมัน มาสกัดเป็น น้ำมันให้ความร้อน
หรือติดตั้งโรงไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ หรือถ่านหินแทนการใช้น้ำมันเตา ส่วนนี้ต่างๆเหล่านี้ เพิ่มปริมาณ Supply น้ำมันดิบ และลดความต้องการน้ำมันดิบไปได้ส่วนหนึ่ง
2.2 พลังงานทดแทนจากพืชผลการเกษตร อย่าง เอทานอล จากกากน้ำตาล และมันสัมปะหลัง ในไทยเอง
เอทานอล (จากข้าวโพด) ของ Bill Gates ที่พึ่งมาลงทุนเมื่อต้นปีที่แล้ว
หรือ น้ำมันเชื้อเพลิง จากพืชผลการเกษตร ที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวและผลิตออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราก้าวกระโดด
ก็ช่วยผ่อนคลายความต้องการน้ำมันดิบไปมาก รวมถึงในอนาคตด้วย
2.3 เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน และ พลังงานทดแทน อย่าง อุปกรณ์ประหยัดพลังงานต่างๆ , Solar Cell,พลังงานลม,รถ Hybrid ประหยัดน้ำมัน
พลังงานทดแทนภาคขนส่ง อย่างรถที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซ ไฮโดรเจน ของ ฟอร์ด และโตโยต้า ก็พร้อมจะผลิตเชิงพาณิชย์ในอีก 3-5 ปีแล้ว (แล้วอีกกี่ปีในไทยจะมีสถานีบริการก๊าซไฮโดรเจนให้เติมรถกันเนี่ย)
http://media.ford.com/newsroom/feature_display.cfm?release=18794 (รถกระบะเครื่องยนต์ Hydrogen สุดประหยัดและกระทบสิ่งแวดล้อมน้อยลงมาก)

แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่บนสมมุติฐานที่ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐต้องไม่อ่อนยวบ ไป อีกซัก 30 %
ไม่งั้นโอกาสจะเห็นราคาน้ำมัน NYMEX ต่อ Barrel เป็น 3 หลักต่อดอลล่าร์สหรัฐ คงไม่ต้องรอนานแล้วหละ

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com