* "โมนิก้า" รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นดัชนีบวกได้แค่ 2.70 จุด ก่อนจะมาปิดที่ 883.65 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขานกว่า 4.10 ล้านบาท เพราะทำให้อุณหภูมิของตลาดหุ้นไม่ร้อนแรงจนโอเว่อร์ฮีต ซึ่งเห็นได้จากมีการทดสอบแรงซื้อและแรงเทขายให้เห็นตลอดทั้งวันนะซีตัวเอง

*ที่สำคัญ คือ นักลงทุนต่างชาติยังขนเงินขนทองมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเหมือนเดิมเท่ากับทำให้ดัชนีมีโอกาสไต่ระดับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 890 จุดอีกหน หลังจากช่วงบ่าย 3โมงวิ่งทะลุขึ้นไปได้หนหนึ่ง เผอิญเจอแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนสถาบันเข้าจังเบ่อเร่อ ดัชนีก็เลยทรุดลงมากองแถว 880 จุดต้นๆไงหล่ะ

*เดี๊ยนสนใจตรงที่วันนี้ดัชนีจะปรับตัวขึ้นไหวไหม เพราะสัญญาณทางเทคนิคฟ้องว่าหุ้นเข้าเขตซื้อมากเกินไป และช่วงที่ผ่านมาก็ยังไม่ผ่านกระบวนการทดสอบแรงเทขายอย่างจริงจังเลยสักครั้ง ส่งผลให้โอกาสที่ดัชนีจะไต่ระดับขึ้นไปสร้างแนวรับเหนือบริเวณ 890จุดไม่ใช่เรื่องหมูๆ นะซี

*ยิ่งนักลงทุนสถาบันในประเทศพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากดัชนีวิ่งขึ้นมาใกล้แนวต้าน900 จุดเท่าใด ยิ่งต้องหาทางเทขายหุ้นทำกำไรให้ได้มากที่สุด เพราะว่ากันว่านักลงทุนต่างชาติเตรียมจะเทขายหุ้นตรงบริเวณนั้นนะซี

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ดัชนีผันผวนอย่างหนัก เพราะตลอดทั้งวันมีแรงยื้อยุดฉุดกระชากกันระหว่างนักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติตลอดเวลา ตลาดหลักทรัพย์ฯเลยงัดมาตรการวางหลักประกันร้อยละ 10 ของวงเงินที่จะซื้อหลักทรัพย์ ซึ่งจะเริ่มมีผลซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2550 นะค่ะ

*โดยเหตุผลที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ หยิบยกขึ้นมาอ้าง ก็เพื่อช่วยลดความเสี่ยง และส่งเสริมให้ผู้ลงทุนมีวินัยในการลงทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่แมงลือพูดกันหนาหูว่า จริงๆ แล้วเกิดจากก่อนหน้านี้ลูกค้าซื้อหุ้นแล้วเบี้ยวหนีเป็นจำนวนมาก ถึงต้องนำเอามาตรการดังกล่าวมาใช้ตั้งแต่เนิ่นๆ ต่างหาก

*สำหรับพระเอกของวันที่สร้างสีสันให้กับการลงทุนมีอยู่ด้วยกันหลายตัว แต่ที่ต้องพูดถึงเป็นลำดับแรกคงหนีไม่พ้น IRPC เพราะหุ้นพ่งขึ้นมาปิดถึงที่ 7.45 บาท บวกไป 0.30บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.64 พันล้านบาท เท่ากับเป็นการล้างอาถรรย์หมายเลข 7ลงอย่างราบคาบ เพราะเขาว่ากันว่าขาใหญ่ติดหุ้นที่บริเวณ 7 บาทกันเป็นจำนวนมาก แต่การที่หุ้นกระชากขึ้นมาถึงขนาดนี้ แสดงว่าไม่มีขาใหญ่ติดแล้วหล่ะ

*ส่วนหุ้นโรงกลั่นชั้นนำของประเทศ(สงสัยเดี๊ยนจะยอมากเกินไป) TOP แสดงกำลังภายในอันแข็งกล้าด้วยการกระชากขึ้นไปถึง 95.50 บาทในช่วงเช้า แต่เผอิญฟ้าฝนไม่เป็นใจ ราคาหุ้นถึงถอยรนลงมาปิดที่ 91.50 บาท บวกไป 4.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 32 พันล้านบาท ถือเป็นการส่งสัญญาณให้ขาประจำโรงกลั่นรู้ว่า วันนี้ขึ้นต่ออย่างแน่นอนเจ้าค่ะ

*แม้ปูนใหญ่ SCC จะวิ่งขึ้นมาปิดได้แค่ระดับ 282 บาท บวกไป 4 บาท แต่ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ความน่าสนใจของหุ้นตัวนี้ลดลงแต่อย่างใด เพราะเมื่อคิดถึงเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายเป็นประจำ(งวดนี้จ่ายถึง 7.50 บาท) ย่อมขับเคลื่อนให้ราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นไปทำnew high ได้ในไม่ช้า

*นอกจากนี้ยังมีการบันทึกผลกำไรจากการขายหุ้น ATC 1.7-1.8 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ก็น่าจะทำให้งบการเงินปี 2550 ออกมาสวยไม่เบา แม้ยอดขายจะไม่โตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่เมื่อบวกลบคูณหารอนาคตอันสดใส "โมนิก้า" ก็ขอยืนกรานว่า หุ้นยังมีแก๊ปวิ่งอีกมากเจ้าค่ะ

*ผิดกับในรายของ DTAC ราคาหุ้นเริ่มอืดเป็นเรือเกลืออีกรอบ หลังนักลงทุนรายใหญ่ที่ได้หุ้นจองเทขายทำกำไรกันกระเป๋าตุง โดยหนึ่งในนั้นก็มีชื่อของ กบข. เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแบบนี้ "โมนิก้า" คิดว่าอีกพักใหญ่กว่าหุ้นจะถูกดันขึ้นไปแตะ 50 บาทเหมือนก่อนหน้านี้...ระหว่างที่รอก็ทนอึดอัดใจที่เห็นราคาหุ้นขึ้นๆ ลงๆ บริเวณ 46.25 บาท ไปก่อนนะตัวเอง เพราะไม่มีสตอรี่ใหม่ๆ เข้ามาเสริมบารมีนะซี

*ตรงกันข้ามกับในรายของ BLS มีข่าวดีมากมายหลายเรื่องเข้ามาซับพอร์ตไม่ว่างเว้น ราคาหุ้นถึงขยับขึ้นมาปิดที่ 25.50 บาท บวกไป 0.50 บาท สวนทางหุ้นหลักทรัพย์ตัวอื่นๆ ที่รูดลงแดนลบเป็นส่วนใหญ่...ที่สำคัญ คือ เมื่อวัดตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงวานนี้ ราคาหุ้นขึ้นไปกว่า 70% คุณๆ คิดว่าหุ้นตัวนี้น่าเล่นต่อไหมหล่ะ

*KGI เป็นหุ้นค้าหลักทรัพย์อีกรายที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เพราะราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 65% แถมเป็นหุ้นขนาดเล็ก ราคาถูก ดันก็ง่ายแบบนี้ ราคาหุ้นถึงยืนหยัดสวนกระแรงเทขายได้ตลอดทั้งวัน ยิ่งโบรกเกอร์รายนี้เคยขึ้นทำเนียบโบรกเกอร์ชั้นนำของประเทศ...ห้ามมองข้ามหุ้นตัวนี้เป็นอันขาดเจ้าค่ะ

*ตบท้ายกันที่แม่ลูกนักฉวยโอกาส BCP และ BCP-W1 จู่ๆ ก็ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงแบบไม่ทันตั้งตัว แถมก่อนหน้านี้ยังเปิดกระโดดอีกด้วย "โมนิก้า" ถึงไม่กล้าแนะนำให้มิตรรักแฟนเพลงเล่น แต่พอวานนี้เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิด 13.90 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือ4.51% และปิดที่ 4.48 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไปถึง 18% จึงขอกลับลำให้นักลงทุนเล่นตามกระแสไปเลยเจ้าค่ะ


:lol:

เกาะกระดานหุ้น จากกรุงเทพธุรกิจ

@ สังเกตราคาหุ้น เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ (ASIMAR) มาเกือบเดือน เห็นว่าช่วงต้นเดือนวิ่งขึ้นต่อเนื่องจากระดับ 1.10 บาท เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2550 จนกระทั่งแตะราคาสูงสุดที่ 1.83 บาท ในวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นราคาสูงสุดตั้งแต่ต้นปี และหลังจากนั้นก็เริ่มปรับตัวลดลงจนวานนี้ (25ก.ค.) ปิดการซื้อขายที่ 1.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 11.51% ระหว่างวันทำราคาสูงสุดที่ 1.61 บาท แต่มูลค่าการซื้อขาย 1.50 ล้านบาทเท่านั้น เห็นความเปลี่ยนแปลงของราคาแล้ว...อดสงสัยว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหรือไม่ เพราะปกติหุ้นนี้ไม่ค่อยขยับเท่าไหร่ แต่ช่วงนี้กลับวิ่งเอาวิ่งเอา 10 กว่าวันราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาเกือบ 1 บาท แต่วอลุ่มกลับไม่หนา...จะมีฝ่ายไหนติดตามข้อมูลได้บ้างมั้ยนะ?

@ ด้าน บลจ.ซีมิโก้ ผู้ประกอบการน้องใหม่รายล่าสุดในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์จัดการกองทุน ก็ประกาศตัวเปรี้ยงว่า ไม่ว่าธุรกิจนี้จะแข่งขันรุนแรงแค่ไหน น้องใหม่อย่าง บลจ.ซีมิโก้ ไม่หวั่น!! เพราะดูแล้วยังมีช่องทางการทำตลาดอีกมาก โดยเฉพาะกลยุทธ์ "บลูโอเชี่ยน" ซึ่งยังไม่เคยเห็นใครนำมาใช้ในธุรกิจนี้ นั่นคือการแข่งขันด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ภายใต้ต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำ เห็นออกตัวแรงด้วยนโยบายหรู...กระจิบข่าวก็ขอเอาใจช่วยให้ไปด้วยดีละกันจ้า!!

@ นักลงทุนรายย่อยเล่นเก็งกำไรหุ้น กลุ่มหลักทรัพย์คึกคัก ตอนเช้าราคาหุ้นยังวิ่งอยู่ดีๆ พอตกบ่ายหล่นตุบไม่รู้เรื่อง ทั้งหุ้นบล.โกลเบล็ก (GBX) ปิดที่ราคา1.92 บาทลดลง 0.03 บาท คิดเป็น1.54% มูลค่าการซื้อขายรวม 137.34 ล้านบาท หุ้นบล.แอ๊ดคินซัน(ASL) ปิดตลาดที่ 1.13 บาท ลดลง 0.01 บาท คิดเป็น 0.88% มูลค่าการซื้อขายรวม 444.46 ล้านบาท และหุ้นบล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ปิดตลาดที่ 27.75บาทลดลง 0.75 บาทคิดเป็น 2.63% มูลค่ารวม 731.22 ล้านบาท งานนี้รายย่อยที่ถือข้ามวันซีดไปตามๆ กัน

@หุ้นไลฟ์ (LIVE) ถูกแรงเทขายกระหน่ำไม่ยั้ง หลังถูกห้ามเทรดในบัญชีมาร์จินกับเน็ตเซทเทิลเม้นท์ต่ออีก 30วัน ปรากฏว่าราคาหุ้นรูดสวนภาพรวมตลาด ล่าสุดมาปิดตลาดที่ราคา 4.40 บาท ลดลง 0.60 บาท คิดเป็น 12% ไม่รู้ว่าราคาหุ้นที่ดิ่งเหว เพราะมาตรการนี้ใช้ได้ผลรึว่า มีใครทุบทิ้งแล้วไปรอรับที่ราคาต่ำรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ ลองจับตาดูอีกสัก 2-3 วันถ้าวิ่งอีก มีหวังสมมติฐานนี้ชัวร์

@ หุ้นไทยง้วนเมทัล (TYM) ฉวยจังหวะตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ยุคภาวะกระทิงเต็มตัว เร่งขายไอพีโอระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.นี้ ล่าสุดปรากฏว่าได้แววมาว่าจะกำหนดราคาไอพีโอที่ 3 บาท พร้อมเข้าเทรดวันที่ 9 สิงหาคมนี้ เอ้ารอลุ้นว่าไปได้ไกลแค่ไหนวัดฝีมือที่ปรึกษาทางการเงินก็แล้วกัน

@ส่วนแบงก์ทหารไทย งานนี้ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง "ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์" ออกโรงย้ำหนักแน่นว่า..."แบงก์ทหารไทย" เพิ่มทุนต้องจบแค่ 3.5 หมื่นล้านบาท เพราะเป็นเม็ดเงินที่พอเพียงจนไม่ทำให้ต้องเพิ่มทุนไปถึงปีหน้าโน่น...พร้อมยืนยันว่าการเข้าพบท่านประธาน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน...ไม่มีอะไรในกอไผ่....และเป็นเรื่องที่ไม่มีความแปลกใหม่อะไร เพราะคำว่า TMB เป็นธนาคารที่มีทหารเป็นผู้ถือหุ้นสำคัญ แม้สัดส่วนจะน้อยลงก็ตาม

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรายงานให้ "พลเอกสนธิ" รับทราบถึงสถานภาพของแบงก์ขณะนี้ รวมถึงกระบวนการ หรือขั้นตอนของการเพิ่มทุนไปถึงไหนแล้ว


:lol: