* "โมนิก้า" คิดว่าข่าวการควบรวมกันระหว่าง ATC กับ RRC คือตัวแปรที่ทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาคึกคักและทะยานขึ้นมาปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง ทั้งที่ช่วงเช้าดัชนีอ่อนตัวลงไปในแดนลบจนแทบจะหาทางกลับไม่เจอ แต่พอกระแสเก็งกำไรดีลควบรวมแพร่กระจายไปทั่วสารทิศ แรงซื้อจากที่ต่างๆ ก็ไหลบ่ากลับเข้ามารับข่าวทันที...หากไม่ยกเป็นพระเอกของวันก็กะไรอยู่ เพราะมูลค่าการซื้อขายคิดเป็น 20% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งตลาดนะค่ะ

*ยิ่งเดี๊ยนคลั่งไคล้หุ้นทั้งสองตัวมานานแรมเดือน และแอบปลื้มผู้บริหารทั้งสองฝ่ายนับตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก(เหมือนรักแรกพบของสาวแรกแย้ม) ยิ่งไม่มีอะไรต้องค้างคาใจอีกต่อไป เพราะรู้ดีว่าพ่อขมองอิ่มของเดี๊ยนทั้งสองคนมีของดีเตรียมมาโชว์เพียบนะซี

*งานนี้จึงขอแนะนำให้มิตรรักแฟน "ข่าวหุ้น" ใช้สิทธิ์สว๊อปหุ้นทันที เพราะภายหลังจากการแลกหุ้นเสร็จสรรพ และมีการนำหุ้นใหม่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้น ร้อยทั้งร้อยราคาหุ้นวิ่งระเบิดระเบ่อแน่ๆ แม้ช่วงแรกราคาหุ้นอาจอืดเป็นเรือเกลือสักหน่อย แต่ท้ายที่สุดราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นแรงเหมือนกับในรายของ PTTCH อย่างแน่นอน...เพราะแพทเทินของการควบรวมถอดแบบออกมาเหมือนกันเปี๊ยบ

*ประกอบกับที่ปรึกษาหัวใจ...เฮ้ย...ที่ปรึกษาการเงินส่วนตัวของดิฉัน นั่งยันนอนยัน และตะแคงยันว่า หากมีเงินเย็นแช่ไว้ในธนาคารเป็นจำนวนมาก ควรเจียดมาลงทุนในหุ้นตัวนี้สักนิดหน่อย เพราะภายหลังหุ้นใหม่เข้าซื้อขายจะมีแก๊ปให้วิ่งไม่ต่ำกว่า 20% ทราบแล้วเปลี่ยน...ค๊อกๆๆๆ

*โดยเฉพาะในรายของ RRC วิ่งขึ้นมาปิดที่ 24.30 บาท บวกไป 2 บาทพร้อมกับรั้งเบอร์หนึ่งในกระดาน Most Active ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มากถึง 3,174ล้านบาท "โมนิก้า" มองว่าเป็นเรื่องปกติของหุ้นที่มีข่าวดีรองรับเต็มประตูหน้าต่าง และก่อนหน้านี้เดี๊ยนก็เคยแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเก็บไว้หลายครั้ง...หากคุณท่านหลานเธอไม่ยอมซื้อเก็บไว้เอง เดี๊ยนก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ ATC "โมนิก้า" เกริ่นนำเป็นเดือนว่า ลงมาให้ซื้อเก็บไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะของมันเห็นกันอย่างแจ่มแจงแดงแจ๋ว่า ราคาเป้าหมายเบื้องต้นที่ 70บาทนั้นเหมาะสมเป็นยิ่ง แถมผลประกอบการไตรมาส 2 ก็ออกมาสวยเฉงกระเดเสียแบบนี้...ราคาหุ้นคงไม่หยุดขึ้นเพียงเท่านี้หรอก เนื่องจากวานนี้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดถึงที่ 71 บาทบวกไปถึง 4 บาท ก็ต้องดันกันต่อไปเจ้าค่ะ

*เมื่อดีลการควบรวมประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ PTT ในฐานะผู้ที่รับผลดีทั้งขึ้นทั้งร่อง เลยบวกรับข่าวดังกล่าวขึ้นไปอีก 4 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 310 บาท ด้วยแรงซื้อที่แน่นขนัดเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา...หากถามถึงระดับราคาดังกล่าวแพงเกินไปหรือไม่ ข้าน้อยขอตอบว่า ไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับอนาคตอันสดใสโชติช่วง แต่หากจะแบ่งปันหุ้นบางส่วนออกมาขายทำกำไร ก็น่าจะเป็นอีกหนทางที่เหมาะสมนะจะบอกให้

* TOP เป็นหุ้นอีกตัวที่ "โมนิก้า" อยากให้นักลงทุนจับตาให้ดีเป็นพิเศษ เพราะราคาหุ้นค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมาวันละเล็กละน้อย แต่เมื่อใดที่ในเครือ ปตท. กระชากขึ้นแรง พ่อทูนหัวรายนี้มักแอบกระชากขึ้นมาด้วยเป็นประจำ ล่าสุดราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 83 บาท บวกไป 3.50 บาท เดี๊ยนมองจากมุมไหน ด้านไหน ก็ไม่เคยรู้สึกว่าหุ้นตัวนี้แพงเกินไปอยู่วันยันค่ำ ถึงต้องการแนะนำให้คุณๆ เหลียวมองหุ้นตัวนี้บ้าง

*ทางด้านหุ้นกลุ่มแบงก์ใหญ่อย่าง BBL KBANK SCB และ KTB "โมนิก้า" มองว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพราะโดยพื้นฐานหุ้นเหล่านี้ยังมีแก๊ปให้วิ่งอีกมาก และราคาหุ้นในปัจจุบันก็ยังอยู่ต่ำกว่าราคาเป้าหมายมาก นักลงทุนจะซื้อ ถือ หรือขาย ก็ได้ทั้งนั้นนะจ๊ะ

*ยกเว้นในรายของ TMB อันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นลูกผีหรือลูกคน เพราะข่าวล่าสุดที่ล่องลอยมากับสายลมก็ยังไม่ชี้ชัดว่าจะร่วมหอลงโรงกับใครทั้งสิ้น...ขณะที่ฝั่งตัวลูก บลจ. ทหารไทย กลับมีพรายกระซิบมาเม้นท์ว่าจะไปร่วมกับ บลจ.ไอเอ็นจี ทั้งที่ตัวแม่ยังไม่ยอมปริปากอะไรออกมาทั้งสิ้น "โมนิก้า" เกรงว่าจะเข้าตำรา ไม่มีมูล ...ไม่ขี้ หรือเปล่า...อิอิอิ

*มีคนถาม "โมนิก้า" ว่าราคาหุ้นกลุ่มเดินเรือจะวิ่งขึ้นไปไกลขนาดไหน ก็ขอตอบว่าไม่รู้ แต่เท่าที่รู้ก็คือ หุ้นกลุ่มนี้กำลังเป็นหุ้นขวัญใจของกองทุนทั้งในและต่างประเทศ จึงเชื่อว่าจะมีแก๊ปให้หุ้นวิ่งอีกไกล และโอกาสนี้เป็นจังหวะดีที่จะเข้ามาไล่ซื้อหุ้นเก้บไว้ในพอร์ตเพราะแรงซื้อยังไหลบ่าเข้ามาไม่หยุดหย่อน...งานนี้จึงขึ้นอยู่กับว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอานะ

*ร้อนแรงสุดและพร้อมใจกันขึ้นยกแผงยามนี้ คงหนีไม่พ้นเป็นหุ้นกลุ่มวอแรนต์ยอดนิยมอีกตามเคย เพราะหากคิดคำนวณเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงในช่วง 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะพบว่า แต่ละตัวขึ้นวันละประมาณ 7-8% แถมบางวันกระชากขึ้นพรวดเดียว 20-30% แบบนี้ไงเล่า ถึงกลายเป็นหุ้นยอดนิยมที่คุณเน็ตถวิลหาทุกค่ำคืน...หลังราคาหุ้นวิ่งระเบิดเถิดเทิงชนิดไม่จำเป็นเหลียวหลังเลยนะค่ะ

*ตบท้ายกันที่บรรยากาศการลงทุนที่แกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เพราะหุ้นบลูชิพหลายตัวโดนสถาบันกระหน่ำเทขาย ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศเป็นคนเข้ามาเก็บ ก็เลยทำให้ภาพการลงทุนช่วงที่ผ่านมาไม่น่าลงทุนเท่าที่ควร และเป็นฉนวนเหตุสำคัญที่ทำให้หุ้นพื้นฐานดีหลายตัวไปไม่ต่อไม่ไหว...หากวัดกันยาวๆ จะรู้ว่า ดัชนีมีโอกาสไปต่อนะจะบอกให้




:lol: